‘โคนัน เกรย์’ (Conan Gray) หนุ่มลูกครึ่งไอริช-ญี่ปุ่น อายุ 22 ปี คือหนึ่งในศิลปินที่น่าจับตามองของวงการเพลงพอปในยุคนี้ เกรย์เริ่มต้นจากการเป็นยูทูบเบอร์นำเสนอเรื่องราวชีวิตส่วนตัว ไลฟ์สไตล์ และปล่อยเพลงที่เขาสร้างสรรค์ด้วยตัวเองผ่านทางแชนเนลของเขาจนมีผู้ชื่นชอบและติดตามมากมายและได้กลายเป็นพอปสตาร์ผู้น่าจับตามองแห่งยุคในที่สุด

จากแรงบันดาลใจในความทรงจำสมัยเรียนไฮสคูลมาสู่บทเพลงที่มีชื่อว่า “Idle Town” ซิงเกิลแรกแจ้งเกิดของเกรย์ที่ได้ฉายแววความเป็นศิลปินของเขาจนได้เซ็นสัญญากับ Republic Records ค่ายยักษ์ใหญ่ที่มีศิลปินดังมากมายอาทิ Lorde และ Taylor Swift ซึ่งเป็นศิลปินในดวงใจของเกรย์ และในปี 2018 เกรย์ได้ออกอีพีชุดแรก ‘Sunset Season’ ซึ่งมีเพลง “Idle Town” และเพลงโดน ๆ อย่าง “Generation Why” และ “Crush Culture”

ต่อมาในปี 2020 เกรย์ก็ได้ออกผลงานเพลงชุดแรกในชื่อว่า ‘Kid Krow’ ที่เขากลั่นออกมาจากประสบการณ์ในชีวิตผ่านห้วงอารมณ์ของความรัก ความเจ็บปวด และความเปลี่ยวเหงา ในอัลบั้มนี้มีเพลงโดน ๆ อย่าง “Comfort Crowd”, “Checkmate”, “Maniac” และ “The Story”

และล่าสุดกับบทเพลง “Overdrive” ซิงเกิลล่าสุดในท่วงทำนองเร้าใจที่พร้อมจะพาใจของเราให้โลดแล่นไปด้วยกันก็ได้สร้างความตื่นเต้นและทำให้เรารอคอยถึงงานเพลงในอัลบั้มใหม่ที่อาจจะมาถึงในไม่นานนี้

ยิ่งโคนัน เกรย์ปล่อยผลงานออกมาก็ยิ่งฮอตมากขึ้นเรื่อย ๆ และความฮอตของเขาก็มาถึงประเทศไทยเราด้วยเช่นกัน ถึงแม้สถานการณ์โควิดที่เข้ามาอาจทำให้เรายังไม่มีโอกาสได้เจอกับเขา แต่ในวันนี้เราก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับโคนัน เกรย์ให้เขาได้เล่าเรื่องราวของบทเพลง การทำงานและการใช้ชีวิตในช่วงที่ผ่านมารวมทั้งได้ฝากความคิดถึงถึงแฟน ๆ ให้หายคิดถึงกันด้วย

เราอยากจะถามเกี่ยวกับเพลง “Fake” ที่คุณ feat. กับ Lauv ซึ่งมันดังมาก ๆ เลยทั้งในไทยและทั่วโลก อะไรคือเรื่องราวเบื้องหลังของเพลงนี้

ในช่วงเวลากักตัว Lauv เขาเป็นคนที่เหลือเชื่อที่สุดเลย เรานั่งกันอยู่ในสตูดิโอขำไปกับเรื่องที่ว่าบางครั้งคนเราก็ทำตัวโง่ ๆ ด้วยการไม่จริงใจหรือหลอกคนอื่นไปเรื่อย เราเลยเกิดคำถามว่าคนเราจะสามารถ ‘ทำตัวเรียล’ สัก 1 วินาทีได้มั้ย มันก็เลยคล้าย ๆ กับเราเอาเรื่องพวกนี้มาทำให้มันเป็นเรื่องตลก เขาเล่นกีตาร์และผมก็เริ่มร้องเพลงขึ้นมา มันสนุกมาก ๆ เลย เป็นอะไรที่สดใหม่มาก ๆ

