หนังญี่ปุ่นอารมณ์น่ารักอบอุ่น สร้างจากหนังสือการ์ตูนชื่อ umimachi diary เป็นการ์ตูนที่ตีพิมพ์มาตั้งแต่ปี 2007 และได้รางวัลยอดเยี่ยมจากเทศกาล japan media art festival ในไทยตีพิมพ์โดย NED ตัวหนังเองก็ไปเข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำในปีนี้ ได้เสียงตอบรับในทางบวก ด้วยฝีมือของผู้กำกับโคเรเอดะ ฮิโรคาสุ ที่ชำนาญอยู่แล้วกับแนวทางหนังดราม่าอารมณ์ละเมียดแบบนี้ เคยมีผลงานขึ้นชื่ออย่าง nobody knows (2004) หนังประสบความสำเร็จอย่างมาก ตอนเปิดตัวที่ญี่ปุ่น 13-14 มิถุนายน แค่ 2 วัน กวาดไป 229 ล้านเยน และลาโรงไปด้วยตัวเลข 1,500ล้านเยน ถือว่าเป็นหนังที่สร้างปรากฎการณ์อย่างมาก ส่วนหนึ่งเพราะหนังได้ดาราซูเปอร์สตาร์ของญี่ปุ่นมาประชันบทกันครั้งแรก มี ฮารุกะ อายาเสะ จาก cyborg she และ มาซามิ นางาซาวะ จาก nada sou sou
หนังเล่าเรื่องของ 3 สาวโสดพี่น้อง ที่ใช้ชีวิตร่วมกันในบ้านเก่าของพ่อกับแม่ หนังเริ่มเรื่องในวันที่พ่อเสียชีวิต ทั้ง 3 เดินทางไปงานศพพ่อที่จังหวัดห่างไกล ได้พบกับชิสึ น้องสาววัย 14 ที่เกิดจากพ่อกับเมียคนที่ 2 ชิสึติดสอยพ่อมาด้วยเมื่อพ่อมาอยู่กับเมียคนที่ 3 ซัทจัง พี่สาวคนโตรู้สึกเอ็นดูและสงสารที่ ชิสึ จะต้องอยู่กับครอบครัวแม่เลี้ยงโดยที่เธอไม่ได้ส่วนเกี่ยวพันทางสายเลือดเลย จึงออกปากชวน ชิสึ ไปอยู่กับพวกเธอ เพราะว่าอย่างน้อย ชิสึ ก็เป็นน้องสาวร่วมพ่อเดียวกัน
หนังไม่บีบคั้นเร่งเร้าอารมณ์คนดู ไม่มีฉากโศกเศร้าฟูมฟาย ไม่มีวิกฤตการณ์มารังแกตัวละคร และไม่มีไคลแมกซ์ แต่กลับสร้างความประทับใจได้กับเรื่องราวตลอดทางที่นำเสนอออกมาได้อย่างน่ารัก อบอุ่น กับการได้เห็นความรักของ 4 พี่น้อง ในบ้านหลังเดียวกัน 2 ชั่วโมงของหนังค่อยๆ เล่าเรื่องราวย้อนหลังถึงเหตุที่พ่อแม่แยกทางกัน ได้ลงลึกเรื่องราวของแต่ละสาวได้รู้จักเข้าใจแต่ละคนอย่างดี ซัทจัง พี่สาวคนโตเป็นบทที่รับภาระหนักที่สุด เป็นคนที่รับรู้และจำความได้ตอนที่พ่อแม่แยกทางกัน เธอต้องทำหน้าที่แทนแม่ เลี้ยงดูน้องสาว 2 คน จนเรียนจบ แล้วยังไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกลับอ้าแขนรับ ชิสึ มาดูแลต่ออีกคนโดยไม่สนใจคำทักท้วงจากยายที่ว่า “ชิสึ เป็นลูกของผู้หญิงที่ทำลายครอบครัวเธอนะ” ซัทจัง เป็นตัวละครที่จิตใจประเสริฐยิ่งนัก ยอมเสียสละชีวิตส่วนตัวเลือกที่จะอยู่ดูแลน้องๆ พยายามที่จะรักษาความสุขในการอยู่ร่วมกันในบ้านหลังนี้ แทนที่จะแยกไปมีครอบครัว โยจจัง พี่สาวคนกลาง เป็นสาวสังคม ขี้เมารักสนุก เทิดทูนความรัก หนังเล่าถึงความผิดหวังในรักที่ผ่านมาของ โยจจัง ผ่านบทสนทนา แต่ก็พูดถึงในแง่มุมขำขัน ไม่ให้เห็นว่า โยจจัง จะโศกเศร้าเสียใจอะไรกับผู้ชายของเธอ ทำให้โทนหนังไม่เครียดเกินไปนัก
ซาจิ น้องสาวคนเล็ก บทบาทน้อยที่สุดในบ้าน เป็นตัวชงมุก ช่วยสร้างบรรยากาศฮาๆ ให้กับเรื่องราวได้ดี
หนังมีซีนที่ชิสึได้อยู่กับพี่สาวแต่ละคน ได้ฟังพี่สาวแต่ละคนสอนและให้คำแนะนำตามมุมมองการใช้ชีวิตของตัวเอง ได้เห็นว่าทุกคนต่างรักชิสึ เหมือนน้องสาวตัวเองจริงๆ ฮิโรเสะ ซึสุ ผู้รับบท ชิสึ แสดงพัฒนาการของตัวละครออกมาได้ดี ตอนปรากฎตัวในงานศพ เธอเป็นเด็กสาวที่อมทุกข์ เรียบร้อย พอได้มาอยู่กับพี่สาวเธอก็รู้สึกอบอุ่น มีความสุขกลายเป็นเด็กสาวที่สดใสร่าเริง กล้องโคลสอัพใบหน้า ชิสึ บ่อยมาก เห็นได้ชัดว่า ฮิโรเสะ เป็นดาราที่สวยใสได้อย่างเป็นธรรมชาติ ยิ่งโตไปยิ่งสวยแน่ๆ
ชอบที่หนังแทรกเรื่องราวดราม่าเล็กๆ ระหว่างทาง โดยเฉพาะ ซัทจัง กับ โยจจัง สองพี่น้องที่ถกเถียงกันบ่อยมาก แต่สุดท้ายเมื่อใครมีปัญหา ทั้งคู่ก็หันหน้าเข้าหากันและแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อกันเสมอ หรือเมื่อซัทจัง ทะเลาะกับแม่ โยจจังและซาจิ บอกว่าคู่นี้ทะเลาะกันประจำ สุดท้ายเราก็ได้เห็นว่าซัทจังนั่นแหละ เป็นลูกสาวที่ผูกพันห่วงใยและเข้าใจแม่ที่สุด
ความน่ารักที่ประทับใจในหนังคือบรรยากาศอบอุ่นของชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมเอเซียที่ใกล้ตัว ความสนุกของเทศกาลงานวัด ความผูกพันกับป้าร้านอาหารข้างบ้านที่ 3 พี่น้องกินมาตั้งแต่ยังเล็ก งานบุญที่บรรดาญาติพี่น้องได้มาพบปะสังสรรค์กัน แถมยังมีฉากถนนซากุระสวยมากๆ ให้ได้ดูด้วย สำคัญสุดคือหนังถูกถ่ายทอดออกมาด้วยนักแสดงและผู้กำกับที่ถนัดแนวทางนี้ หลายๆ ฉากที่บรรยากาศเงียบๆ นิ่งๆ ของหนัง กับสายตาที่ถ่ายทอดจากดาราฝีมือเหล่านี้ก็ทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของตัวละครได้ เรื่องราวต่างๆบนจอ ที่บางช่วงบางตอนก็เหมือนๆกับชีวิตความเป็นอยู่ของเราเองที่คุ้นเคยสัมผัสได้ ก็ทำให้ดูไปยิ้มไปได้
เป็นหนังที่ถ่ายทอดโลกในด้านบวก ตัวละครทุกตัวดำเนินชีวิตไปบนความรักและการให้อภัย ทำให้ชีวิตเป็นสุข เป็นสารที่ถ่ายทอดถึงคนดูได้ตรงไปตรงมาชัดเจนไม่ต้องตีความครับ
เกร็ดจากหนัง our little sister ครับ