For Tracy Hyde ได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนเพลงชาวไทยในคอนเสิร์ต “FOR TRACY HYDE Live in Bangkok” คอนเสิร์ตเปิดทัวร์อัลบั้ม “New Young City” #FTHNYC ณ  โรงหนังลิโด้ Lido Connect เมื่อวันที่ 24 มกราคมปีที่แล้วก่อนที่สถานการณ์โควิดระบาดจะเข้ามาทำลายบรรยากาศของการชมคอนเสิร์ตดี ๆ จากวงต่างประเทศจนถึงทุกวันนี้  

และตั้งแต่นั้นมาเชื่อว่าบรรดาแฟน ๆ ก็ต่างรอคอยผลงานใหม่ (รวมไปถึงโอกาสที่จะได้ชมคอนเสิร์ตของวงอีกครั้ง) และในที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้  For Tracy Hyde ก็ได้กลับมาอีกครั้งพร้อมกับอัลบั้มเต็มชุดที่ 4 ที่ใช้ชื่อว่า “Ethernity”

“Ethernity” เป็นการผสมกันระหว่างคำว่า “etheral” ซึ่งหมายถึง “สิ่งที่ไม่มีตัวตน” หรือ “สิ่งที่อยู่ห่างไกลออกไป” กับคำว่า “eternity” ที่แปลว่า นิรันดร รวมกันเป็นคำว่า​ “สิ่งที่ไม่มีตัวตนอันเป็นนิรันดร” เพื่อใช้อธิบายคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มนี้ที่สื่อถึงภาพลักษณ์ของประเทศ ‘สหรัฐอเมริกา’ ในฐานะสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมพอปของโลกซึ่งเป็นภาพที่ผสมผสานความเป็นจริงกับภาพฝันเข้าไว้ด้วยกันและทุกคนจะนึกถึงมันได้เสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ตาม

สหรัฐอเมริกาที่ Azusa Suga มือกีตาร์ของวง For Tracy Hyde รู้จักตั้งแต่ใช้ชีวิตในวัยเด็กที่ซีแอตเทิลและทัสคอน รัฐแอริโซนาในช่วงยุค 90s ได้กลายเป็นอดีตอันห่างไกลไปแล้ว หรืออาจจะเหมือนกับความทรงจำในวัยเด็กของใครหลายคน เขาย้อนกลับไปมองมันด้วยกรอบแว่นตาแห่งความทรงจำที่ถูกย้อมด้วยสีกุหลาบ

“สิ่งที่ผมจำได้ส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่ดีจริง ๆ คือการมีเพื่อนมากมาย มีความสุข และได้เล่นเกมคอมพิวเตอร์เช่น Oregon Trail” Suga ผู้ก่อตั้งวง For Tracy Hyde หวนระลึกถึงความทรงจำครั้งเก่า “ไม่มีเหตุการณ์ที่เป็นเรื่องของการเหยียดผิวเลย แต่เห็นได้ชัดว่านั่นไม่ใช่ความจริงสำหรับทุกคน มีคนที่สัมผัสกับสิ่งที่น่ารังเกียจมากมาย”

“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาผมกังวลมากเกี่ยวกับทิศทางที่สหรัฐ ฯ กำลังดำเนินการอยู่เนื่องจากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือทุกสิ่งที่จุดประกายให้เกิดการเคลื่อนไหวของ Black Lives Matter และอื่น ๆ”

เพื่อที่จะรักษาภาพลักษณ์ที่มีชีวิตชีวาของสหรัฐอเมริกา Suga ได้สร้างภาพอันงดงามของประเทศผ่านวัฒนธรรมร็อกยุค 90s อันเป็นธีมสำหรับอัลบั้มใหม่ของวงที่มีชื่อว่า Ethernity” สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 4 ของวงที่ผสมผสานท่วงทำนองของแนวดนตรีชูเกซ อินดี้พอป และท่วงทำนองของดนตรีกรันจ์เข้าด้วยกัน โดยมีเนื้อเพลงที่มุ่งเน้นไปที่เรื่องราวของความเยาว์วัยและภาพความเป็นจริงของอเมริกาที่มองผ่านมุมมองจากวัยที่ได้เติบโตแล้ว

“ชีวิตเป็นเรื่องการเมืองโดยเนื้อแท้ คุณไม่สามารถแยกตัวเองออกจากการเมืองได้จริง ๆ แต่ผู้คนในญี่ปุ่นไม่ได้มองว่าชีวิตเป็นเรื่องการเมือง”  Suga กล่าว “ผมไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนที่ใส่ใจเรื่องการเมืองมากนัก แต่ผมเพียงแค่อยากจะเปลี่ยนแปลงมัน…ไปในทางที่ดีเท่านั้น”

For Tracy Hyde

For Tracy Hyde ได้ผ่านความเปลี่ยนแปลงมากมายนับตั้งแต่ Suga ก่อตั้งวงในปี 2012 วงดนตรีวงนี้ประกอบด้วย Suga ในตำแหน่งมือกีตาร์และนักร้อง Eureka นักร้องหญิงและมือกีต้าร์ U-1 มือกีต้าร์อีกคน Mav มือเบส และ Soukou มือกลอง (ทุกคนในวงจะตั้งชื่อเล่นไว้ใช้เพราะต้องการรักษาความเป็นส่วนตัวแต่สำหรับ Suga แล้วเขารู้สึกโอเคที่จะใช้ชื่อจริง “ผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นอะไรเลย”) เรื่องราวของ “For Tracy Hyde” เริ่มขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงปี 2002  U-1 เริ่มต้นทำโพรเจคต์กับ Natsu bot กันง่าย ๆ สไตล์โฮมสตูดิโอ จากนั้นในปี 2014 ก็ได้มีนักร้องหญิงคนแรกคือ Lovely Summer Chan และได้กลายเป็นวง 5 ชิ้นที่มีนักร้องหญิงตั้งแต่วันนั้น ต่อมาในเดือนพฤษภาคมปี 2015 Lovely Summer Chan ก็ได้ขอถอนตัวออกจากวงไป ทำให้ “Eureka” นักร้องนำหญิงคนปัจจุบันเข้ามารับหน้าที่นี้แทน ชื่อของวงได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงชื่อ Tracy Hide จากวงที่พวกเขาชื่นชอบอย่าง Wondermints โดยเปลี่ยน i เป็น y กลายเป็น Tracy Hyde ทำให้ชื่อไปพ้องกับ เทรซี ไฮด์ (Tracy Hyde) นักแสดงสาวผู้น่ารักไอคอนแห่งความสดใสในยุค 60s ที่แสดงนำในหนังรักกุ๊กกิ๊กวัยหวานเรื่อง Melody (1971) ทำให้วงได้ไอเดียเวลาแต่งเพลงด้วยการจินตนาการว่ากำลังแต่งเพลงให้กับหญิงสาวสักคนหนึ่งที่มีความน่ารักเหมือน “เทรซี” ซึ่งเข้ากับชื่อว่าว่า “For Tracy Hyde” นั่นเอง

ในเดือนธันวาคมปี 2016 “For Tracy Hyde” ก็เดบิวต์อัลบั้มแรก “Film Bleu” กับทาง P-VINE Records มีซิงเกิลฮิตอย่าง “Outcider” “Favourite Blue” และ 渚にてงานดนตรีของอัลบั้มนี้จะเป็นสไตล์แจงเกิลพอปและงานดนตรีที่มีกลิ่นอายของเวเพอร์เวฟที่สอดรับกับเทรนด์ดนตรีในโลกอินเทอร์เน็ต แต่ต่อมาพวกเขาก็กล้าที่จะทดลองแนวทางต่าง ๆ ในอัลบั้มชุดต่อ ๆ มาที่มีธีมของเนื้อร้องและแนวดนตรีที่แตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นแทร็กที่แต่งแต้มด้วยสีสันจากซินธิไซเซอร์และมีองค์ประกอบของงานดนตรีประกอบภาพยนตร์จากอัลบั้ม “he (r) art” ในปี 2017 ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นคอนเซ็ปต์อัลบั้มที่มีการแต่งเพลงและการเรียบเรียงที่ลงตัว อีกทั้งยังมีความซีเนมาติกมาก มีเพลงฮิตอย่าง “Floor” “Leica Daydream” และ “Teen Flick” หรือว่าอัลบั้ม “New Young City” ในปี 2019 ที่มีบทเพลงที่น่าสนใจอย่าง “櫻の園” ชูเกซดรีมพอปสุดไพเราะพาใจล่องลอย และ “Girl’s Searchlight” ที่มีกลิ่นอายเมโลดี้ที่ชวนให้คิดถึงเพลง “Glamorous Sky” จากภาพยนตร์เรื่อง “Nana”

ปกอัลบั้ม “he (r) art” ที่ออกแบบเหมือนโปสเตอร์หนัง

ในขณะที่วงได้สร้างฐานแฟนเพลงอย่างมั่นคงที่บ้านเกิด แต่ก็ได้รับความสนใจจากแฟนเพลงในต่างประเทศด้วยโดยเฉพาะในแถบเอเชีย (ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงประเทศไทยด้วย) การระบาดใหญ่ของ โควิด-19 ทำให้วงอาจเสียแผนไปบ้างในปีที่แล้วแต่ Suga ก็มองว่านี่เป็นโอกาสดีในการได้พักผ่อนสัก 1 ปี

“ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม เพื่อนผมที่นั่งอยู่ตรงนั้น” Suga ชี้ไปที่ Kota Yoshida ซึ่งเป็นตัวแทนของสังกัด P-Vine “เขาถามผมว่าเราจะออกอัลบั้มภายในปี 2020 ได้ไหม ตอนนั้นผมไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย!”

และ For Tracy Hyde ก็เดินหน้าต่อ Suga ก็เลยเริ่มทำเดโมขึ้นมาแม้ว่าจะมีข้อจำกัดบางประการก็ตาม

ผมไม่มีเวลาคิดเรื่องแพทเทิร์นจังหวะของเพลงเลย ดังนั้นผมก็เลยฝากเรื่องกลองกับเบสไว้ให้เป็นหน้าที่ของเพื่อนในวง Suga กล่าวเพิ่มเติมว่าในขณะที่พวกเขาเริ่มบันทึกเสียงในช่วงปลายเดือนสิงหาคมการแพร่ระบาดครั้งนี้ก็กลายเป็นความท้าทายที่เพิ่มเติมเข้ามา สตูดิโอที่เราทำงานมีข้อจำกัดในการให้บุคคลมาปฏิบัติงานได้ไม่เกินครั้งละ 3 คน แต่เราเคยชินกับการบันทึกเสียงทั้งวงในคราวเดียวซึ่งคราวนี้มันแตกต่างกันมากเลย เราเลยต้องเริ่มต้นด้วยภาคริทึ่มก่อนและค่อยมาอัดส่วนอื่น ๆ ในภายหลัง

เพลงสุดท้ายมีการบันทึกเสียงในช่วงปลายเดือนธันวาคมและได้ทำมาสเตอร์เสร็จในช่วงปลายเดือนมกราคมไม่ถึงหนึ่งเดือนก่อนที่อัลบั้มจะวางจำหน่ายในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ แม้จะเร่งรีบแต่ Suga ก็สามารถสร้างบทกวีแห่งเสียงเพลงที่อุทิศให้แก่สหรัฐอเมริกาอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ เพลงใน “Ethernity” สะท้อนความคิดของคนหนุ่มสาวโดยมีการกล่าวถึงไฮเวย์ สนามบาสเก็ตบอลและร้านเช่าวิดีโอ Blockbuster ที่ปัจจุบันได้เลือนหายตายจากไปแล้ว (ที่ประเทศไทยก็เคยมีแฟรนไชส์ร้านเช่าวิดีโอเจ้านี้มาเปิดด้วยเหมือนกัน) ในเพลง “Interdependence Day (Part1)”

ส่วนที่เหลือของอัลบั้มนำเสนอภาพฝันอันงดงามของการเติบโตในสหรัฐอเมริกาซึ่งถูกถ่ายทอดน้ำเสียงใส ๆ หวาน ๆ ของ Eureka ซึ่งเป็นลูกครึ่งอเมริกันและเธอได้นำเอาความทรงจำในวัยเด็กของเธอเข้ามาผสมผสานไว้ในบทเพลง

มีช่วงเวลาหนึ่งที่ฉันสูญเสียตัวตนว่าฉันเป็นใครในช่วงประถม เธอหวนระลึกถึงความสับสันในตัวตนเมื่อวัยเยาว์ ฉันไม่ได้รับการปฏิบัติในฐานะคนญี่ปุ่น ฉันจึงพยายามเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอเมริกาเพื่อค้นหาตัวตนของฉัน

สำหรับ Suga แล้วเขารักร้านเช่าวิดีโอ Blockbuster มาก ๆ เพราะมันทำให้เขาได้เปิดรับประสบการณ์วัฒนธรรมพอปมากมายผ่านทางภาพยนตร์

“ผมวาดภาพของอเมริกาขึ้นมาจากภาพยนตร์และเรื่องราวที่ผมเคยได้ยินจากคนอื่น ๆ เขากล่าว และ

เรื่องราวประสบการณ์การใช้ชีวิตในแถบชานเมืองที่เขาได้เรียนรู้มาก็ได้ถูกนำเสนอผ่านบทเพลง “Chewing Gum USA” ซึ่ง Suga อธิบายด้วยความรักว่ามันเป็นงานที่ “ขูดรีดออกมาจาก Nirvana” นอกจากนี้ยังมีเพลงกลิ่นอายคันทรีที่มีเสียงแบนโจเข้ามาสร้างสีสันในเพลง “City Limits”

อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรน่าแปลกใจไปกว่าการได้ยินเสียงของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ บารัค โอบามาสะท้อนก้องตลอดทั้งเพลง “Interdependence Day (Part 2)” สุนทรพจน์ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2016 ของโอบามาซึ่งเป็นการเรียกร้องให้มีการอยู่ร่วมกันควบคู่ไปกับการสังเกตการณ์ว่า “ปาฏิหาริย์” ของอเมริกานั้นเป็นเช่นไร – ได้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่เดือนก่อนที่ทรัมป์จะได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีซึ่งเป็นความจริงที่เกิดขึ้นและได้สร้างสัมผัสของความรู้สึกไม่สบายใจให้เกิดขึ้นบนท่วงทำนองของดนตรีโพสต์ร็อกตลอดทั้งเพลงนี้

กลิ่นอายที่คล้ายกันกับที่กล่าวมานี้ปรากฏขึ้นทั่วทั้งอัลบั้ม “Ethernity” ทำให้เกิดสมดุลของความหวานกลมกล่อมจากท่วงทำนองร็อกในแบบฉบับของพวกเขาอย่างในเพลง “Just Like Fireflies” และ “Sister Carrie” ซึ่งเกิดขึ้นมาจากช่วงเวลากักตัวและเฝ้าระวังโควิดของ Suga

ผมพยายามดู ‘Twin Peaks’ หลายครั้งก่อนหน้านี้ แต่ไม่สามารถอินกับมันได้เลย” เขากล่าว แต่ในระหว่างที่เกิดการแพร่ระบาดผมมีเวลามากขึ้นดังนั้นผมจึงดูซีรีส์ทั้งเรื่องและติดงอมแงมเลยทีนี้ ..”

ในแง่หนึ่งมันเป็นบทสรุปที่สมบูรณ์แบบของสิ่งที่เราพยายามทำใน ‘Ethernity’ มันแสดงให้เห็นว่าเซ็กส์ ยาเสพติด และความรุนแรงเกี่ยวพันกับชีวิตและคนหนุ่มสาวของอเมริกาได้ยังไง มันมีกลิ่นอายของชีวิตชานเมืองที่สมจริงแต่ในขณะเดียวกันก็มีสัมผัสของความเหนือจริงอยู่ด้วย

แรงบันดาลใจจาก “Twin Peaks” เกิดขึ้นในเพลงเปิด“Dream Baby Dream (Theme For Ethernity)”ซึ่งประกอบไปด้วยกีต้าร์ริฟฟ์ที่เล่นในเพลงธีมเปิดเรื่องของ “Twin Peaks” ซึ่งแต่งโดย Angelo Badalamenti

For Tracy Hyde มีวิธีการเฝ้ามองปัญหาในโลกแห่งความจริงผ่านวิถีแห่งดนตรีพอปญี่ปุ่นซึ่งส่วนใหญ่มักจะหลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องราวของโลกความจริงแต่ For Tracy Hyde เลือกที่จะใช้มันในการมองโลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็นการใช้ภาพที่อ้างอิงถึงความรุนแรงในมิวสิกวิดีโอเพลง “Interdependence Day (Part1)” หรือการเขียนเนื้อเพลงเกี่ยวกับเพดานกระจก (glass ceiling) ซึ่งเป็นคำอุปมาถึงอุปสรรคที่มองไม่เห็นซึ่งคอยขวางผู้หญิงไม่ให้ได้รับความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หรือในบริบทของสังคมอเมริกันคำนี้ยังใช้เปรียบเปรยถึงอุปสรรคขัดขวางความก้าวหน้าของผู้ชายที่เป็นคนกลุ่มน้อยในสังคมด้วย

วงดนตรีชูเกซไม่ได้ทำอัลบั้มเกี่ยวกับการเมืองบ่อยนัก Suga กล่าว และเขาเป็นผู้ที่เชื่อในความสำคัญของการสร้างสรรค์ผลงานทางวัฒนธรรมที่มีแรงจูงใจทางการเมืองแต่นำเสนอผ่านรูปแบบหรือแนวดนตรีที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง นอกจากนี้ยังเป็นการย้ำเตือนถึงจุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ For Tracy Hyde หากต้องการให้วงยืนหยัดอย่างแข็งแรงและยืนยาวนั่นคือ จงหลีกเลี่ยงความพึงพอใจ

สมาชิกของวงบอกว่าในทุกวันนี้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมและได้รับความสนใจได้ง่ายขึ้นด้วยอินเทอร์เน็ต แต่จะง่ายมากขึ้นไปอีกเมื่อปรับตัวและทำงานกับค่ายเพลงหลัก ๆ พวกเขากล่าวถึงนักดนตรีรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์อย่าง Mega Shinnosuke และ Ohzora Kimishima ที่ความได้เปรียบของพวกเขาเกิดจากการทำงานอย่างใกล้ชิดกับอุตสาหกรรมดนตรีที่มักหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเสมอ

เสียงดนตรีร็อกในทุกวันนี้เริ่มคล้ายกันไปหมดลองดูอย่าง Yoasobi และ Yorushika สิ” Soukou กล่าวโดยอ้างถึง 2 วงดนตรีที่กำลังได้รับความนิยมและเป็นตัวกำหนดเทรนด์ J-pop อยู่ ณ ขณะนี้ แต่ For Tracy Hyde ต้องการจะแหวกแนวในขณะที่คนอื่นเล่นตามแนว และเมื่อคนอื่นเลือกที่จะมองออกไปข้างนอก พวกเขาก็จะกลับเข้ามายังด้านใน

Source

Japantimes

Beartai

Soimilk

ForTracyHydeOfficial

ForTracyHydefacebook

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส