เป็นหนังมาร์เวล ที่ร่ำรวยอารมณ์ขันสุดแล้ว เพราะทีมเขียนบทนี่มาจากสายคอมมีดี้ล้วนๆ ทั้งเอ็ดการ์ ไรท์ (shaun of the dead,hot fuzz,the world’s end) ที่ตอนแรกนั่งเก้าอี้ผู้กำกับแต่แนวทางการทำงานขัดกับดิสนีย์เลยถอนตัวไปนั่งอำนวยการสร้างแทน, อดัม แม็คเคย์ (the other guys,anchorman2)และโจ คอร์นิช (attack the block) รวมถึงตัว พอล รัดด์ ผู้รับบทนำ ก็มาร่วมเขียนบทด้วย
เพย์ตั้น รีด ผู้กำกับนี่ก็ผ่านงานโรแมนติค-คอมมีดี้มาหลายเรื่องเลย down with love, the break-up, yes man ก็เลยกลายเป็นงานรวมคนคอมมีดี้ไปซะงั้น หนังปล่อยมุกเรื่อยๆ ไปตลอด 2 ชั่วโมงของหนัง ไม่วายแม้กระทั่งตอนไคลแมกซ์ที่กำลังต่อสู้กันเอาเป็นเอาตายก็ยังมีมุก มุกค่อนข้างได้ผลมีทั้งยิ้มๆ จนถึงฮาได้เสียงดัง เป็นหนังมาร์เวลในกลุ่มเบาสมอง ดูแล้วอารมณ์ดีใกล้เคียงกับ guardians of the galaxy ที่เดิมที เพย์ตั้น จะได้ไปกำกับ
อีกอย่างที่ แอนท์-แมน ดูแตกต่างจากหนังมาร์เวลก่อนหน้า คือสเกลหนังเล็กลงกว่าเดิม คงเพราะเป็นมนุษย์มดละมั้ง ก็เลยไม่ต้องมีฉากตึกรามบ้านช่องถล่มทลาย ไม่ต้องมีบรรดายานรบ ซีจีไม่ต้องอลังการ ใช้ทุนสร้างเพียง 130 ล้านเหรียญ ต่ำสุดตั้งแต่มาร์เวลสร้างหนังตัวเองมา ยิ่งถ้าประสบความสำเร็จก็จะกำไรเละเทะกว่าเรื่องก่อนหน้า และแนวโน้มความสำเร็จก็ค่อนข้างสูงด้วย แสดงให้เห็นว่าทำให้ดูสนุกได้โดยไม่ต้องเน้นซีจีอลังการ
พล็อตหนังมาแบบง่ายๆ เล่าเรื่อง ดร.แฮงค์ พิม อีกหนึ่งนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะแห่งจักรวาลมาร์เวล ที่คิดค้นวิทยาการย่อส่วนสิ่งมีชึวิต และเก็บงำเป็นความลับมาตลอด ในการ์ตูน ดร.แฮงค์ เป็นแอนท์-แมน คนแรกที่คอยช่วยโลก แต่ในหนังนี่กล่าวถึงวีรกรรมที่ผ่านเฉยๆ แล้วมอบหมายภาระหน้าที่ต่อให้ สก๊อต แลง อดีตโจรอัจฉริยะที่มีชีวิตส่วนตัวคล้าย แฮงค์ เลยถูกเลือกให้มาเป็น แอนท์-แมน ตัวร้ายคือ ดร.ดาเรน ครอสอดีตมือขวาของ แฮงค์ ที่บริหารบริษัทต่อจาก แฮงค์ แล้วคิดค้นวิทยาการย่อส่วนเลียนแบบแฮงค์ได้สำเร็จ แต่จะขายวิทยาการนี้ให้กับองค์กรร้าย แฮงค์ จึงต้องส่ง แอนท์-แมน ไปขัดขวางซะ
เช่นเดียวกับหนังภาคแรกทั่วไป ที่ต้องใช้เวลามากหมดไปกับการปูพื้นที่มาตัวละคร ครึ่งแรกของหนังจึงต้องเล่าที่มาของ ดร.แฮงค์ กับ ลูกสาว และดาร์เรน ครอส อีกฝั่งก็เล่าที่มาของพระเอก สก๊อต แลง ก่อนทั้งหมดจะมาเจอกัน แล้วยังต้องฝึกการควบคุมชุดขณะย่อส่วน และการควบคุมบรรดามดอีก 4 สายพันธุ์ พอเข้าครึ่งหลังก็เข้าสู่ปฎิบัติการจริง ก็เริ่มอัดฉากแอ็คชั่นกันเต็มที่ ได้เห็นการทำงานรวมทีมใหญ่ทั้ง แอนท์-แมน บรรดาเพื่อนมด และทีมตัวตลกเพื่อนร่วมแก๊งของสก๊อต
ความสนุกที่มากกว่าในตัวอย่างหนัง คือยุทวิธีการโจมตีแบบ ย่อ-ขยายตัวถี่ๆ ขยายตัวใหญ่มาต่อยเตะ แล้วย่อตัวเล็กหนีไปเรื่อยๆ อีกส่วนคือบรรดามด ที่นำเสนอออกมาอย่างน่ารัก ถึงแม้จะไม่ได้เอารายละเอียดเหมือนเป๊ะแบบในหนังสารคดี ซึ่งถ้าแบบนั้นจะน่ากลัวมากกว่าน่ารัก บรรดามดก็เลยดูเป็นซีจีหยาบๆ แต่ด้วยบทบาทในฐานะผู้ช่วยพระเอกก็เลยช่วยเสริมความสนุกให้หนังได้อย่างดี ความไม่สมจริงของตัวมดก็เลยไม่เป็นจุดบกพร่องของหนังแต่อย่างใด
ในการ์ตูนแอนท์-แมน เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง ดิ อเวนเจอร์ แต่ในหนังนี่มาทีหลังบทหนังเลยต้องปูทางด้วยการกล่าวถึง ดิ อเวนเจอร์ส อย่างตรงไปตรงมา และมี 1 ใน ดิ อเวนเจอร์ มาปรากฎตัวในเรื่องด้วย ก่อนที่เราจะได้เห็น แอนท์-แมน รวมกลุ่มอย่างเป็นทางการใน ดิ อเวนเจอร์ภาค 3
ดีใจที่พอล รัดด์ ได้โอกาสมายืนแถวหน้าของฮอลลีวู้ดเสียที หลังจากอยู่ในวงการมาแล้วกว่า20ปี ด้วยวัย 46 พอล ยังดูเด็กกว่าวัยอยู่มาก หน้าเหมือนแค่ 30 กว่าๆเอง บวกกับหุ่นที่ฟิตซ้อมก่อนเข้ากล้องมาจนเฟิร์ม น่าจะเป็น แอนท์-แมน ไปได้อีกหลายภาค พอล รัดด์ ได้เสียบบทนี้แทนตัวเลือกแรก โจเซฟ กอร์ดอน เลวิท อายุ 2 คนนี้ห่างกันตั้ง12ปีเลยนะ
อีวานเจลีน ลิลลี่ จากอดีตนางเอกซีรีส์ LOST แล้วก็ไม่มีงานเด่นๆ เลย จนกระทั่งเรื่องนี้ ดูแก่ขึ้นสวยน้อยกว่าตอนเล่น LOST เยอะ ดาราชายนี่แก่ช้ากว่าดาราหญิงเยอะนะ
ไมเคิล พีน่า ตัวประกอบตลอดชีวิต เรื่องนี้รับหน้าที่ตัวยิงมุกประจำเรื่อง และทำหน้าที่ได้ประสบความสำเร็จมาก โดยเฉพาะฉากเล่าที่มาของงานนี่ได้เสียงฮายาวๆตลอด
หนังมี ฉากหลัง เอนด์เครดิตถึง2ครั้ง ครั้งแรกรอไม่นานครับแป๊ปเดียว เปิดเผยตัวละครใหม่ในจักรวาลมาร์เวล รอบหลังมีอะไรไม่รู้นะ ผมไม่ได้อยู่ดู