เว็บไซต์ทางการของสำนักพิมพ์ ฮากุเซนฉะ ต้นสังกัดซึ่งลงผลงานมังงะของ อ.มิอุระ เคนทาโร (三浦 建太郎) อย่างเรื่อง ‘Berserk’ มานับตั้งแต่ปี 1989 ได้ลงประกาศแสดงความอาลัยต่อการจากไปอย่างเป็นทางการของ อ.มิอุระ โดยได้ระบุว่าอาจารย์ได้จากไปตั้งแต่ เวลา 14.48 น. วันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จากโรคหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาดฉับพลัน ในวัย 54 ปี
สำหรับ อ.มิอุระ เป็นนักวาดมังงะที่มีผลงานยอดนิยม และมีฐานแฟนทั่วโลก โดยเฉพาะเรื่อง ‘Berserk’ (ベルセルク) ซึ่งลงเป็นซีรีส์ยาวในนิตยสาร Monthly Animal House ในปีเดียวกัน ก่อนจะมาเปลี่ยนหัวนิตยสารมาลงในนิตยสาร Young Animal ตั้งแต่ปี 1992 และมียอดการพิมพ์ฉบับรวมเล่มถึง 40 ล้านเล่มทั่วโลกจวบจนถึงปัจจุบัน
จากครอบครัวศิลปิน สู่นักวาดมังงะ
อ.มิอุระ เคนทาโร เกิดที่เมืองยาจิโยได จังหวัดชิบะ ของประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 1966 ทั้งพ่อและแม่ของเขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปะมุซาชิโนะ เมื่อแต่งงานกันคุณแม่ของ อ.มิอุระก็หันมาทำอาชีพสอนวาดภาพ ขณะที่คุณพ่อเข้าทำงานด้านวงการโฆษณา ในตอนเล็ก อ.มิอุระจึงมักวาดเขียนและลอกเลียนวิธีวาดสตอรี่บอร์ดโฆษณาโทรทัศน์ของคุณพ่อ และทำให้เขาเข้าใจวิธีการวาดเล่าเรื่องแบบแบ่งช่อง จากที่วาดเขียนเล่น ๆ มั่ว ๆ ก็เกิดเป็นความสนใจในการวาดมังงะในเวลาต่อมา
อ.มิอุระเป็นคนที่รักและหลงใหลในการวาดมังงะเป็นชีวิตจิตใจ ครั้งยังเรียนประถมศึกษาปีที่ 1 เขาเริ่มวาดลอกเลียนตัวละครในแบบเรียน และด้วยความที่เขามักต้องย้ายโรงเรียนบ่อยครั้ง อ.มิอุระจึงมักอาศัยทักษะการวาดภาพเพื่อสร้างเพื่อนใหม่ และด้วยวัยเพียง 10 ขวบ เขาก็ได้ลองทำมังงะเรื่องแรกแนวอัศวินชุดเกราะเรื่อง ‘Miuranger’ ที่มีความยาวถึง 40 เล่ม ก่อนที่จะพัฒนาการวาดด้วยการใช้หมึกแบบมังงะมืออาชีพใน ‘Ken e no Michi’ มังงะเรื่องถัดมาที่เกี่ยวกับการเล่นเคนโด้ในปีถัดมา
กลุ่มเหยี่ยว และคู่แข่งผู้สร้างตัวตน
ในปี 1982 อ.มิอุระได้ลงทะเบียนเรียนหลักสูตรศิลปะในช่วงมัธยมปลาย และเริ่มมีผลงานโดจินตีพิมพ์ ที่นี่เองที่เขาได้พบกับเพื่อนที่มีความสนใจด้านเดียวกัน ได้แลกเปลี่ยนความรู้ในเรื่องดนตรี ภาพยนตร์ และอื่น ๆ และเรียกกลุ่มของตนเองว่า กลุ่มเหยี่ยว ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของกองพันเหยี่ยวใน ‘Berserk’ ในเวลาต่อมา โดย อ.มิอุระมองว่าพวกเขาตอนนั้นไม่ต่างอะไรจากทหารรับจ้าง
หนึ่งในเพื่อนของ อ.มิอุระ ที่ส่งผลต่อการวาดมังงะของเขามากที่สุดคือ อ.โคจิ โมริ ซึ่งภายหลังคือผู้วาดเรื่อง ‘Jisatsutou’ หรือ ‘เกาะคนตาย’ อ.มิอุระซึมซับบุคลิกของ อ.โคจิ ซึ่งเป็นผู้ประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชน ทั้งการวิวาท เรื่องผู้หญิง ตลอดจนความมุ่งมั่นในการใช้ชีวิต รวมถึงความโดดเดี่ยวอ้างว้างซึ่ง อ.มิอุระสัมผัสได้ เหมือนต้นแบบของตัวเอกในมังงะลูกผู้ชาย
นอกจากนั้นด้วยการใช้ประสบการณ์ชีวิตถ่ายทอดผลงานของ อ.โคจิ ทำให้ตัว อ.มิอุระ เอง เริ่มเข้าใจว่าเขาเองวาดเก่งเขียนเก่ง แต่ก็เป็นเพียงการลอกเลียนแบบ ยังขาดความเข้าใจและอารมณ์ของตัวละครอยู่ อ.มิอุระจึงตัดสินใจแยกตัวออกมาจาก อ.โคจิ เพื่อหาเส้นทางการเป็นนักวาดที่เข้าถึงหัวใจคนอ่านในแบบของตนเองให้เจอ อาจเป็นไปได้ว่านี่คือฉากชีวิตที่นำมาสู่ฉากการแยกทางของ กัซ และ กรีฟฟิธ ในเรื่อง ‘Berserk’ เช่นกัน
โดย อ.โคจิ โมริ ก็ได้ทวีตข้อความอาลัย อ.มิอุระ ในวันนี้ด้วยเช่นกันว่า ‘กว่า 40 ปีแล้วนะ ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิตอนเราอายุ 15 ปี มันคือช่วงเวลาที่มหัศจรรย์ ขอบคุณมิอุระ! ฉันจะอยู่กับนายตลอดไป.’
ถัดจากนั้นในปี 1984 ด้วยวัย 18 ปี อ.มิอุระได้เข้าไปฝึกการวาดมังงะอาชีพโดยเป็นลูกมือให้ อ.โมริคาวะ โจจิ เจ้าของผลงานดังอย่าง ‘Hajime no Ippo’ หรือ ‘ก้าวแรกสู่สังเวียน’ และเขาก็มีทุนทักษะการวาดที่ทำให้ อ.โมริคาวะต้องยอมรับในทันที
ซึ่งวันนี้ อ.โมริคาวะ ก็ได้ทวิตอาลัยและเล่าเรื่องราวตอนเขาได้พบกับ อ.มิอุระครั้งแรกเมื่อตอนเขาอายุ 19 ปี และอ.มิอุระ ตอนนั้นอายุ 18 ปีมาเป็นผู้ช่วย ว่าเขาทึ่งกับฝีมือของ อ.มิอุระมาก และทิ้งท้ายว่าไว้จะตามไปอ่านตอนจบของ ‘Berserk’ ในสักวันหนึ่ง
ผลงานในฐานะมืออาชีพเรื่องแรก
ในปี 1985 อ.มิอุระจึงสมัครสอบเข้าวิทยาลัยศิลปะของมหาวิทยาลัยนิฮง โดยยื่นสมัครด้วยผลงานเรื่อง ‘Futanabi’ จนผ่านเข้าเรียนได้ มังงะเรื่องดังกล่าวเป็นผลงานแนวไซไฟโลกอนาคตที่ล่มสลาย มนุษย์ต้องหนีลงไปอาศัยใต้ดินและเพื่อป้องกันการเพิ่มจำนวนประชากรจึงมีการแยกกันอยู่ระหว่างชายกับหญิง ตัวเอกเป็นเด็กหนุ่มที่พบกับหญิงสาวที่หลบหนีมาโดยบังเอิญและพยายามหาทางรอดเพื่อได้อยู่ร่วมกัน ซึ่งผลงานมังงะเรื่องนี้ยังได้เข้าชิงรางวัลนักเขียนหน้าใหม่ยอดเยี่ยมของนิตยสาร Weekly Shonen Magazine ของสำนักพิมพ์โคดันฉะด้วย
หลังจากเริ่มสร้างชื่อได้ ในปีเดียวกัน อ.มิอุระจึงได้รับโอกาสได้ทำตามความฝันตั้งแต่ยังเด็ก โดยได้ลงตีพิมพ์มังงะซีรีส์เรื่องแรกในชีวิตเรื่อง ‘Noa’ ในนิตยสาร ทว่าผลงานเรื่องนี้กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ด้วยเนื้อหาที่ว่าด้วยตัวละครหลัก 4 คนที่พยายามหนีออกไปยังนอกโลก หลังวันโลกสลายจากสงครามใหญ่ ซึ่งมีประเด็นที่คล้ายกับเรื่องเรือโนอาห์ตามความเชื่อของชาวคริสต์ ปัญหาความนิยมต่ำผนวกกับปัญหากับทางสำนักพิมพ์ทำให้มังงะเรื่องนี้ถูกตัดจบไปในที่สุด
ในปี 1988 ขณะที่ อ.มิอุระวาดภาพให้เรื่อง ‘Oro’ (King of Wolves) ของ อ.บุรอนซอน หรือ อ.โอคามุระ โยชิยูกิ นักเขียนชื่อดังของญี่ปุ่น เนื้อหาเกี่ยวกับการผจญภัยของตัวละครที่ต้องอยู่ในยุคเรืองอำนาจของเจงกีสข่านช่วงศตวรรษที่ 13 ในช่วงนี้ อ.มิอุระก็ได้เริ่มลองวาดผลงานใหม่ ‘Berserk’ เกี่ยวกับนักรบคลั่งในโลกยุคทมิฬ ซึ่งเป็นเรื่องสั้นความยาว 48 หน้า เพื่อลงตีพิมพ์ในนิตยสาร Gekkan ComiComi เพื่อทดสอบความนิยมก่อนทำเป็นซีรีส์ยาว และสามารถคว้าอันดับ 2 จากผลสำรวจความนิยมได้สำเร็จ
จนต่อมาสำนักพิมพ์ ฮากุเซนฉะ เจ้าของหัวนิตยสารดังกล่าวจึงได้ให้ลงตีพิมพ์มังงะเรื่อง ‘Berserk’ อย่างต่อเนื่องในนิตยสาร Monthly Animal House ในปีเดียวกัน ก่อนจะมาเปลี่ยนหัวนิตยสารมาเป็นนิตยสาร Young Animal ตั้งแต่ปี 1992 และยังคงลงอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ได้กลายเป็นผลงานซีรีส์เรื่องยาวที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดของอาจารย์ด้วยนั่นเอง
จนในที่สุดในปี 2002 มังงะดังกล่าวก็ทำให้ อ.มิอุระ ได้รับรางวัลผลงานยอดเยี่ยมจากเวที Tezuka Osamu Cultural Prize ซึ่งเป็นหนึ่งในรางวัลทรงเกียรติสูงสุดสำหรับวงการมังงะญี่ปุ่นด้วย
ผลงานอื่น ๆ ที่น่าจดจำ
นอกจากนี้ อ.มิอุระ ยังสร้างสรรค์ผลงานที่น่าจดจำไว้อีกหลายเรื่อง อาทิ ‘Ourou Den’ (1990) ซึ่งเป็นเนื้อหาก่อนหน้าของมังงะ ‘Oro’ (King of Wolves) และได้ร่วมงานอีกครั้งกับ อ.บุรอนซอน ในเรื่อง ‘Japan’ (1992) ว่าด้วยญี่ปุ่นหลังการล่มสลายในอนาคตและผู้กุมอำนาจคือผู้คุมกำลังทหาร เหล่าตัวเอกต้องต่อสู้กับเผด็จการเพื่อมีชีวิตรอด
‘Gigantomachia’ (2013-2014) และผลงานเรื่องสุดท้ายคือ Duranki (2019–2021) เป็นมังงะแนวแฟนตาซีที่มีกลิ่นของดาร์กแฟรีเทล และยังมีตัวเอกที่เป็นเด็กผู้หญิงน่ารัก ก็เป็นอีกรสที่แสดงถึงพัฒนาการในการใช้ความขัดแย้งระหว่างสไตล์ภาพเข้ม ๆ หนัก ๆ กับความน่ารักของตัวเอกหญิง ของ อ.มิอุระ ที่เริ่มมีมากขึ้นในมังงะอย่าง ‘Berserk’ ในช่วงหลังด้วยเช่นกัน
อ.มิอุระ เองได้ชื่อว่าเป็นนักเขียนที่มีปัญหาสุขภาพมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงหลังมักมีการขอหยุดพักวาดมังงะเป็นระยะเวลานาน ซึ่งแฟน ๆ ต่างก็ยังคงให้กำลังใจและรอคอยตอนใหม่ ๆ ของ ‘Berserk’ มาตลอด แม้จะมีข่าวลือในทางไม่ดีเกี่ยวกับหยุดพักยาวของอาจารย์มาเป็นระยะเช่น ข่าวลือเรื่องการเสียชีวิตในปี 2015 ตลอดจนข่าวลือเรื่องการทิ้งความสนใจในการวาดมังงะไปทำอย่างอื่นเองก็เช่นกัน ทว่าจากการประกาศจากสำนักพิมพ์ที่ร่วมงานกับท่านมาอย่างยาวนานในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ ก็นับเป็นการสยบข่าวลือ และย้ำหนักว่าตลอดมาอาจารย์ต้องต่อสู้กับการทำงานหนักและสุขภาพที่ย่ำแย่ด้วยนั่นเอง
โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาดฉับพลัน ภัยเงียบที่ต้องระวัง
สำหรับโรคหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาดฉับพลัน หรือเส้นเลือดแดงใหญ่แตกเซาะ ที่ทำให้ อ.มิอุระ เสียชีวิตนั้น เป็นอาการที่ตรวจพบได้ยาก ต้องใช้การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เท่านั้นเพื่อค้นหาตำแหน่งของเส้นเลือดที่มีการแตก แม้แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคดังกล่าวทั้งชาวไทยหรือต่างชาติเองก็ยังคงยากที่จะวินิจฉัยเบื้องต้น
โรคนี้เกิดจากการขยายตัว (โป่งพอง) ของหลอดเลือดจนกลายเป็นถุงขังเลือดไว้ และเมื่อหลอดเลือดมีสภาวะโป่งพองมากขึ้น จะมีความเสี่ยงที่หลอดเลือดจะแตกออก จุดสังเกตคือผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกอย่างรุนแรงทันที เหนื่อย หายใจไม่ทัน ความรู้สึกจะคล้ายถูกฉีก ดึง หรือเฉือน โดยอาการปวดจะลามไปยังกรามล่าง คอ ไหล่ และหลัง บางรายอาจมีปวดท้องด้วยขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเส้นเลือดที่มีการแตก นอกจากนี้ยังอาจมีอาการหมดสติหรือมีภาวะเส้นเลือดหัวใจขาดเลือดร่วมด้วย หากอาการรุนแรง
แต่ในบางรายอาจไม่มีอาการอะไรเลยก็ได้ หากแต่เมื่อตรวจร่างกายแล้วพบอาการแสดงหรือสัญญาณชีพผิดปกติก็ให้สงสัยว่าเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน โรคนี้หากมีอาการแล้วจะทรุดลงเร็วมากเป็นหลักนาที หรืออาจเป็นชั่วโมง หรือ ทรุดลงแล้วอาการทรงต่อไปเป็นเวลาหลายวันก่อนเสียชีวิตก็ได้ นับเป็นภัยเงียบที่ต้องระวัง
สุดท้ายนี้ต้องขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัว ตลอดจนแฟนผลงานของอาจารย์มิอุระ เคนทาโร ด้วยครับ
อ้างอิง 1, อ้างอิง 2 , อ้างอิง 3, อ้างอิง 4
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส