สาวกซีรีส์ Breaking Bad รู้จักเขาในนาม กุสตาฟโว ฟริง เจ้าพ่อค้ายาที่เปิดร้านไก่ทอด Los Pollos Hermanos บังหน้า…
สาวกซีรีส์ The Boys รู้จักเขาในนาม สแตน เอ็ดการ์ CEO บริษัทยาที่เปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นซูเปอร์มนุษย์จนบ้านเมืองวุ่นวาย…
ส่วนสาวกซีรีส์ The Mandalorian คงรู้จักเขาในบท มอฟฟ์ กีเดียน เจ้าหน้าที่ของจักรวรรดิ์ผู้หมายได้ โกรกู หรือ The Child ไปทดลอง…
แต่ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังบทตัวร้ายสุดอำมหิตที่น่าจดใจของทุกคนล้วนรับบทโดยหนุ่มใหญ่วัยเก๋าที่มีเชื้อชาติอันหลากหลายนาม จิอันคาร์โล เอสโปสิโต (Giancarlo Esposito) ที่ระหกระเหินอยู่ในวงการฮอลลีวูดมาอย่างยาวนานจนเราอาจคุ้นหน้าของเขามากกว่าที่คิดก็เป็นได้…
ชายผู้เกิดมาพร้อมหลากเชื้อชาติ
ย้อนกลับไปนานกว่า 60 ปี จิโอวานนี คุณพ่อชาวอิตาลีที่เป็นช่างไม้และตกแต่งเวทีละครได้พบรักกับเอลิซาเบ็ธ ลีซ่า ฟอสเตอร์ นักร้องโอเปร่าผิวสี ตอนที่คุณแม่ของเอสโปสิโตมาแสดงโอเปร่าเรื่อง Porgy and Bess และทั้งคู่ก็ให้กำเนิดเด็กชาย จิอันคาร์โล กุยเซ็ปเป้ อเลสซานโดร เอสโพสิโตในปี 1952 ที่เมือง โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
โดยนอกจากจะทำให้เขามีเชื้อชาติที่ผสมผสานกันทั้งอิตาเลียนและแอฟริกันอเมริกันแล้ว ด้วยความที่เกิดในบ้านของศิลปินเลยทำให้ชีวิตของเขามีแต่ศิลปะการแสดงมาตลอดรายทางของการเติบโต จนครอบครัวก็ได้ย้ายมานิวยอร์กช่วง 6 ขวบและในวัยเพียง 8 ขวบเขาได้โลดแล่นบนเวทีบรอดเวย์กับละครเวทีเรื่อง Maggie Flynn ในบทบาทลูกทาสผิวดำ ซึ่งต่อมามันก็ทำให้เขารู้ว่าสีผิวกำลังจะกำหนดภาพตายตัวในอาชีพเขาในเวลาต่อมา
ซึ่งแม้ว่าเขาจะพยายามเรียนภาษาสเปนเพิ่มเติมเพื่อหวังได้รับบทที่ดู “แพง” ขึ้นแต่สุดท้ายความเป็นคนผิวสีก็กลายเป็นอัตลักษณ์สำคัญมากกว่า ถึงขั้นว่าเวลาไปออดิชันพอบอกชื่อจิอันคาร์โล เอสโพสิโต ไป ก็เป็นงงทั้งกองประหนึ่งตัวเองเป็นข้าวนอกนายังไงยังงั้น
โดยบทที่เขาได้รับในวงการภาพยนตร์ช่วงแรก ๆ ส่วนใหญ่มักจะเป็นบทสมทบเล็ก ๆ เช่นเพื่อนร่วมคุกกับ เอ็ดดี เมอร์ฟีย์ ใน Trading Places (1983) หนังของจอห์น แลนดิส (เจ้าของเดียวกับ Coming To America หนังดังอีกเรื่องของเอ็ดดี เมอร์ฟีย์) และได้ร่วมงานกับสุดยอดผู้กำกับชั้นครูกับ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ใน The Cotton Club (1984) กับบทนักเลงหัวไม้ ส่วนผลงานทางทีวีก็มีตั้งแต่การให้เสียงพากย์เป็นมิกกี นกยักษ์สีเหลืองจอมกุนซือของเพื่อน ๆ ใน The Sesame Street (1982-1984) ไปจนถึงแสดงสมทบงานซีรีส์แมน ๆ ฮิต ๆ ทั้ง Miami Vice , The Equalizer และได้ร่วมแสดงใน Maximum Overdrive งานกำกับของสตีเฟน คิง นักเขียนนิยายสยองขวัญสุดดัง
แต่แล้วชีวิตของจีอันคาร์โลก็มีอันพลิกผันเพราะทั้งสีผิวและฝีมือที่เข้มไม้แพ้กันจนมันพาเขาไปสู่การร่วมคณะ Negro Ensemble Company และในปี 1980 เขาก็ได้พบกับสุดยอดผู้กำกับผิวสีอย่าง สไปค์ ลี และได้ร่วมงานกันใน School Daze ละครมิวสิคัลที่ได้ต่อยอดสู่ภาพยนตร์และแน่นอนว่าทั้งคู่ก็ได้ร่วมงานกันในหนังเรื่องสำคัญของสไปค์ ลีทั้ง Malcolm X, Mo’ Better Blues รวมถึงงานวิพากษ์ประเด็นผิวสีสุดร้อนแรงอย่าง Do the right thing (1989) ที่ จิอันคาร์โล รับบท บักกิน เอาต์ เด็กนิวยอร์กสุดแสบกับประโยคคำถามเจ้าของร้านพิซซ่าถึงกรณีที่ร้านไม่ยอมติดรูปคนดังผิวสีในร้านที่นอกจากจะทำให้แฟน ๆ จดจำเขาได้แล้วมันยังทำให้เขากับพ่อได้มีโอกาสระบายความในใจถึงปัญหาที่ลูกชายที่เป็นคนผิวสีต้องพบเจอในสังคม
อยากรู้ว่าชีวิตการงานของ Giancarlo Esposito เปลี่ยนไปอย่างไร อ่านต่อหน้าถัดไปเลย
และแน่นอนว่าเมื่อโอกาสมาถึงเขาก็ได้รับเลือกให้แสดงหนังและซีรีส์มากมายแต่บทที่ได้รับมักจะตายตัวและมาพร้อมกับภาพของคนผิวสีที่ไม่พ้นคนขายยาหรือกุ๊ยข้างถนน และในโมงยามของความสับสนและค้นหาตัวเอง จีอันคาร์โล เอสโพสิโต เขาก็ได้พบคำตอบจากปูชนียบุคคลของนักแสดงผิวสีอย่าง ซิดนีย์ พอยเตียร์ ที่ถ่ายทอดบทบาทที่ได้รับอย่างเปี่ยมความเป็นมนุษย์และได้คติใหม่ในการแสดงที่ว่าต่อไปเขาจะเลือกถ่ายทอดบทบาทของตัวละครออกมาในฐานะมนุษย์คนนึงมากกว่าจะเป็นเพียงแค่ชายผิวดำหรือเป็นจิอันคาร์โล เอสโพสิโต
ยุค 90s : ยังวนเวียนในหนังดังอยู่บ้าง
สำหรับยุค 90 ่เขาเริ่มรับบทสมทบในหนังฟอร์มดีเช่น Harley Davidson And The Marlboro Man ที่ได้กลับมาร่วมงานกับ ดอน จอห์นสันอีกครั้งหลังซีรีส์ Miami Vice รวมถึง The Usual Suspects หนังรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและสมทบชายยอดเยี่ยมปี 1995 และยังมีมินิซีรีส์ Creature สร้างจากหนังสือผู้เขียน Jaws และมีหนังอินดีอย่าง Smoke และได้กลับมาร่วมงานกับดอน จอห์นสันอีกครั้งกับ Nash Bridge (1996-2001) และมีซีรีส์ตำรวจอย่าง Homicide: Life On The Street พอเป็นผลงานประดับบารมีบ้างแต่ชื่อเสียงก็ยังไม่เปรี้ยงปร้างเท่าไหร่
ปี 2000 เริ่มสั่งสมบารมี
แต่สำหรับปี 2000 ไม่น่าเชื่อว่าเกือบ 20 ปีกับการเวียนว่ายในวงการอย่างอดทน โอกาสเพิ่งจะมาถึงเขาอย่างแท้จริงแต่ก่อนเราจะไปพูดถึงซีรีส์สร้างชื่อให้เขาเราขอเริ่มที่งานภาพยนตร์ระดับออสการ์อย่าง Ali (2001) ประกบ วิล สมิธ ที่ได้ชิงออสการ์จากบทโมฮัมหมัด อาลี ตามมาด้วยซีรีส์และหนังทีวีทั้ง Law and Order รวมถึงภาคแยกหรือสปินออฟอย่าง Trial By Jury นอกจากนี้ยังมี Lie To Me Leverage และหนังทีวีอย่าง Carlito’s Way: Rise To Power แต่แล้วโอกาสสำคัญก็มาถึงกับบทตัวร้ายในตำนานอย่าง กัส ฟริงก์ ในซีรีส์สุดฮิตอย่าง Breaking Bad
หมดคำสาปตัวประกอบกับบท กัส ฟริงก์
สำหรับตัวละคร กัส ฟริงก์ ได้เข้ามามีบทบาท ตอนที่ 11 ในซีซัน 2 ของ Breaking Bad (2009) และจิอันคาร์โล เอสโพสิโต ก็เริ่มสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับชีวิตของวอลเธอร์ ไวต์ มากขึ้น ๆ ในทุกตอน แต่ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังการคัดเลือกบท กัส ฟริงก์ มาเฟียค้ายาผู้เปิดกิจการขายไก่ทอดบังหน้านี้เหมือนเป็นปาฏิหาริย์และโอกาสที่ไม่คาดคิดมาก่อน
โดย วินซ์ กิลลิแกน โชว์รันเนอร์ของซีรีส์ Breaking Bad ได้เปิดเผยว่าความจริง จิอันคาร์โล เอสโพสิโต ไม่ใช่ชื่อแรกที่เขาเลือกมารับบท กัส ฟริงก์ ด้วยซ้ำ แต่ด้วยชะตาลิขิตว่าบทนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ก็ดลให้เขาได้ดูเทปแคสติงของ จิอันคาร์โล และต้องเขกหัวตัวเองที่ดันไปคิดว่านักแสดงผิวสีมาดดีผู้นี้คงไม่มาสนใจรับบทวายร้ายสุดเหี้ยมอย่างนี้หรอก
จนกระทั่งผลงานออกสู่สายตาประชาชน นอกจากจะกลายเป็นตัวร้ายในดวงใจติดอันดับวายร้ายยอดเยี่ยมตลอดกาลของวงการซีรีส์แล้วยังส่งผลให้ จิอันคาร์โล เอสโพสิโต ได้เข้าชิงรางวัลเอมมี่ อวอร์ด สุดยอดเกียรติยศของคนทีวีอีกด้วย และแน่นอนว่า กัส ฟริงก์ และ จิอันคาร์โล เอสโพสิโต ก็ได้มาปรากฎตัวในซีรีส์ Better Call Saul (2017) ซีรีส์ภาคแยกจาก Breaking Bad ด้วย
ชม Breaking Bad บน Netflix กดได้เลย
ชม Better Call Saul บน Netflix กดได้เลย
บท กัส ฟริงก์ ให้คุณอย่างไรตามอ่านได้หน้าต่อไปเลยครับ
โอกาสไหลมา เทมา อย่างไม่ขาดสาย
ต้องยอมรับว่าบท กัส ฟริงก์ ได้สร้างเครื่องหมายการค้าของวายร้าย โหด มาดนิ่งให้ จิอันคาร์โล เอสโพสิโต จนกลายเป็นภาพจำไม่น้อย เพราะต่อมาเขาก็ได้รับเลือกให้ไปแสดงบทวายร้ายทั้งหนังและซีรีส์มากมายทั้งแฟรนไชส์เขาวงกตอย่าง The Maze Runner ใน 2 ภาคหลังทั้ง The Scorch Trials (2015) และ Death Cure (2018) ไปเป็นทอม เนวิลล์ตัวร้ายพ่อพระเอกในซีรีส์โลกไร้พลังงานไฟฟ้าของ เจ เจ เอบรัมส์ใน Revolution (2012-2014)
ชม The Maze Runner : The Scorch Trials บน Netflix คลิกเลย
หรือหลากหลายบททั้งกระจกวิเศษ ซิดนีย์ กลาส และ ยักษ์จินนีใน Once Upon A Time (2011-2017)ซีรีส์แฟนตาซีรวมดาวตัวละครของดิสนีย์ ยาวไปยันงานพากษ์เสียงทั้งหนังฟอร์มยักษ์อย่างบทอาคีล่า ใน The Jungle Book (2016) และ แอนิเมชัน Batman ทั้ง บทราซ อัล กูล ใน Son of Batman (2014) และ บทแบล็กสไปเดอร์ ใน Assault on Arkham (2014)
ดาราขาประจำในซีรีส์ยุคสตรีมมิง
เรียกได้ว่าแม้โลกมายาอย่างวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์จะหมุนเปลี่ยนตามกระแสไปมากมายเพียงใด แต่ ฝีมือการแสดงของ จิอันคาร์โล เอสโพสิโต ก็ยังจรัสแสงและดูท่าว่าความแรงจะไม่หยุดลงง่าย ๆ เพราะหลังจากร่วมงานกับทาง Netflix ทั้งบทแฟรงค์ ดอว์สันนักล่าหมูประหลาดใน Okja (2017) หนัง Netflix ที่ไปประกวดที่เทศกาลหนังเมืองคานส์จากผู้กำกับบงจุนโฮ
หรือจะเป็นบทสาธุคุณ ราโมน ครูซ คุณพ่อสุดเฮี้ยบของนางเอกในซีรีส์มิวสิคัลฮิปฮอป The Getdown (2016-17)และให้เสียงบรรยายเรื่องในซีรีส์คอมเมดี้วิพากษ์ปมผิวสีอย่าง Dear White People (2017-19) ชื่อของจิอันคาร์โล เอสโพสิโตก็กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง ด้วยซีรีส์สุดฺฮิต 2 เรื่องทั้ง The Boys และ The Mandalorian ที่เป็นข้อพิสูจน์ว่าไม่ว่าหนังหรือซีรีส์เรื่องนั้นจะถูกตีตราว่าสร้างมาเพื่อแฟนกลุ่มใด แต่ฝีมือของเขาก็ยังได้รับการยอมรับและยกย่องจากแฟน ๆ มากมาย
ชม The Getdown บน Netflix กดเลย
ชม Dear White People บน Netflix กดเลย
แต่นอกเหนือจากฝีมือการแสดงแล้ว อัธยาศัยของจิอันคาร์โล เอสโพสิโต ก็นับเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทีมงานประทับใจ โดย อีริก คริปเก ผู้สร้างสรรค์ซีรีส์โคตรฮิตอย่าง The Boys ทาง Amazon Prime ถึงกับกล่าวว่า จิอันคาร์โล เป็นคนอัธยาศัยดี น่ารักและกระตือรือร้น จนกลัวใจเลยว่าจะรับบทโรคจิตอย่าง สแตน เอ็ดการ์ ได้ยังไง จนกระทั่งได้เห็นมาดผู้ดีสุดอำมหิตทุกข้อกังขาก็หมดไปทันที
ส่วนบท มอฟฟ์ กีเดียน ใน The Mandalorian ซีรีส์ในแฟรนไชส์ Star Wars ที่สตรีมทาง Disney + แม้เขาจะได้เวลาบนจอไม่มากไม่มาย แถมยังไม่ได้มีพลังเหนือมนุษย์เหมือนคนอื่น แต่ขอโทษ ! สำหรับนักแสดงที่ต้องรับบทตัวประกอบมาทั้งชีวิตก่อนหน้านี้อย่างจิอันคาร์โล กลับทำให้บทเจ้าหน้าที่จักรวรรดิ์สุดโหดได้รับการแซ่ซ้องจากสื่อแทบทุกสำนักและสร้างความตื่นเต้นสุดสะพรึงให้สาวกของ The Mandalorian ได้อย่างยอดเยี่ยมจริง ๆ
ชม The Boys บน Amazon Prime กดได้เลย
วงการเกมก็ไม่เว้น
และนอกจากงานแสดงงานภาพยนตร์และซีรีส์แล้ว จิอันคาร์โล เอสโพสิโต ยังมีผลงานพากย์เสียงในวิดีโอเกมมากมายนอกจากแสดงผ่านเทคนิคโมชัน แคปเจอร์และให้เสียงพากย์บทผู้นำเผด็จการ Antón Castillo ใน Far Cry 6 (2021) ที่สร้างเสียงฮือฮาตอนเปิดตัวเทรลเลอร์เมื่อปีก่อนแล้ว ย้อนกลับไปปี 2013 จิอันคาร์โล เอสโพสิโต ก็เคยพากย์เป็นตัวละคร The Dentist ในวิดีโอเกม Pay Day 2 มาแล้วดังนั้นไม่ว่าวงการไหนตอนนี้ก็เหมิอนคุณพี่ จิอันคาร์โล จะแทรกซึมไปได้หมดแล้วล่ะนะครับ
อยากรู้ชีวิตส่วนตัวของยอดวายร้ายแห่งยุคอ่านหน้าถัดไปได้เลยครับ
ชีวิตครอบครัวที่หลายคนไม่เคยรู้
จิอันคาร์โล เอสโพสิโต เคยแต่งงานกับ จอย แม็กมานิกัล ในปี 1995 แต่อยู่กันได้ 20 ปีเขาก็หย่าขาดจากภรรยาและทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกัน 4 คนชื่อ เคล ลิน, ไซร์ลูเซีย, รูบี้ และ ไชยน์ ไลรา และแม้หลังจากหย่าขาดจิอันคาร์โลก็ยังไม่มีความสัมพันธ์คร้้งใหม่ แม้จะมีข่าวลือว่าเขากับภรรยาได้กลับมาคืนดีกันแต่ก็ไม่อาจมีใครยืนยันได้เพราะเขาต้องการเก็บเรื่องส่วนตัวไว้เป็นความลับที่สุดนั่นเอง
และสำหรับผู้ชายชื่อ จิอันคาร์โล เอสโพสิโต แล้วไม่ว่าบทบาทที่ได้รับจะดูเป็นภาพตายตัวขนาดไหน หรือกระทั่งการต้องรับบทผู้ร้าย เจ้าพ่อมาเฟีย หรือเจ้าหน้าที่กังฉิน เขาก็เชื่อได้ว่าเขาจะทำให้ทุกบทมีเอกลักษณ์จากการแสดงของเขาและเฝ้าดูว่าบทบาทของตัวละครที่สวมบทส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างไรบ้าง ซึ่งหนึ่งในโพรเจกต์ในฝันของเขาได้แก่หนังเกี่ยวผู้นำปฏิวัติชาวเฮตินาม Toussaint L’Ouverture ของแดนนี โกลเวอร์ ที่ยังคงรอโอกาสจะทำให้มันเป็นจริงอยู่นั่นเอง
อ่านผลงานเพิ่มเติมของ จิอันคาร์โล เอสโพสิโต ได้จากบทความบนเว็บแบไต๋
ทำความรู้จัก “จิอันคาร์โล เอสโปซิโต” นักแสดงรุ่นใหญ่มาดนิ่งจาก Breaking Bad ที่มาแรงที่สุดในตอนนี้
อ้างอิง
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส