มาถึงภาคที่ 5 แล้ว ภาคนี้มาแปลกหน่อย อัดฉากแอ็คชั่นทุกอย่างไว้ในครึ่งแรกหมด โดยเฉพาะฉากเด็ดเสี่ยงตาย เกาะประตูเครื่องบินที่ถูกนำมาโปรโมทนั้น ก็ใช้เป็นฉากเปิดเรื่องเลย ถ้าเข้าโรงช้าไป 5 นาที ก็พลาดฉากนี้เลยครับ อีธาน ฮันท์ เปิดตัวได้เท่มาก กลายเป็นจุดขายประจำของแฟรนไชส์ mission impossible ไปแล้วที่ ทอม ครูซ จะต้องเล่นฉากสตันท์เอง จากภาคที่แล้วก็ปีนตึกเบิร์จ คาลิฟา ตึกที่สูงที่สุดในโลกใน ดูไบ มาภาคนี้ ครูซ ก็อยากเกาะเครื่องบินแอร์บัส A400 เอง ทีมงานก็เลยต้องเครียดกันทั้งเรื่องดูแลความปลอดภัยและเทคนิคการถ่ายทำ อย่างแรกก็ต้องออกแบบกล่องพิเศษมาครอบกล้องให้ต้านลมและยึดติดกับปีกของเครื่องได้ ปัญหาถัดมาคือจะทำอย่างไรให้ ครูซ ลืมตาได้ในฉากนี้ ก็ต้องออกแบบคอนแทคเลนส์พิเศษต้านลมได้ที่ครอบทั้งตาขาวและตาดำเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ฉากนี้จากที่อยากจะให้ผ่านไปเร็วๆ แต่กลับต้องถ่ายกันถึง 8 เทค ครูซต้องแขวนตัวอยู่บนเครื่องบินที่ความสูงถึง 1.5 กิโลเมตร อย่าพลาดกันนะครับฉากนี้
เป็นอีกภาคที่จัดเต็มและทำออกมาได้สนุกตั้งแต่เปิดเรื่อง พอเข้าช่วงท้ายของหนัง กลับค่อนข้างแผ่วเสียหน่อย เพราะจัดเต็มกันไปตั้งแต่ช่วงแรกแล้ว ภาคนี้ อีธาน ฮันท์ ต้องต่อกรกับองค์การ ซินดิเคท ที่กล่าวทิ้งไว้ในตอนจบของภาค 4 ซินดิเคท เป็นองค์การร้ายที่อยู่เบื้องหลังเหตุวินาศกรรมใหญ่หลายครั้งทั่วโลก อีธาน ฮันท์ พยายามจะเปิดโปง ในขณะที่ CIA ไม่เชื่อว่า ซินดิเคท มีอยู่จริง ซ้ำร้ายยังสั่งยุบ IMF หน่วยงานของ อีธาน ฮันท์ และโยกย้ายเพื่อนๆ ของฮันท์ ไปนั่งโต๊ะใน CIA ทำให้ ฮันท์ ต้องตามกระชากหน้ากาก ซินดิเคท เพียงลำพัง ยังดีที่มี อิลซา เฟาส์ท สายลับอังกฤษที่ถูกส่งไปแฝงตัวใน ซินดิเคท คอยเป็นใจช่วยเหลือ ฮันท์ อย่างลับๆ ฉากใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ของเฟรนไชส์หนัง MI คือการต้องจารกรรมผ่านระบบรักษาความปลอดภัยสุดไฮเทค ภาคนี้ ฮันท์ กับพวกต้องบุกเข้า ศูนย์เก็บข้อมูลนิรภัย ในโมร็อคโค ที่สายลับคนหนึ่งของ ซินดิเคท เอาข้อมูลเบื้องหลังของซินดิเคท ไปเก็บรักษาไว้ที่นั่น อีธาน ฮันท์ จะต้องดำน้ำเพื่อไปแฮควงจรใต้น้ำ แต่มีระบบตรวจจับโลหะ จึงไม่สามารถเอาถังอ๊อกซิเจนเข้าไปได้ ซึ่งหมายถึง ฮันท์ จะต้องกลั้นหายใจให้ได้ 3 นาที เพื่อปฎิบัติการนี้ให้สำเร็จ เล่าแค่นี้พอ นอกจากนี้ก็ยังมีฉากขับรถไล่ล่า ตีลังกากันหลายตลบ มันส์สุดคือ ฉากซิ่งมอเตอร์ไซค์ ตีโค้งกันเข่าชนพื้นเลย ฉากนี้นำเสนอภาพแบบสายตาบุคคลที่ 1 ก็ออกมาหวาดเสียวดี ภาคนี้ได้ BMW มาเป็นสปอนเซอร์ เลยได้เห็นรถบีเอ็ม กันหลายรุ่นทั้ง เก๋ง ทั้ง มอเตอร์ไซค์
บรรดาของเล่นสายลับยังคงนำมาใช้มากอยู่ แต่ถูกหยิบมาใช้แบบผ่านๆ ไป ไม่มีการอวดอ้างประสิทธิภาพมากนัก เพราะจะกลายเป็นเจมส์ บอนด์ มากเกินไป ที่ชอบสุดคือชุดประดาน้ำ แบบมีตัวเลขดิจิตอล โชว์ระดับออกซิเจนบนข้อมือ และก็ยังไม่ลืมของเล่นประจำคือหน้ากากปลอมตัว ที่ยังคงได้ทำหน้าที่สำคัญเช่นเคย ธีมหลักคุ้นหูของ MI ยังคงถูกนำมาเรียบเรียงใช้ประกอบในฉากแอ็คชั่น ช่วยสร้างบรรยากาศความตื่นเต้นให้กับหนังได้อย่างดีเช่นเคย
รีเบคก้า เฟอร์กูสัน ดาราสาวชาวสวีดิช วัย 32 ส้มหล่นได้รับบทนางเอก หลังจากเจสซิก้า แชสเทน บอกปัดข้อเสนอไป ทอม ครูซ ได้เห็น รีเบคก้า จากบทนำในทีวีซีรี่ส์ the white queen แล้วรู้สึกเข้าตา ก็เลยเสนอบทนำให้เธอ ถือว่าเป็นนางเอก MI ที่บทเด่นมากๆ มีฉากเท่ๆ เยอะ ได้โชว์ชุดว่ายน้ำ กับเปลือยด้านหลังให้เห็นแว๊บนึง ใส่ชุดหนังขี่มอเตอร์ไซค์ก็สวย ชอบมากคือฉากชุดราตรียาวผ่าสูง โชว์เรียวขา ยกขาสูงเอาไรเฟิลพาดเล็ง ดูเซ็กซี่มาก นี่ขนาดมีลูกชายโตจน 8 ขวบแล้วนะ เชื่อว่าได้มีงานต่อจากนี้อีกเพียบล่ะครับ ไซม่อน เพ็กก์ ที่เป็นตัวชงมุกได้ถูกใจคนดูในภาคก่อน มาภาคนี้บท เบนจี้ ของเขาเลยกลายเป็นตัวละครสำคัญได้ประกบคู่ อีธาน ฮันท์ตลอดเรื่องยังมีมุกยิงให้พอขำๆ ได้อยู่บ้าง ในขณะที่ เจเรมี่ เรนเนอร์ และ วิง เรมส์ กลับถูกลดทอนความสำคัญลงไป
เป็นงานที่ยกระดับฝีมือไปอีกขั้นของ ผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ แม็คควารี่ ที่กลายเป็นเพื่อนสนิทกับ ทอม ครูซ ไป หลังจากร่วมงานกันมาครั้งนี้เป็นหนที่3 แล้ว แม็คควารี่ เดิมทีเป็นนักเขียนบท เคยเขียนบทหนัง valkyrie (2008) ที่ ครูซ รับบทนำ แล้วก็เลื่อนขั้นมาควบตำแหน่งเขียนบท-กำกับ ใน jack reacher (2012) พอดีกับที่ แบรด เบิร์ด ผู้กำกับ MI:Ghost protocal (2011) ปฏิเสธข้อเสนอที่จะกลับมากำกับภาคนี้ แต่เลือกไปกำกับ tomorrowland แทน ครูซ เลยชวน แม็คควารี่ มากำกับแทนและควบหน้าที่เขียนบทไปด้วย ก็ถือว่าแม็คควารี่ทำออกมาได้สนุก น่าติดตาม เนื้อหาไม่ซับซ้อนมากนัก ความสนุกก็ต้องตีคู่ไปกับความโม้ เวอร์ ล่ะครับ เหมือนที่คนดูเหน็บ Fast7 ว่าโคตรเวอร์แต่มันก็สนุก เช่นเดียวกัน MI ภาคนี้ก็อยู่ในระดับโคตรเวอร์ล่ะ ขณะดูอย่าคิดหาตรรกะความเป็นจริง ดูผ่านๆ ไปแล้วจะสนุกเอง ปีนี้เป็นปีแห่งหนังสายลับครับ อีก4เดือน เจอกับ เจมส์ บอนด์ 24
แถมรายได้ ย้อนหลังทั้ง 4 ภาคของ mission:impossible มาให้ดู ภาค 2 ฝีมือ จอห์น วู ยังคงเป็นภาคที่ทำรายได้มากสุดอยู่นะ