สำหรับใครที่อยู่ในประเทศซึ่งมีการเปิดให้บริการแพลตฟอร์มสตรีมมิง Disney+ วันนี้ (15 มกราคม) ก็จะเป็นวันที่ได้ชม 2 ตอนแรก (ตอนละ 30 นาที) จากจำนวนทั้งหมด 9 ตอนของซีรีส์เรื่องแรกในจักรวาลมาร์เวลอย่าง WandaVision ซึ่งได้รับคำชื่นชมในหมู่นักวิจารณ์ที่ได้ชม 3 ตอนแรกของซีรีส์ไปแล้วในรอบสื่อ ระหว่างนี้ที่ Paul Bettany และ Elizabeth Olsen เดินสายให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายเจ้า ก็มีข้อมูลเพิ่มเติมของหนังออกมาให้แฟน ๆ ได้รู้กัน
อย่างแรก Paul ตอบคำถามที่เขาต้องเจอจากแฟน ๆ มาตลอดตั้งแต่ประกาศสร้างซีรีส์เรื่องนี้ว่า ตัวละคร Vision ที่ถูกถอดอัญมณีจิตใจ (Mind Stone) ไปเป็นหนึ่งในถุงมือของ Thanos กับ Avengers: Infinity War (2018) ซึ่งเท่ากับตัวละครของเขาตายไปแล้วนั้น จะกลับมามีชีวิตอีกครั้งในซีรีส์ได้ยังไง? โดยเขาบอกว่า แฟนหนังไม่ต้องพยายามหาคำตอบนี้ เพราะสุดท้ายซีรีส์ WandaVision จะให้คำตอบอย่างแน่นอน
เชื่อในมาร์เวลสิ ทุกคนเลิกคิดเรื่องนี้ได้แล้ว ผมขอแค่ให้คุณรักมัน (หมายถึงซีรีส์) และรัดเข็มขัดให้แน่น ซีรีส์จะพาคุณไปเอง ทุกๆ อย่างจะได้รับการอธิบาย”
Paul ยังได้เล่าให้ The Hollywood Reporter ฟังด้วยว่า เขานึกว่าตัวเองถูกไล่ออกจาก MCU โดยปริยายไปแล้ว หลังจาก Vision ตายและน่าจะจบบทบาทลงตรงนั้น จนกระทั่งได้รู้ว่า Kevin Feige หัวเรือใหญ่ของ Marvel Studios กำลังปลุกปั้นซีรีส์เรื่องนี้อยู่
ผมเพิ่งตายไปใน Infinity War สัญญาผมก็หมด และผมก็ได้รับสายจาก Kevin Feige ที่บอกว่า “มาหาผมที่ออฟฟิศหน่อยได้ไหม” ซึ่งถ้าเจ้านายโทรมาหาคุณแบบนั้นในตอนที่สัญญาคุณหมดแล้ว คุณก็คงคิดว่านั่นคือการบอกลา ผมมองไปที่ Jennifer (Connelly ภรรยาของ Bettany นักแสดงชื่อดัง) แล้วพูดไปว่า ผมคงได้ออกจากการเล่นหนังมาร์เวลจริง ๆ แล้ว…
แล้วผมก็เข้าไป ผมไปหา Kevin และบอกว่า ผมเข้าใจดีและไม่ได้โกรธอะไร แต่ Kevin ก็พูดขึ้นมาว่า “เดี๋ยวนะ นี่คุณจะลาไปไหน?” ผมเลยตอบว่า “อ้าว คุณไม่ได้จะไล่ผมออกแล้วเหรอ?” เขาเลยเล่าเรื่องของซีรีส์ให้ผมฟัง ซึ่งแน่นอนว่า ผมต้องเอาด้วยอยู่แล้ว (หัวเราะ)”
นอกจากนี้ Paul บอกแบบติดตลกว่าเขาชอบให้เสียงเป็นตัวละคร Jarvis ใน Iron Man 1-3 (2008-2013) มาก ด้วยความทำงานง่ายกว่าและพากย์เสียงสร็จก็ได้เงิน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่ง่ายกว่าการรับบทเป็น Vision
ผมไปทำงานแค่วันเดียวก็ช่วยงานของทุกคนเสร็จได้หมด ผมแค่ไปพูดว่า “วายร้ายใกล้เข้ามาแล้วครับ!” ผมก็ได้กลับบ้านพร้อมค่าจ้างแล้ว”
และก็บอกว่า จริง ๆ แล้วเขาก็แอบเสียใจที่ไม่ได้อยู่ในฉากรวมพลังประจัญบานของ Avengers: Endgame (2019) ซึ่งเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ MCU นับจนถึงตอนนี้
ผมเสียใจแต่ว่ามันก็แค่ตอนนั้น ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไม เพราะเราใช้เวลาไปปีหนึ่งในการถ่ายซีรีส์เรื่องนี้ เพื่อจะได้อธิบายเหตุผลที่ผมไม่อยู่ Kevin อธิบายให้ผมฟังและผมก็คิดว่า “มันยากที่จะโต้แย้งเหตุผลของเขา” ว่าทำไม Vision จึงไม่อยู่ Kevin เป็นคนฉลาดและผมก็เชื่อใจเขา”
ทางด้าน Feige ที่ช่วงนี้ออกมาให้ข่าวหลายเรื่องเกี่ยวกับจักรวาลหนังมาร์เวล ก็เล่าให้สื่อฟังด้วยว่า ซีรีส์ WandaVision จะมีการฉายโฆษณาอยู่ประปรายตลอดเรื่อง แต่จะไม่ใช่การฉายเพื่อโพรโมตขายสินค้า แต่เป็นโฆษณาที่สร้างขึ้นมาเพื่อเชื่อมโยงถึงตัวละครหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ จากหนัง MCU ที่ผ่านมา และบางอย่างอาจเชื่อมโยงถึง Wanda และ Vision ด้วย ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ว่า Easter Eggs บางอย่างอาจซ่อนอยู่ในโฆษณาเหล่านี้ที่แฟน ๆ ต้องจับตาดูให้ดี ๆ
โฆษณาเหล่านี้เป็นความคิดแรก ๆ ของซีรีส์ แม้ว่ามันจะดูเหมือนเป็นแค่โฆษณาจากยุค 50s หรือ 60s ในเวอร์ชันที่ประหลาดหน่อย แต่ถ้าคุณเคยดูหนัง MCU มาแล้วทุกเรื่อง คุณก็จะเริ่มเชื่อมโยงความหมายของสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ปรากฏขึ้นมานี้ได้” Feige กล่าว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส