“Ice Bucket Challenge” (ไอซ์ บัคเก็ต ชาเลนจ์) เป็นแคมเปญการกุศลเพื่อสมาคมผู้ป่วย โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ALS (เอแอลเอส) โดยเป็นการท้าต่อๆกันโดยให้ใช้น้ำแข็ง หรือน้ำเย็นราดลงไปที่ตัว และถ่ายคลิปเพื่อโพสต์ลงอินเทอร์เน็ต โดยติดแฮชแท็กว่า #IceBucketChallenge และท้าไปยังคนอื่นต่อไปอีกสามคนหรือมากกว่านั้นแล้วแต่เรา หากไม่ทำจะต้องบริจาค 100 ดอลลาร์ ให้กับสมาคม แต่โดยทั่วไปผู้รับคำท้าจะทำทั้งสองอย่างเลยคือ ทั้งทำตามคำท้าและบริจ่คเงินด้วย และกลายเป็นกระแสออกไปทั่วโลก
ในประเทศไทยบ้านเรานั้น มีการเปลี่ยนเป็นการให้มูลนิธิเพื่อการกุศลใดก็ได้ และใช้ #IceBucketChallengeTH เป็นแฮชแท็กสำหรับกิจกรรมนี้ในประเทศไทย แต่ต่อมาแคมเปญดังกล่าวได้ขยายวงกว้างไปยังผู้มีชื่อเสียงชาวไทยในวงการอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก แต่ก็เงียบๆกันไปตามกระแส
แต่ในวันนี้แคมเปญดังกล่าวได้ประสบผลสำเร็จไปอีกก้าวแล้ว มีผลสำรวจจาก John Hopkins University School of Medicine ว่า มีพัฒนาการความเข้าใจอย่างก้าวกระโดดเกี่ยวกับโรคนี้เกิดขึ้นภายในหนึ่งปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลมาจากโปรตีนชนิดหนึ่งที่ชื่อ TDP-43 protein หากแต่ในทางเทคนิคแล้ว มันค่อนข้างยากที่จะอธิบายสู่คนทั่วไปให้เข้าใจได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
Jonathan Ling หนึ่งในผู้ร่วมงานวิจัยบอกว่า “ก่อนหน้านี้หลายคนอาจมองว่าการเล่น “Ice Bucket” นั้นเป็นการเปล่าประโยชน์ แต่นั่นไม่เป็นความจริงเลย เพราะทุกการบริจาคของคุณนั้นมีประโยชน์และทำให้เราสามารถดำเนินงานวิจัยต่อได้ เนื่องจากยาที่จะใช้รักษาโรคนี้ ต้องผลิตจากความเข้าใจโรคอย่างถ่องแท้ จึงต้องใช้เงินมาก หากไม่มีกิจกรรมนี้ ความรู้ก้าวกระโดดเกี่ยวกับโรคนี้ ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่”
ทั้งนี้ เงินกว่า 100 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3,600 ล้านบาท สามารถถูกระดมขึ้นมาได้จากเคมเปญนี้ระหว่างฤดูร้อนปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 30 เท่า เมื่อเทียบปีก่อนหน้า หลังจากกระแสไอซ์ บัคเก็ต ชาเล้นจ์ดังระเบิดเป็นพลุแตก องค์กรอื่นๆก็เริ่มหันมาระดมทุนในรูปแบบคล้ายๆกันนี้ แต่ยังไม่มีเคมเปญไหนประสบความสำเร็จเท่านี้มาก่อนเลย
ทำเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นถือว่าเป็นบุญอย่างหนึ่งที่เราพึงกระทำได้ หากไม่เหลือบ่ากว่าแรง ดีใจที่ทั่วโลกให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน!!
ที่มา : magazine