คุณพอจะเล่าเรื่องราวเบื้องหลังเพลง “Overdrive” ให้เราฟังหน่อยได้ไหม

แน่นอนครับ เพลง “Overdrive” มันเหมือนเป็นการหลบหนีจากโลกความจริง หลบหนีจากความสับสน ความเศร้า และแน่นอนสิ่งสุดท้ายที่ผมจะคิดถึงได้ในเวลานี้ก็คือการที่เราต้องกักตัวตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมก็เลยอยากจะมอบอะไรสักอย่างที่เป็นเหมือนกับการปลดปล่อยให้กับคนฟัง ให้พวกเขาได้เต้นไปทั่วห้อง เหมือนกับว่าช่วงเวลานั้นไม่ต้องไปแคร์ความจริงอะไรในชีวิตอีกแล้ว แค่ใช้ช่วงเวลาสั้น ๆ และมีความสุขไปกับมันแค่นั้นพอ

ในเพลง Overdrive คุณพูดถึงการมีความรักในช่วงเวลาที่ไม่มีอะไรจะต้องกังวล คุณเคยมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีที่ทำให้คุณต้องกังวลเป็นอย่างมากรึเปล่า และคุณผ่านมันมาได้อย่างไร

แน่นอนผมเคยผ่านประสบการณ์ความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะโรแมนติกนัก ความสัมพันธ์ที่ทำให้ผมรู้สึกกังวลเป็นอย่างมากเลยตลอดเวลา และผมคิดว่าสำหรับผมเมื่อเราโตขึ้นคุณจะไม่มีเวลาให้กับคนที่เราต้องขอให้พวกเขามีความซื่อสัตย์ในความรักกับคุณ และผมคิดว่าเมื่อใดก็ตามที่คุณคุยกับใครแล้วทำให้คุณรู้สึกเหมือนจะป่วย ปวดหัวมวนท้อง ให้เลิกคุยกับคนเหล่านั้นไปเลย นั่นไม่ใช่ความรัก นั่นมันคือความกังวล (หัวเราะ)

คุณมีแผนที่จะปล่อยอัลบั้มใหม่เร็ว ๆ นี้ไหม และคุณจะถ่ายทอดเรื่องราวหรือประสบการณ์อะไรลงไปในอัลบั้มนี้

ตอนนี้ผมเพิ่งเริ่มต้นที่จะทำงานเพลงสำหรับอัลบั้มชุดที่ 2 เพราะฉะนั้นมันเลยยังไม่มีอะไรบอกได้ว่าผมจะมีแพลนออกอัลบั้มเมื่อไหร่ ผมก็ยังไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน แต่ผมคิดว่าในอัลบั้มชุดที่ 2 คนฟังอาจจะคาดหวังบางสิ่งที่คล้ายๆ กับใน ‘Kid Krow’ บางสิ่งที่เป็นการที่ผมพูดถึงเรื่องราวในชีวิตของผมเอง ผมเขียนเพลงทุกวันมันเป็นเหมือนกับไดอารี่สำหรับผม เป็นการบันทึกความคิดเป็นการพูดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผม มันก็มีทั้งเพลงที่มีความสุข เพลงที่เศร้ามาก ๆ มาก ๆ ที่ทำให้คุณร้องไห้ได้เลย และก็มีอะไรอีกหลายสิ่งหลายอย่างเลยครับ

ปกอัลบั้ม Kid Krow

ในอัลบั้มชุดแรกของคุณ ‘Kid Krow’ ดูเหมือนว่าคุณจะเปรียบตัวเองกับ ‘อีกา’ (Crow) แล้วในสำหรับอัลบั้มต่อไปคุณคิดว่าคุณจะเปรียบตัวเองกับสัตว์ชนิดไหน

โอ้ นั่นเป็นคำถามที่ดีมาก ! ผมไม่เคยคิดเหมือนกันว่าผมเชื่อมโยงตัวเองกับสัตว์ในอัลบั้มของผม (หัวเราะ) ผมล้อเล่นนะ ผมไม่รู้เหมือนกัน ผมยังไม่ได้คิดถึงอะไรเลยแต่ผมคิดว่าอัลบั้มหน้าผมจะพูดถึงเรื่องที่มีความเป็นมนุษย์แบบสุด ๆ หลากล้นไปด้วยอารมณ์ของมนุษย์ ผมคิดว่ามันจะเป็นอัลบั้มที่เกี่ยวกับการเป็นมนุษย์ การผ่านพบประสบการณ์ในชีวิต ความเป็นจริง การขึ้นลงของชีวิตเมื่อเราเติบโตขึ้นครับ

สไตล์ในการเขียนเพลงของคุณได้เปลี่ยนไปบ้างไหมตั้งแต่คุณเริ่มเขียนเพลงมา

มันก็ไม่นะครับ ผมเริ่มเขียนเพลงมาตั้งแต่อายุ 12 ปีด้วยกีตาร์ของผม และผมก็ยังคงเขียนเพลงในแบบนั้นจนถึงวันนี้ที่ผ่านมา 10 ปีแล้ว นั่งอยู่ในห้องเล่นกีตาร์ ผมเขียนเพลงในอัลบั้ม ‘Kid Krow’ คนเดียวลำพังทั้งหมด และตอนนี้ผมก็ยังเขียนเพลงของผมเองทั้งหมด ดังนั้นมันก็เลยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ ที่ผมรู้สึกเลยก็คือผมได้ทำในสิ่งที่ผมรู้สึกสบายใจ ผมรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่ทำให้ผมเป็นตัวของตัวเองและซื่อสัตย์กับตัวเองที่สุด

คุณรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์โควิดในช่วงปีที่ผ่านมา

มันยากที่เชื่อว่าตลอดทั้งปีนั้นได้ผ่านไปแล้วตั้งแต่ได้เริ่มมีการกักตัวมันค่อนข้างเหลือเชื่อ หลายสิ่งได้เปลี่ยนไปมากเลย แต่ผมก็มีความรู้สึกเหมือนกันว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ผมยังรู้สึกตื่นเต้นกับอนาคต ตื่นเต้นที่จะได้เจอสิ่งต่าง ๆ ผมแค่รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งในสิ่งที่ผู้คนให้การตอบรับต่ออัลบั้ม Kid Krow มันทำให้ผมมีความรู้สึกพิเศษที่จะแบ่งปันช่วงเวลาในรอบปีที่ผ่านมากับแฟน ๆ ของผม คล้าย ๆ กับเป็นการได้ระลึกถึงช่วงเวลาที่ผมเขียนเพลงอัลบั้มนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่ผมโดดเดี่ยวและรู้สึกเหงามากเลย และช่วงกักตัวทำให้ผมได้ผ่านมันไปพร้อมกับแฟน ๆ ของผม

เหมือนกับว่าการติดต่อกับแฟน ๆ และการเขียนเพลงได้ช่วยให้คุณผ่านช่วงกักตัวได้เป็นอย่างดีดังนั้นมีสิ่งใดอีกบ้างไหมที่ช่วยให้คุณผ่านช่วงเวลาของการกักตัวมาได้

นอกเหนือจากการได้พูดคุยกับแฟน ๆ และการเขียนเพลงแล้ว ผมว่าก็คงจะมีการดูทีวีและการอ่านหนังสือนี่ล่ะ ผมดูทีวีเยอะเลยและก็อ่านหนังสือหลายเล่ม และผมก็เฟซไทม์กับเพื่อนเกือบจะทุกวันทุกคืน เราคุยกัน เล่นเกมในโทรศัพท์กัน แค่นั้นมันก็ดีมากแล้ว มันมีความสำคัญมาก ๆ เลยกับการที่เรามีใครสักคนได้พูดคุยด้วยในทุก ๆ วัน มันอาจจะยากที่จะหาใครมาอยู่ใกล้ ๆ ถึงทำได้คุณก็ไม่ควรทำอย่างนั้น (ในช่วงสถานการณ์โควิดแบบนี้) ดังนั้นถ้าคุณมีตัวเลือก ‘จงโทรหาเพื่อน’ ครับ

คุณยังคงเขียนเพลงทุกวันอยู่รึเปล่าและสถานการณ์โควิดได้ส่งผลกระทบต่อเพลงของคุณและเรื่องราวในบทเพลงของคุณอย่างไรบ้าง

ใช่ ๆ ผมยังคงเขียนเพลงทุก ๆ วันตั้งแต่อายุ 12 ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตของผมจะเป็นอย่างไรถ้าไม่ได้เขียนเพลงทุก ๆ วัน ผมคิดว่าผมอาจจะมีอาการทางจิตเล็ก ๆ น้อย ๆ เลยล่ะ ผมรู้สึกว่าการกักตัวมันส่งผมกระทบต่อผมมากเลย อย่างเช่นชีวิตทางสังคมของผมมันน่าเบื่อสุด ๆ เลย เวลาส่วนใหญ่ผมก็ใช้ไปกับการให้สัมภาษณ์เหมือนที่คุยกับคุณนี่ล่ะ (หัวเราะ) และผมไม่ได้ออกเดตอีกเลยนับตั้งแต่มีการกักตัว เราจะเดตกับใครได้ยังไงในช่วงเวลาแบบนี้ ผมยังไม่อยากตาย ​(หัวเราะ) แต่ผมไม่ได้เขียนเพลงถึงสิ่งที่แตกต่างออกไป ผมก็ยังเขียนถึงหนังสือ หนัง และคิดแต่งเรื่องขึ้นมา อย่างสมมติว่าผมเป็นแวมไพร์และก็เขียนเพลงเกี่ยวกับเรื่องนี้ และมันมีอะไรให้พูดถึงเยอะเลยในช่วงกักตัวและแน่นอนมันส่งผลกระทบถึงผมเลยล่ะ

เป็นเวลากว่า 8 ปีแล้วที่คุณเริ่มเป็นยูทูบเบอร์และตอนนี้คุณได้กลายเป็นนักร้องนักแต่งเพลงมืออาชีพแล้ว อะไรคือสิ่งที่คุณได้เรียนรู้จาก “โคนัน เกรย์” ทั้งในฐานะพอปสตาร์และในฐานะคนธรรมดา

นั่นเป็นคำถามที่ดีมากเลย ผมหมายความว่าผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง (หัวเราะ) แต่หลายสิ่งได้เปลี่ยนแปลงไปจริง ๆ และมันเปลี่ยนไปมากเลยจากตอนที่ผมอายุแค่ 12 ปี​ (หัวเราะ) ผมคิดว่าผมเพิ่งเติบโตขึ้นได้ไม่นาน เพิ่งเรียนจบเมื่อไม่นานมานี้ ได้เข้าเรียนวิชาต่าง ๆ นั่งดื่มกาแฟกับเพื่อน ๆ (หัวเราะ) ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงขำนักหนา (หัวเราะ) ผมแค่ชอบเวลาที่ได้หันมองชีวิตตัวเองในแบบนี้ ตอนที่ผมอายุ 14 มันเหมือนกับว่าผมรู้สึกเบื่อและเริ่มทำวิดีโอลงยูทูบและผมคิดว่าผมได้เรียนรู้อะไรมากเลยกับชีวิตแบบธรรมดาเหมือนเวลาที่คุณได้เรียนรู้เวลาที่เติบโตขึ้นอย่างการมีเพื่อน การมีความรักและอกหัก ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมได้เป็นตัวของตัวเองจริง ๆ ก่อนนี้ผมกลัวมากที่จะเป็นตัวของตัวเองและผมก็กลัวในสิ่งที่ผู้คนจะคิดเกี่ยวกับผม และในทุกวันนี้มีคนจำนวนมากคิดถึงเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับผมดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่ผมหลีกเลี่ยงไม่ได้ดังนั้นผมก็เพียงแค่ยอมรับมัน และผมก็แค่เป็นในแบบที่ผมอยากจะเป็น เป็นในแบบที่ทำให้ผมมีความสุข 

20 มีนาคมนี้อัลบั้ม ‘Kid Krow’ ก็ครบรอบ 1 ปีแล้วเร็วมากเลย ตอนนี้คุณมีแผนอย่างไรบ้างสำหรับปี 2021 นี้

ในปี 2021 ผมมีแผนที่จะปล่อยเพลงใหม่ ผมคิดว่านี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ผมจะทำได้ในเวลานี้ เราออกทัวร์ไม่ได้ออกแสดงไม่ได้เหมือนเคย สิ่งที่ผมอยากทำจริง ๆ ก็คือปล่อยเพลงออกมา ในช่วงเวลาแบบนี้ทุกคนคงอยากฟังเพลงดี ๆ และคนฟังก็คงคาดหวังสิ่งเหล่านั้นจากผม ตลอดทั้งปีนี้ผมก็คงจะทำเพลงออกมาและอาจจะทำอัลบั้มด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกันครับ (หัวเราะ)

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด คุณมีอะไรจะบอกกับแฟนๆ  ที่รักและคอยสนับสนุนคุณมาโดยตลอด

แน่นอน สำหรับแฟนๆ  ชาวไทยผมอยากจะบอกว่าผมขอบคุณมาก ๆ ผมรักในทุก ๆ สิ่งที่พวกคุณโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย เช่น พวกคุณมีความสุขมาก ๆ เลย หรือบ้าแบบสุด ๆ ไปเลย (หัวเราะ) ผมรู้สึกซาบซึ้งมาก ๆ สำหรับความรักของพวกคุณและผมจะรอเวลาที่จะได้พบกับพวกคุณหวังว่าคงไม่นานนี้และผมไม่เคยได้มีโอกาสพบพวกคุณมาก่อนเลย ผมจะได้แนะนำตัวกับพวกคุณและมอบทุกอย่างที่พวกคุณรัก ขอบคุณมาก ๆ ครับ คิดถึงพวกคุณมาก ๆ  

[ขอขอบคุณคำถามจากทางสื่อผู้ร่วมสัมภาษณ์ Conan Gray : Thairath tv, Sanook และ เสพย์สากล]

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส