เว็บไซต์ BoxOffice Mojo ได้รายงานว่า Spiral ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องล่าสุดในแฟรนไชส์ Saw ของค่าย Lionsgate ทำรายได้ขึ้นอันดับ 1 ของบ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ 2 สัปดาห์ซ้อน โดยสัปดาห์ล่าสุดนี้ทำเพิ่มไปอีก 4.5 ล้านเหรียญ ซึ่งทำให้รายได้รวมในสหรัฐฯ นั้นอยู่ที่ 15.8 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 496 ล้านบาท ส่วนรายได้ทั่วโลกนั้นอยู่ที่ 22.5 ล้านบาท หรือประมาณ 706 ล้านบาท จากทุนสร้าง 200 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 630 ล้านบาท
ด้วยรายได้ระดับนี่ ได้ส่งให้รายได้ของทั้งแฟรนไชส์ Saw นั้น ผ่านหลัก 1,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 31,400 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน่าประใจมาก เนื่องจากภาพยนตร์ Saw แต่ละภาคนั้นใช้ทุนสร้างค่อนข้างน้อย แต่เน้นไปที่บทซึ่งเต็มไปด้วยจุดหักมุม และการตัดต่อให้คนดูรู้สึกกดดันเป็นหลัก
ภาพยนตร์ Saw ภาคแรก ได้เข้าฉายในปี 2004 ซึ่งเป็นการแจ้งเกิดให้ผู้กำกับ เจมส์ วาน (James Wan) อย่างเต็มตัว บอกเล่าเรื่องราวของชาย 2 คน ที่ถูกจับมาขัง และต้องตัดอวัยวะของตนเองเพื่อเป็นการไถ่บาปในอดีตและแลกกับอิสระภาพ โดยภาพยนตร์ได้ใช้เทคนิคการตัดต่อที่รวดเร็วเพื่อกดดันให้คนดูต้องลุ้นไปกับการตัดสินใจของตัวละคร
Saw ทำรายได้ทั่วโลกไปอย่างงดงามถึง 103 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 3,200 ล้านบาท จากทุนสร้างเพียง 1.2 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 37.6 ล้านบาท ซึ่งทำให้มีการสร้างภาคต่อมาอีกถึง 6 ภาค ถึง Saw: The Final Chapter ในปี 2010 โดยในปี 2017 ได้มีการสร้าง Jigsaw ซึ่งเป็นการเปิดแฟรนไชส์ ‘Saw’ ขึ้นมาอีกครั้ง
ข้อมูลอ้างอิง : screenrant , boxofficemojo
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส