ชอบการเดินเรื่องแบบนี้ของ sicario ครับ วางคนดูไว้ในตำแหน่งเดียวกับ เคท เมอร์เซอร์ ตัวละครหลักของเรื่อง เคท เมอร์เซอร์ เป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอหญิง ขาลุย ฝีมือดี เลยโดนตัวแทนจากกระทรวงยุติธรรมขอตัวไปช่วยในคดีตามเก็บเจ้าพ่อค้ายาเม็กซิกัน เธอรีบยินดีอาสาแต่พอเอาเข้าจริงกลับถูกกันอยู่วงนอก ไม่รู้เลยว่าถูกพาไปไหนทำอะไร ทีมกำลังทำอะไรกันและเธอกำลังจะเผชิญอะไร ทำให้เราไม่รู้ว่าหนังจะเดินหน้าไปเจอกับอะไรได้ลุ้นไปพร้อมๆกับเคท
sicario ไม่ใช่หนังตลาดซะทีเดียวนะ มีแทรกสาระหนักๆทางการเมือง ยังคงอึมครึมเนิบๆ เครียดๆ ตามสไตล์ผู้กำกับ เดนิส วิลล์เลอเนิฟ ชาวแคนาดา ถ้าใครเคยดู prisoners (2013) ก็จะนึกอารมณ์แบบนั้นออกนะ แต่ก็ไม่ได้ออกแนวอาร์ทพางง แบบ enemy (2013) หนังอัดฉากโหดๆ ใส่คนดูตั้งแต่5นาทีแรกเลย แล้วก็เดินเรื่องไปด้วยบรรยากาศหม่นๆ ชวนสงสัย กับเป้าหมายของปฎิบัติการ และจุดประสงค์ที่แท้จริง แมตต์ เกรเวอร์ คนที่ดึงตัวเธอมาจากเอฟบีไอ แต่พอจะถึงฉากแอ็คชั่นหนังก็ปูบรรยากาศเครียดๆ ชวนลุ้นไปจนถึงจุดปะทุได้ดี โดยเฉพาะฉากข้ามแดนตั้งใจดูให้ดีใครชวนคุยตบเลย หนังเล่าเรื่องราวจากฝั่งของตำรวจอย่างเดียว เรารับรู้แต่แผนการและกำลังคนทางฝั่งตำรวจเท่านั้น ไม่รู้หน้าตาตัวตนของทางฝั่งผู้ร้ายว่าเตรียมแผนการรับมือย่างไรบ้าง หนังไม่เน้นฉากแอ็คชั่นขนาดที่ว่าสาดกระสุนกันหูดับตับไหม้แบบหนังแอ็คชั่นฮอลลีวู้ดทั่วไป ถึงยิงกันไม่บ่อยนัก แต่พอยิงกันแต่ละครั้งก็สร้างอารมณ์ร่วมชวนลุ้นได้ดี
เอมิลี่ บลันท์ ดังจากบทเลขาขี้อิจฉาใน devil wears prada (2006) จับพลัดจับผลูกลายมาเป็นดาราแอ็คชั่นไปซะได้ ในบทเคท เมอร์เซอร์ เธอกลับมาหุ่นผอมเพรียวไม่ได้ฟิตจนล่ำเหมือนตอน edge of tomorrow เธอเป็นตัวเลือกเดียวของผู้กำกับ เดนิส วิลล์เลอเนิฟเลย เพราะประทับใจเธอจากหนังแนวย้อนยุค young victoria (2009) เรื่องนี้ เอมิลี่ เข้ากล้องหลังจากเพิ่งคลอดลูกสาวได้ 4 เดือนเท่านั้น หุ่นคืนสภาพได้รวดเร็วจริง แถมเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ไม่เกี่ยวกะหนังหน่อยนะ เอมิลี่ บลันท์ เคยคบกับ ไมเคิล บลูเบล แล้วเลิกกันไปเมื่อปี 2008 ระหว่างคบกัน ไมเคิล แต่งเพลง “everything”ให้เธอ
บทที่ผมชอบมากคือ เบนนิซิโอ เดล โตโร ดาราออสการ์ที่พักหลังมีงานน้อยลง บทอเลฮานโดร โดดเด่นรองจากเคท เมอร์เซอร์เลย เปิดตัวมาแบบเงียบๆ ไม่แม้กระทั่งแนะนำตัวเอง เป็นตัวละครลึกลับ แล้วบทบาทค่อยมากขึ้นในช่วงท้าย เทเลอร์ เชอริแดนเขียนให้ อเลฮานโดร มีบทพูดเยอะมาก บรรยายปูมหลังตัวเองอย่างละเอียดยิบ เบนนิซิโอ อ่านแล้วไม่ชอบ เลยมาปรึกษาผู้กำกับ เดนิส ว่าตัดออกดีกว่า อยากให้ตัวละคร อเลฮานโดร ดูลึกลับมากกว่านี้ เดนิส เห็นด้วยเลยตัดบทพูดออกไปถึง 90% ก็เป็นไอเดียที่ดีนะ อเลฮานโดร ในหนังดูลึกลับและอันตราย มีผลกับบรรยากาศหนังอย่างมาก
หนังได้คะแนนจากนักวิจารณ์และคนดูสูงมากจากทุกเว็บภาพยนตร์ เป็นหนังที่มีส่วนผสมทั้งสาระและบันเทิงได้อย่างลงตัว บทพูด และรายละเอียดเยอะต้องตั้งใจดูนะ หนังยาว 2 ชั่วโมงเป๊ะ ใช้ทุนสร้างแค่ 30 ล้านเหรียญ กวาดกำไรสบายๆ แน่