4 ปีมานี่เรามีหนังอวกาศให้ได้ดูต่อเนื่องกันมาเลยนะครับ ตั้งแต่ prometheus (2012) gravity (2013) interstellar (2014) มาปีนี้ก็มี the martian เรื่องนี้ล่ะ เป็นผลงานกำกับของ ริดลีย์ สก๊อตต์ ผู้กำกับวัย 78 ที่มาขยันตอนแก่ มีผลงานออกมาเกือบทุกปี the martian เป็นหนังหวังผลการตลาด เอาใจผู้ชมอย่างชัดเจน ดูง่ายกว่า 3 เรื่องที่กล่าวมาข้างต้น และริดลีย์ สก๊อตต์ จะทำให้คนดูรัก มาร์ค วัตนีย์ ตัวเอกของเรื่องเหมือนที่เคยทำให้คนดูรักและประทับใจกับ แมกซิมัส จาก gladiator (2000)
the martian สร้างจากนิยายดังของ แอนดี้ เวียร์ ที่เพิ่งเขียนออกมาเมื่อปี 2011 นี่เอง แล้วค่ายฟอกซ์ก็ซื้อลิขสิทธิ์มาสร้างภาพยนตร์ โยนหน้าที่ดัดแปลงบทไปให้ ดรู ก็อดดาร์ด มือเขียนบทหนังสยองขวัญที่ดังจาก the cabin in the woods (2012) ตอนแรก ดรู ขอเขียนบทและกำกับเองด้วย แต่ฟอกซ์ ก็ยังไม่ไฟเขียว จนกระทั่ง ริดลีย์ มาเห็นบทแล้วสนใจอย่างมาก ขนาดที่ว่าพับโครงการ prometheus ภาค 2 ไปเลย แล้วขอกำกับ the martian ก่อน หนังเล่าเรื่อง มาร์ค วัตนีย์ หนึ่งในทีมนักบินอวกาศสำรวจดาวอังคาร ที่โดนพายุโจมตีขณะสำรวจ พลัดจากกลุ่ม สัญญานชีพหาย เพื่อนร่วมทีมมั่นใจว่ามาร์ค เสียชีวิตแล้ว เลยบินกลับโลก มาร์ค ฟื้นขึ้นมาและรู้ตัวว่าโดนทิ้งแล้ว คิดค้นทุกวิชาความรู้ที่ตัวเองมี เพื่อยืดชีวิตตัวเองบนดาวอังคารให้นานที่สุด เพราะโครงการสำรวจดาวอังคารครั้งต่อไปคืออีก 4 ปีข้างหน้า
หนังเดินเรื่องได้รวดเร็วมาก ไม่พูดพร่ำทำเพลงเลย 5 นาทีแรก มาร์ค ก็โดนทิ้งแล้ว แล้วเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่งของหนัง ก็ไม่มีช่วงให้ได้ง่วงเหงาหาวนอนเลย หนังเล่าเรื่องราว 2 ส่วนสลับกันไป ระหว่างการดิ้นรนเอาชีวิตรอดของมาร์ค วัตนีย์บนดาวอังคาร และ ภารกิจระดมมันสมองของนาซ่าที่จะช่วยชีวิต มาร์ค ให้ได้อย่างเร็วที่สุด ถ้าใครเคยจำความสนุกของ apollo 13 (1993) ได้ กับภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ เพื่อช่วยชีวิตนักบินอวกาศ ด้วยการเอาสิ่งของรอบตัวมาประยุกต์เพื่อเอาชีวิตรอด the martian มีให้ดูแบบนั้นเลยความสนุกของหนังอยู่ตรงแผนการช่วยชีวิตนี้ล่ะครับ มีทั้งแผนระยะยาว ที่พูดตัวเลขกันเป็นหลัก 100 วัน และแผนการเฉพาะหน้าที่มีเวลาให้ตัดสินใจเพียงเสี้ยวนาที มีทั้งสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้างให้ได้ลุ้นกันไป ชอบการเล่าเรื่องแบบมีเงื่อนงำ บางฉากหนังก็ไม่บอกว่ามาร์ค กำลังทำอะไรให้คนดูอยู่ในสถานะเดียวกับนาซ่า คอยสังเกตการณ์ว่ามาร์คกำลังทำอะไร แล้วค่อยไปเฉลยทีหลัง
สองชั่วโมงกว่าที่หนังเดินหน้าไปค่อยๆ พาอารมณ์ร่วมขึ้นสูงได้ตลอด และพาไปพีคได้สุดจริงๆ ในช่วงไคลแมกซ์ที่ทำได้ถึงแบบมือตีนจิกเบาะกันเลย อารมณ์หนังเป็นแอ็คชั่น และ ผจญภัย แทรกอารมณ์ขันน้อยแต่โดนอยู่หลายครั้ง แทบไม่มีดราม่าเลย ไม่มีฉากเอามือทาบจอลาลูกเมียน้ำตาไหลแบบในหนังอวกาศเรื่องอื่นๆแต่ก็ไม่ทำให้รู้สึกขาดอะไรไป เราได้เห็นมาร์ค ในภาพของยอดมนุษย์ที่มีอารมณ์ขัน กำลังใจดีมาก ฉลาดและประยุกต์สิ่งของรอบข้างได้เก่ง เจออุปสรรคแรงๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ยังแก้ไขสถานการณ์ได้อีก มีศัพท์วิทยาศาสตร์ พอสมควรแต่ไม่เยอะเท่า interstellar และไม่ใช่ประเด็นสำคัญของเรื่องที่จะทำให้ดูไม่รู้เรื่องไม่ถึงกับต้องมาตั้งกระทู้ถามในพันทิปแบบ interstellar บางจุดในเรื่องก็ยังมีที่ดูเวอร์ เกินจริงอยู่บ้าง แต่ก็ปล่อยผ่านๆ ไปอย่าไปเอาสาระ เดี๋ยวจะดูไม่สนุก
ชอบหลายๆ อย่างในหนังครับ เพลงประกอบดิสโก้ที่ใครจะไปคิดว่าเอามาใช้กับหนังอวกาศได้ละเนี่ย นอกจากช่วยให้อารมณ์หนังคึกคักขึ้นและยังเอามาใช้เป็นมุกประชดประชันได้อยู่หลายครั้ง หลังหนังเข้าฉายอาจจะปลุกกระแสดิสโก้ขึ้นมาก็ได้ ชอบบทบาทของจีนในหนัง ไม่รู้ว่ามีมาตั้งแต่ในฉบับนิยายหรือเปล่า แต่การใส่จีนไปในฐานะฮีโร่นี่มีผลอย่างมากแน่ๆ ตอนไปฉายในจีน ที่เป็นตลาดหลักนอกอเมริกาแล้ววันนี้ ชอบการพลิกบทบาทของ เจฟฟ์ แดเนี่ยล จากอดีตดาราตลก แล้วพลิกมาสวมมาดภูมิฐานเป็นผู้อำนวยการนาซ่าจอมเฮี้ยบ เป็นตัวละครที่ทำให้คนดูคอยลุ้นกันไปว่าจะมาดีหรือมาร้ายกันแน่ เป็นหนังอีกเรื่องที่อัดแน่นไปด้วยดาราแถวหน้า และเป็นการจัดแมตต์ เดม่อน มาเจอกับ เจสซิก้า แชสเทน อีกครั้งหลังจากเพิ่งร่วมเรื่องแต่ไม่ร่วมจอกันใน interstellar แล้วยังมี ฌอน บีน หรือ เน็ด สตาร์ค จากซีรี่ส์ เกม ออฟ โธรนส์ มาเสริมด้วย คริสเต็น วิก,ไมคิล พีน่า,เคต มาร่า และ ชิเวเทล อีจิโอฟอร์ โอ้ว เยอะมาก ทุนสร้าง 108 ล้านเหรียญ ได้กำไรสบายๆ แน่นอน หนังสนุก ดูแล้วมีความสุข ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ
ทะเลทราย วาดิ รัม ในจอร์แดน ที่ใช้เป็นฉากดาวอังคาร
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ the martian
- แอนดี้ เวียร์ ผู้ประพันธ์ เป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ศึกษาค้นคว้าเรื่องดาราศาสตร์ด้วยตัวเองก่อนจะมาเขียนนิยายเรื่องนี้ เริ่มแรกเขาเขียนลงเว็บไซต์ส่วนตัวให้คนอ่านกันฟรี พอนิยายสนุกคนอ่านมากขึ้น แฟนๆ เลยเกรงใจ บอกว่าให้ไปทำดาวน์โหลดขายใน อเมซอนเหอะ เวียร์ ก็ทำตาม แล้วก็ตั้งราคาดาวน์โหลดที่ 99 เซ็นต์ เป็นราคาต่ำสุดที่อเมซอนตั้งไว้ สุดท้ายสำนักพิมพ์ คราวน์ ก็มาซื้อลิขสิทธิ์ไปตีพิมพ์ด้วยตัวเลขกว่า 1 แสนเหรียญ เข้าอันดับที่ 12 ใน new york time best seller เดือนมีนาคม 2014
- ฉากดาวอังคาร ถ่ายทำในทะเลสาบ วาดิ รัม ในจอร์แดน เพราะทรายเป็นสีแดง
- เจสซิก้า แชสเทน ผู้รับบท เลวิส ในเรื่องทำการบ้านก่อนแสดงเยอะมาก เข้าเยี่ยมชม นาซ่า อ่านนิยายอวกาศหลายเรื่องและให้ แอนน์ แฮทธาเวย์ สอนวิธีการใส่ชุดอวกาศ เพราะแอนน์ เคยเล่นบทนักบินอวกาศใน interstellar มาก่อน
- แรกเริ่ม แมตต์ เดม่อน ยังลังเล ที่จะมารับบทนำ เหตุเพราะบทของเขาใกล้เคียงกับบทใน interstellar จนริดลีย์ สก๊อตต์ต้องไปเกลี้ยกล่อมและให้เหตุผลอธิบายว่าหนัง 2 เรื่องนี้ต่างกันอยู่มาก
- ในหนังเรื่องนี้พูดถึงนาซ่า ไว้อย่างมาก นาซ่าจึงซีเรียสเรื่องข้อเท็จจริงในหนัง และให้คำปรึกษาเรื่องข้อมูลอย่างดี รวมถึงสถานที่ถ่ายทำ กว่า 50 หน้าในบทถ่ายทำเป็นข้อมูลจากนาซ่า ฉะนั้นเรื่องราวหลักการทางอวกาศในหนังจึงค่อนข้างเที่ยงตรงต่อความเป็นจริง
- หนังถ่ายทำกันที่โรงถ่ายใน บูดาเปสต์ เพราะโรงถ่ายที่นี่ใหญ่และสูงที่สุดในโลก หนังใช้เวลาถ่ายทำเพียงแค่ 70วัน