กลายเป็นผู้กำกับที่ขยันทำผลงานต่อเนื่องทุกปี สำหรับผู้กำกับผิวสีคนนี้ อังตวน ฟุควา olympus has fallen (2013) , the equalizer (2014) ปีนี้ก็มี southpaw หนังที่อังตวน เปลี่ยนแนวมาจับดราม่าทุนต่ำดูบ้าง ถึงแม้หลังๆงานของ อังตวน จะดูเป็นแอ็คชั่นสะบั้นหั่นแหลก แต่เดิมทีอังตวน ก็ดังมาจากหนังแอ็คชั่นที่มีส่วนผสมเป็นดราม่าหนักๆอย่าง training day ที่ส่งให้เดนเซล วอชิงตัน คว้าออสการ์นำชายมาในปี2001 มาปีนี้ อังตวน ก็เลยกลับไปชิมลางงานทุนเล็กเน้นดราม่ากันให้ดูอีกครั้ง
หนังมีทุนสร้างเพียงแค่ 30 ล้านเหรียญ แต่ด้วยชื่อของอังตวน ฟุควา ก็สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในวงการได้ จึงได้ดาราและทีมงานแข็งๆ มาร่วมงานด้วย ทั้งเจค กิลเลนฮาล , ราเชล แมคอดัมส์ และออสการ์นำชายอย่าง ฟอเรสต์ วิเธเกอร์ รวมถึง เจมส์ ฮอร์เนอร์ ที่ถูกใจบทถึงขนาดมาทำดนตรีประกอบให้ฟรี และกลายเป็นผลงานฝากชื่อไว้เป็นเรื่องสุดท้ายของ เจมส์
จุดที่กล่าวขวัญกันมากคือ ภาพลักษณ์ของ เจค กิลเลนฮาล ที่ฟิตซ้อมหุ่นจนบึกบึนสมจริงกับบทนักมวยอาชีพ ในการเตรียมพร้อมตัวเอง เจค ใช้วิธีศึกษาท่วงท่าสไตล์การต่อยของ มิเกล คอตโต แชมป์โลกเวลเตอร์เวธ ชาวเปอร์โตริโก เจคพัฒนาภาพลักษณ์ออกมาได้อย่างน่าทึ่ง การเคลื่อนไหวบนเวที การปล่อยหมัดดูเป็นนักมวยอาชีพตัวจริงมาก ดีแล้วล่ะที่ อีมิเน็ม ไม่ได้มารับบท บิลลี่ โฮป นี้ เดิมทีหนังวางแผนสร้างมาตั้งแต่ปี 2002 วางตัว อีมิเน็ม ไว้ในบทนำ แต่หนังถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีก อีมิเน็ม เลยขอถอนตัวไปทำงานเพลงต่อ รายชื่อต่อๆ มาก็มี เจเรมี่ เรนเนอร์,ไรอั้น กอสลิ่งและ แบรดลีย์ คูเปอร์ แต่ก็มาจบที่ เจค กิลเลนฮาล คงเหลือแต่ชื่ออีมิเน็ม ในฐานะคนทำเพลงเพลงประกอบ
หนังเป็นผลงานเขียนบทของ เคิร์ต ซัตเตอร์ ที่เคยเขียนมาแต่บทซีรี่ส์อย่าง son of anarchy มาจับบทงานหนังเรื่องแรก เล่าเรื่องบิลลี่ โฮป แชมป์โลกเฮฟวี่เวท ที่เสียภรรยาไปในอุบัติเหตุ โศกเศร้า ควบคุมอารมณ์ร้ายตัวเองไม่ได้ ติดเหล้า ทำให้ชีวิตตกต่ำ ศาลมีคำสั่งเอาตัวลูกไปให้สถานสงเคราะห์ดูแล สติเริ่มกลับมา พยายามกลับมาทวงตำแหน่งเดิมของตน
เป็นหนังอีกเรื่องที่โดนสปอยล์ฉากเมียตายซะตั้งแต่ในตัวอย่างหนัง พอถึงฉากนี้เลยไม่ค่อยช็อคกับการสูญเสียที่เป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องนัก หนังไปได้ช้าในชั่วโมงแรก แต่มีฉากต่อยมวยต้นเรื่องที่สนุกและโชว์ลีลาความดุดันของบิลลี่ โฮปให้ดู หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องราวชีวิตขาลงของบิลลี่ โฮป หนังกลับมาน่าติดตามขึ้นมากในครึ่งหลัง เมื่อบิลลี่ หันมาฮึดสู้ประพฤติตัวดีให้ศาลเห็นเพื่อสิทธิในการดูแลลูกสาว และความมุ่งมั่นที่จะกลับมาทวงตำแห่งแชมป์ บิลลี่มาขอเข้าค่ายของ ทิค วิลส์ ครูมวยที่เคยเทรนให้คู่ต่อสู้คนเดียวที่เคยเอาชนะเขาได้ในชีวิตการต่อยมวย 2 ชั่วโมงของหนังโฟกัสมาที่ บิลลี่ โฮป คนเดียว ไม่แบ่งเวลาไปให้ตัวละครรายรอบเลย หนังไม่กล่าวนำตัวละครทิค วิลส์ให้คนดูรู้จักเลยว่าทำไม บิลลี่ ถึงอยู่ดีๆก็ตรงมาที่ค่ายนี้ มีคุยถึงสาเหตุนิดหน่อยในบทสนทนาภายหลัง ไม่มีการปูความเก่่งกาจ น่ากลัวของ มิเกล เอสโคบา คู่ปรับตัวสำคัญที่จะช่วยทวีความเข้มข้น และชวนลุ้นในฉากไคลแมกซ์ได้มากกว่านี้ และแม้กระทั่งตัวละครเล็กๆอย่าง ฮอปปี้ ที่ใส่เข้ามาเหมือนจะให้เป็นซีนสะเทือนใจ แต่ก็แค่กล่าวผ่านๆ ก็เลยไม่ทำให้รู้สึกอะไรนักกับเรื่องราวของฮอปปี้ ตัวละครที่มีบทบาทมากรองจากบิลลี่ โฮป คือเลล่า บทบาทของ อูน่า ลอเรนซ์สาวน้อยเจ้าบทบาท บทของเธอยากมากครับสำหรับเด็ก10ขวบ ต้องโต้ตอบอารมณ์กับเจค เยอะมาก ทั้งงอนพ่อ ระเบิดอารมณ์ใส่พ่อ อูน่า มีงานหนังต่ออีกเพียบหลังจากเรื่องนี้ ถ้าหน้าตาน่ารักกว่านี้ มีซีนจดจำในผลงานต่อจากนี้ น่าจะไปได้ระดับ ดาโกต้า แฟนนิ่ง หรือ อบิเกล เบรสลินนะ
พล็อตหนังเดินตามสูตรสำเร็จไปนิด ผ่านจุดสูงสุด ร่วงตกต่ำ ดิ้นรนกลับตำแหน่งเดิม แต่ก็จัดว่ามีความลงตัวของสัดส่วนดราม่าหนักๆ มีทั้งน้ำตา รอยยิ้มและเลือดเต็มจอไปหมด แล้วก็แทรกด้วยฉากต่อยมวยที่ดูสนุกและสมจริง คนชอบเจค กิลเลนฮาล ไม่ควรพลาดครับ อีก2วัน MI:rogue nation มาแล้ว น่าจะเหลือวันละไม่กี่รอบ ดูได้ไม่ผิดหวังครับเป็นหนังที่ได้คะแนนจากนักวิจารณ์ดีเลย แต่รายได้ไปได้ไม่ดีนักทั้งในอเมริกาและบ้านเรา ทุนสร้าง30ล้าน แต่เพิ่งได้เงินแค่ 16ล้าน พอเปิดตัวในตลาดนอกอเมริกาครบคงจะได้กำไรพอกล้อมแกล้มนะ