เช้าวันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ทาง Netflix ได้จัดงาน See What’s Next Korea 2021 เพื่อนำเสนอคอนเทนต์เกาหลีคุณภาพที่มีกำหนดลงสตรีมทาง Netflix ในเร็ว ๆ นี้ โดยงานนี้คุณคิมมินยอง รองประธานด้านคอนเทนต์ของ Netflix เกาหลี, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้กล่าวถึงความสำเร็จของคอนเทนต์เกาหลีที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัวภายในระยะเวลาแค่เพียง 1 ปีเท่านั้น (2019-2020) จนทำให้ทาง Netflix มั่นใจถึงขั้นลงทุนกับการผลิตคอนเทนต์ในเกาหลีถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังได้ฤกษ์เปิดตัวภาพยนตร์และซีรีส์ใหม่ที่น่าสนใจดังนี้
คอนเทนต์ภาพยนตร์
Moral Sense
หนุ่มออฟฟิศสุดเนี้ยบที่เก็บรสนิยมทางเพศแบบ BDSM ของตัวเองเอาไว้เป็นความลับ จนกระทั่งเพื่อนรวมงานสาวบังเอิญเปิดอีเมลของเขาและเห็นสายจูง ความลับจึงเปิดเผย ทั้งสองได้พัฒนาความสัมพันธ์ในรูปแบบผู้หญิงเป็น Dom (ออกคำสั่ง) และผู้ชายเป็น Sub (ยอมทำตาม) นี่จะเป็นหนังโรแมนติกอีโรติกเกาหลีเรื่องแรกที่ทาง Netflix ได้สร้างเป็นออริจินัลคอนเทนต์ดัดแปลงจากคอมิกชื่อไทยวุ่นรักไอ้หนุ่ม S.M. หนังได้ พัคฮยอนจิน จาก Like for Likes มากำกับหนังที่น่าจะกลายเป็น 50 Shades of Grey แห่งเกาหลีได้ไม่ยาก
Carter
เรื่องของชายหนุ่มที่ตื่นมาในโมเต็ลแห่งหนึ่งโดยไม่เหลือความทรงจำเลยว่าตัวเขาคือใคร นอกจากเสียงในหูที่เรียกชื่อเขาว่า Carter เสียงนั้นยังสั่งให้เขาไปทำภารกิจช่วยเหลือเด็กหญิงที่ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ นี่คือภาพยนตร์แอ็กชันลองเทกที่จะให้ความรู้สึกเหมือนได้ติดตามตัวละครเอกแบบไม่คัต โดยหนังได้ จองบยองกิล มารับหน้าที่กำกับหนังสุดระห่ำเรื่องนี้
คอนเทนต์ซีรีส์
Love Alarm Season 2 แอปเลิฟเตือนรัก ซีซัน 2 (สตรีมมิง 12 มีนาคมนี้)
จะมาพร้อมนักแสดงดั้งเดิมที่จะสานต่อเรื่องราวของแอปจับคู่ของสาว โจโจ้ จะดังเพราะใครกันแน่ โดยเรื่องราวในซีซันที่สองนี้ เกิดขึ้น 4 ปีหลังจากการสร้างแอปพลิเคชัน สานต่อเรื่องราวความรักสามเส้าระหว่างคิมโจโจ (คิมโซฮยอน), อีฮเยยอง (จองการัม) และ ฮวังซอนโอ (ซงคัง) เมื่อพวกเขากลายเป็นผู้ใหญ่แต่หัวใจยังไม่มูฟออน เข้มข้นกว่าเดิมด้วยการเปิดตัว Love Alarm เวอร์ชั่น 2.0 ซึ่งอัปเดตมาพร้อมกับลูกเล่นใหม่ที่แสดงรายชื่อผู้ใช้ที่มีแนวโน้มว่าจะชอบพวกเขาในอนาคต คิมโจโจที่ยังคงซ่อนความรู้สึกของเธอจะพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ได้รับอิทธิพลจากแอปพลิเคชันนี้
Move to Heaven
สำหรับคอซีรีส์ที่อยากเพิ่มความชุ่มชื้นให้บ่อน้ำตาขอแนะนำ Move to Heaven ที่เล่าเรื่องราวของชายออทิสติกและผู้ดูแลของเขาที่ทำธุรกิจเก็บกวาดเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (Trauma Cleaning) ร่วมกันแต่ ณ ที่เกิดเหตุแต่ละจุดพวกเขาก็เริ่มค่อย ๆ เรียนรู้มิตรภาพและเยียวยาจิตใจให้กันทีละน้อย โดยซีรีส์ได้ คิมซองโฮ จาก How to Steal a Dog มากำกับ
D.P.
อีกหนึ่งซีรีส์ที่ดัดแปลงจากคอมิกบนเว็บตูนของ คิมโบทง เรื่องราวของ จุนโฮ นายทหารหนุ่มแห่งกองทัพเกาหลีที่อยู่ ๆ ก็ได้ร่วมเป็นสมาชิกหน่วย “Deserter Pursuit” ที่คอยติดตามทหารหนีทัพ นำแสดงโดย จองแฮอิน, คูกโยฮวาน, คิมซองกยุน และซนซอกกู ซีรีส์ได้ ฮันจุนฮี มารับหน้าที่กำกับ
Squid Game
มันคือเกมมรณะที่มีเงินรางวัลกว่า 45 ล้านดอลลาร์เป็นเดิมพัน เหล่าผู้คนที่สิ้นหวังมากพอจนยอมเสี่ยงชีวิตกับเกมประหลาดนี้ ซีรีส์ได้อีจุงแจ จาก Il Mare และ Deliver Us From Evil แสดงนำในบทคีฮุน หนุ่มชีวิตหลังชนฝาที่ต้องการหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวจนยอมเสี่ยงสมัครเกมมรณะ ซีรีส์ได้ผู้กำกับฮวังดงฮยอก จากภาพยนตร์ Silenced, Miss Granny และ The Fortress มากุมบังเหียนความระทีกครั้งนี้
Hellbound
สำหรับซีรีส์เรื่องนี้ใครชอบซีรีส์แนว ๆ Lucifer หรือ Constantin น่าจะตื่นเต้นกับเรื่องราวของทนายความผู้มุ่งมั่นในการต่อต้านกลุ่มศาสนาใหม่ที่เกิดขึ้นจากการมาถึงของผู้นำสารจากนรกที่มีหน้าที่ในการลากคนชั่วลงนรก ซีรีส์ได้ ยูอาห์อิน จาก #Alive พระเอกสุดหล่อจากหนังโจ๋ปีนตึกหนีซอมบี้มานำแสดง และ ชเวกยูซอก ผู้เขียนเวบตูนเรื่อง Songgot มาเขียนบท นอกจากนี้ยังได้ ยอนซังโฮ ผู้กำกับที่ปลุกกระแสซอมบี้เกาหลีกับ Train to Busan และ Peninsula มาประเดิมงานกำกับซีรีส์ครั้งแรกจากผลงานที่เขากับชอยกิวซิก ศิลปินนักวาดคอมิกร่วมกันสร้างในเว็บตูน
The Silent Sea
เมื่อโลกกำลังจะล่มสลาย ทีมนักสำรวจหน่วยพิเศษจึงถูกส่งไปยังศูนย์วิจัยที่ทิ้งร้างบนดวงจันทร์เพื่อหวังหาแหล่งที่อยู่ใหม่ของมนุษย์แต่กลับต้องเผชิญเหตุการณ์สุดสะพรึง โดยนอกจากสามีทิพย์ของสาวไทยอย่าง กงยู จะมารับบทนักบินอวกาศที่สาว ๆ อยากจะไปให้อ็อกซิเจนกันทั้งโลกแล้วยังได้ แบดูนา นักแสดงเกาหลีอินเตอร์จากซีรีส์ Sense 8 มารับบทนักพฤกษศาสตร์อวกาศ และนักแสดงหนุ่มไฟแรง อีจุน มาร่วมสร้างความระทึก
ส่วนทีมงานเบื้องหลังก็น่ากรี๊ดไม่แพ้กันเพราะได้ ปาร์กอึนเคียว นักเขียนบทมือทองจาก Mother (หนังของผู้กำกับบงจุนโฮเจ้าของออสการ์จาก Parasite) มารังสรรค์เรื่องราวสุดระทึกและยังเป็นการประเดิมงาน “ผู้จัด” ครั้งแรกของ จองวูซอง อ็อปป้าขวัญใจสาวไทยจาก A moment to remember อีกด้วย
เกร็ดน่ารู้ : The Silent Sea หรือทะเลแห่งความเงียบสงบ ถูกใช้เพื่อเรียกขานหลุมอุกกาบาตที่ตกบนดาวเคราะห์และใช้เป็นจุดที่ยานอวกาศของนาซาจะใช้โดดลงจากยานเพื่อทำการสำรวจดาวเคราะห์ดวงนั้น
All of Us Are Dead
สานต่อกระแส K-Zombies ด้วยซีรีส์วัยรุ่นสยองขวัญ เมื่อหนุ่มสาวมัธยมถูกขังอยู่ในโรงเรียนขณะที่ซอมบี้บุกเมืองงานนี้หน่วยกิจในการเอาตัวรอดอาจสำคัญกว่าคะแนนสอบสุดหิน ! ซีรีส์ได้นักแสดงรุ่นใหม่ชวนกรี๊ดทั้ง ยุนชานยอง, พัคจีฮู, โชอีฮยอน, โลมอน, ยูอินซู มาวิ่งหนีซอมบี้และเรียงเสียงกรี๊ด
My Name
เมื่อแก๊งยานรกพรากชีวิตพ่อของเธอ..แค้นนี้เลยอาจกระหน่ำยิ่งกว่าห่าฝน! โดย My Name เล่าเรื่องราวของ จีอู ลูกสาวที่กำพร้าพ่อจากเหตุฆาตกรรมโดยผู้มีอิทธิพลที่ตัดสินใจร่วมมือกับทางตำรวจแทรกซึมในแก๊งค้ายาเพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับการตายของพ่อของเธอ ผลงานกำกับโดย คิมจินมิน จากซีรีส์ฉลาดเกมส์โกงเกาหลีอย่าง Extracurricular
So Not Worth It
ซิตคอมว่าด้วยเรื่องราวความรัก มิตรภาพ และการใช้ชีวิตของนักเรียนในหอพักนานาชาติของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เรียกง่าย ๆ ว่านี่อาจเป็น Friends ฉบับเกาหลีย่อม ๆ ได้เลย ซีรีส์ได้ผู้กำกับ ควอนอิกจุน มาเสิร์ฟความฮานานาชาติ และได้นักแสดงสุดฮอต พัคเซวาน, ชินฮยอนซึง รวมถึงศิลปิน K-Pop สุดฮอตทั้ง ชเวยองแจ วง GOT7, มินนี่ วง (G)I-DLE นำแสดง
Kingdom: Ashin of the North
ภาคแยกพิเศษจาก Kingdom 2 บอกเล่าเรื่องราวของตัวละครลึกลับที่ชื่อ อชิน นักฆ่าทางเหนือของอาณาจักร ที่องค์ชายอีชางและคณะได้พบระหว่างเดินทางไปค้นหาต้นตอของโรคร้ายปลุกคนตายกลายเป็นซอมบี้ ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องราวที่เคยค้างคาในตอนจบซีซัน 2 และการปรากฎตัวของสาวเกาหลีรักแรกของหนุ่ม ๆ ชาวไทยอย่างยัยตัวร้าย จอนจีฮยอน จะได้มาฟาดฟันซอมบี้ให้สะใจคอซีรีส์อีกครั้งช่วงปลายปีนี้แน่นอน
รายการโทรทัศน์
Paik’s Spirit
รายการเรียลลิตี้ชวนเปรี้ยวปากที่ เชฟเพ็กจุงวาน จะพาเราไปรู้จักเหล้าแต่ละเมืองจากเกาหลีที่เข้ากับอาหารอร่อยได้อย่างไม่น่าเชื่อ ใครชอบซีรีส์อาหารเครื่องดื่มอย่าง Izakaya Bottakuri น่าจะชอบได้ไม่ยาก
Lee Su-geun : The Sense Coach
รายการคอมเมดี สเปเชียลหรือเดี่ยวไมโครโฟนนับเป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์ที่น่าสนใจของ Netflix มาช้านาน และรายการนี้จะนำ ลีซูกึน คอเมเดียนเกาหลีสุดฮามาปั่นป่วนเสียงหัวเราะกับผู้ชมทั่วโลก
เจาะลึกคอนเทนต์เกาหลีและเอเซียกับคุณคิมมินยอง
นอกจากนี้ในช่วงบ่ายทาง Beartai – What The Fact ยังได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณคิมมินยอง รองประธานด้านคอนเทนต์ของ Netflix เกาหลี, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ร่วมกับสื่อไทยมากมายโดยสรุปใจความได้ดังนี้
ความสำเร็จของคอนเทนต์เกาหลี
ความสำเร็จของคอนเทนต์เกาหลีไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์เกิดจากฐานผู้ชมที่แข็งแรงและพร้อมสนับสนุนผลงานของชาติตนเองอยู่แล้ว สำหรับแนวคิดในการผลิตคอนเทนต์จะไม่ได้มองตลาดนานาชาติเป็นหลักแต่จะเน้นผลิตคอนเทนต์เพื่อเอาใจผู้ชมเกาหลีเป็นหลักก่อนแลัวจึงส่งออกไปยังนานาชาติและดูกระแสตอบรับ
ซึ่งปีที่ผ่านมานับเฉพาะใน Netflix พบว่ามีจำนวนผู้เข้าชมมากกว่าในปี 2019 ถึง 2 เท่าและเติบโตในอัตราที่น่าพอใจ Netflix จึงยอมทุ่มลงทุนถึง 500 ล้านเหรียญเพื่อสนับสนุนงานครีเอทีฟและโพรดักชันเพื่อผลิตคอนเทนต์ป้อนสตรีมมิง Netflix เพราะจากสถิติพบว่าสมาชิกทั่วโลกชื่นชอบคอนเทนต์ของเกาหลีมากทาง Netflix จึงต้องการผลิตคอนเทนต์จากเกาหลีเพื่อความสุขของชาวเอเซียและทั่วโลก
อิสระในการสร้างสรรค์คอนเทนต์
หากสำรวจ 10 อันดับคอนเทนต์ยอดนิยมในเกาหลีจะพบว่าสมาชิกในประเทศจะชมคอนเทนต์ของเกาหลีเองมากที่สุดติด 10 อันดับเสมอ ดังนั้น Netflix จึงต้องการให้อิสระในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์และซีรีส์แก่ผู้สร้างอย่างเต็มที่พร้อมสนับสนุนแนวทางใหม่ ๆ ทั้งหนังหรือซีรีส์ที่มีพลอตน่าสนใจแต่อาจไม่ได้รับการอนุมัติจากสตูดิโออื่นให้สามารถผลิตลงสตรีมมิงทาง Netflix ได้
ตลาดเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
Netflix มองเห็นศักยภาพของคนทำคอนเทนต์ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะมาเลเซียและประเทศไทย โดยคุณคิมมินยองได้กล่าวถึงหนังไทยอย่างฉลาดเกมส์โกง และซีรีส์เด็กใหม่ที่ทำให้ทั่วโลกสนใจรวมถึงโพรเจกต์ของประเทศไทยที่เพิ่งประกาศสร้างไปอย่าง Bangkok Breaking ของผู้กำกับ ก้องเกียรติ โขมสิริจากไชยาและเฉือน ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของคนไทยในการผลิตคอนเทนต์ระดับโลก
และในขณะเดียวกัน Netflix เองยังให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมในแต่ละประเทศทั่วโลก เพื่อนำมาใช้พัฒนาในการผลิตคอนเทนต์เพื่อสมาชิกของ Netflix ใน 190 ประเทศทั่วโลกต่อไป
อนาคตของสารคดี K- Pop
จากความสำเร็จของสารคดี Black Pink Light Up The Sky ทาง Netflix เองก็มีความสนใจในการถ่ายทอดและต่อยอดกระแส K-Pop ที่โด่งดังไปทั่วโลก Netflix กำลังมองหาแนวทางที่แตกต่างและมีโพรเจกต์ที่กำลังพัฒนาอยู่และพร้อมเปิดเผยเมื่อถึงเวลาที่สามารถประกาศเปิดตัวได้อย่างเป็นทางการต่อไป
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส