ผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชิลีในยุคนี้อย่าง พาโบล ลาร์เรน ผู้เคยส่ง Jackie (2016) หนังชีวประวัติของ แจ็กกี้ เคนเนดี ภรรยาหม้ายของอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี ที่ต้องผ่านช่วงเวลาอันคับขันแห่งชีวิตเมื่อสามีของเธอถูกลอบสังหาร และส่งเธอจากการเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งสู่หญิงหม้ายอาภัพเพียงชั่วข้ามคืน ทั้งยังได้ดัน นาตาลี พอร์ตแมน ในบท แจ็กกี้ เข้าชิงในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมมาแล้วหลายเวที ในปีนั้น
ดูเหมือนลาร์เรนจะถูกใจการนำเสนอแนวหนังชีวประวัติที่ว่าด้วยสตรีสูงศักดิ์ที่ต้องผ่านวิกฤตในชีวิตอยู่ไม่น้อย เพราะในปีนี้เขากำลังถ่ายทำหนังลุ้นชิงออสการ์เรื่องใหม่อย่าง Spencer ที่เริ่มปล่อยของชิมลางให้ผู้ชมได้ตื่นเต้นกันแล้ว
โดยจากข้อมูลในตอนนี้เราทราบเพียงว่าหนังจะได้ นักแสดงสาวอย่าง คริสเตน สจ๊วต มารับบทเจ้าหญิงไดอาน่า และจะได้นักแสดงมือรางวัลมาร่วมงานทั้ง ทิโมธี สปอล เจ้าของรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเทศกาลหนังเมืองคานส์จาก Mr. Turner (2014), แซลลี ฮอว์กินส์ เจ้าของรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมเวทีลูกโลกทองคำจากหนัง Happy-Go-Lucky (2008) และคุ้นตาผู้ชมจากบทนำในหนังออสการ์ The Shape of Water (2017) มาแล้ว และอีกคนที่ทราบแล้วคือ ฌอน แฮร์ริส จากหนัง Mission: Impossible สองภาคหลังสุด ที่จะมาร่วมแสดง
โดยขณะนี้ทีมงานก็ได้เผยภาพแรกของ คริสเตน สจ๊วต ในบท เจ้าหญิงไดอาน่าออกมาให้ยลโฉมกันแล้วด้วยตามภาพด้านล่างนี้ ซึ่งเปลี่ยนภาพจำของคริสเตน สจ๊วต ไปไม่น้อยทีเดียว
ทั้งนี้ตัวหนังจะว่าด้วยเรื่องราวช่วงวันหยุดคริสต์มาสที่เจ้าหญิงไดอาน่าจะได้ร่วมฉลองกับเหล่าสมาชิกราชวงศ์อังกฤษ หากแต่เทศกาลอันชื่นมื่นนี้ช่างขัดแย้งจากหัวใจของเจ้าหญิงแห่งเวลส์ในขณะนั้นอย่างยิ่ง เพราะเธอกำลังสับสนอยู่ในความคิดที่จะแยกทางจากพระสวามีอย่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ อันเป็นที่มาของช่วงเวลาไม่กี่วันที่เปลี่ยนชีวิตของพระองค์ไปตลอดกาล
หนังจะได้มือเขียนบทเทพคนหนึ่งของวงการอย่าง สตีเฟน ไนท์ ที่เคยเข้าชิงออสการ์สาขาบทดั้งเดิมยอดเยี่ยมจากหนัง Dirty Pretty Things (2002) มาเขียนบท โดยจะเริ่มถ่ายทำในประเทศเยอรมนี และสหราชอาณาจักร และคาดว่าจะออกฉายได้ในช่วงหลังเดือนกันยายนปีนี้ ซึ่งจะเป็นวาระครบรอบ 25 ปีการจากไปของเจ้าหญิงแห่งเวลส์เมื่อปี 1996 ด้วย
สำหรับชื่อหนัง Spencer คือนามสกุลเดิมของเจ้าหญิงไดอาน่าก่อนจะอภิเษกสมรส ซึ่ง คริสเตน สจ๊วต ได้กล่าวถึงหนังว่าจะเป็น “การสำรวจลึกลงในความคิดและห้วงอารมณ์ของตัวเจ้าหญิงไดอาน่า ในช่วงเวลาที่เธอต้องทบทวนตัวตนของเธอเองว่าคือใครกันแน่ และยังเป็นการนำเสนอความพยายามหวนระลึกเพื่อกลับไปเป็นสเปนเซอร์ของไดอาน่าอีกครั้งเองด้วย”
และสำหรับใครที่คาดว่ามันจะทับซ้อนกับความคิดสร้างสรรค์ที่ซีรีส์ The Crown ซีซันล่าสุด ของทางเน็ตฟลิกซ์เพิ่งได้นำเสนอไป สตีเฟน ไนท์ ได้กล่าวว่า เขาหลีกเลี่ยงในการรับชมหรือรับฟังเกี่ยวกับซีรีส์ดังกล่าวเพื่อไม่ให้รู้สึกกรอบจำกัดความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง ทั้งนี้บทหนังนี้ได้ผ่านการหาข้อมูลผ่านการพูดคุยกับบุคคลจริงที่เคยรู้จักหรือใกล้ชิดกับตัวเจ้าหญิงไดอาน่า เพื่อวิเคราะห์ในแง่ตัวตนว่าไดอาน่าเป็นคนเช่นไร ซึ่งสุดท้ายไนท์ได้บอกว่า เขาเขีบนบทหนังนี้โดยมีความคิดเกี่ยวกับไดอาน่าว่า เธอคือคนธรรมดาทั่วไปที่จำเป็นต้องเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดาเลยสักนิด นั่นเอง
เชื่อว่าด้วยดีกรีของผู้กำกับและทีมงาน พร้อมด้วยห้วงเวลาครบรอบสำคัญ น่าจะเป็นกระแสส่งเสริมให้หนังเรื่องนี้ถูกจับตามองจากเวทีรางวัลใหญ่ ๆ ในปีนี้จนถึงปีหน้าอย่างแน่นอน
เกร็ดเสริม: ในความเป็นจริงเจ้าหญิงไดอาน่าเป็นเพียงชื่อไม่เป็นทางการที่สื่อเรียกกันเองเท่านั้น เพราะพระนามทางการของไดอาน่าแท้จริงคือ Her Royal Highness Diana, Princess of Wales ทั้งนี้การที่บุคคลสามัญชนอภิเษกสมรสกับเจ้าฟ้าชายก็ไม่ได้ทำให้กลายเป็นเจ้าหญิงโดยอัตโนมัติแต่งอย่างใด เช่นเดียวกับ เมแกน มาร์เคิล และ แคทเธอรีน มิดเดิลตัน เองก็ไม่ได้กลายเป็นเจ้าหญิงเช่นกัน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส