ช่วงต้นเรื่อง อีดิธ คูชิ่ง นางเอกของเรื่องที่เป็นนักเขียนนิยาย ได้พูดถึงนิยายของเธอว่า “มันไม่ใช่เรื่องผี แต่มันเป็นนิยายที่มีผี” crimson peak ก็เป็นเช่นนั้นล่ะครับ หน้าหนังถูกขายว่าเป็นหนังผี แต่ที่จริงแล้วมันเป็นหนังลึกลับ สืบสวน ที่มีผีเป็นตัวชูรสขนานใหญ่ หนังจำลองเหตุการณ์ให้เกิดในปลายศตรวรรษที่ 19 เมื่อ อีดิธ คูชิ่ง ลูกสาวคนเดียวของมหาเศรษฐีอเมริกันตกหลุมรักกับ โธมัส ชาร์พ บารอนจากอังกฤษ แล้วย้ายไปอยู่ในปราสาทโบราณหลังใหญ่ ที่โธมัสอาศัยอยู่กับ ลูซิลล์ พี่สาวของเขากันแค่ 2 คน ที่ดินของโธมัสตั้งอยู่ในหุบเขาที่มีดินและโคลนเป็นสีแดง ปราสาทของเขาเลยถูกขนานนามว่า crimson peak เมื่ออีดิธ ย้ายมาอยู่ก็เริ่มถูกผีหลอก บรรดาผีหลายตนสิงอยู่ในปราสาทหลังนี้ พวกมันพยายามจะเตือนว่าเธอกำลังจะเผชิญอันตราย
ผู้กำกับกิลเลอโม่ คุมงานภาพให้ออกมาหม่นมืดแทบไม่เห็นฉากกลางวันภายนอกเลยทำให้บรรยากาศหนังออกมาอึมครึมตามเนื้อหาของเรื่อง สีหนังมืดทึมทั้งเรื่องแต่ขับเน้นเฉพาะสีแดงของโคลน ช่วงปูความครึ่งชั่วโมงแรกที่เหตุการณ์ดำเนินในอเมริกายังไม่มีอะไรตื่นเต้นนัก แต่โทนหนังเริ่มหม่นหนักเมื่อ อีดิธ ย้ายเข้าปราสาทสีเลือดของโธมัส ผีก็เริ่มออกมารังแกอีดิธ เป็นผีที่ใจร้ายมาก แทนที่จะออกมาดีๆ ก็มาแบบภาพลักษณ์ชวนสยอง โผล่มาจากกำแพงบ้าน พื้นบ้าง คำเตือนจากเหล่าผีบวกกับเงื่อนงำที่อีดิธสังเกตเห็นเองทำให้เธอเริ่มสืบหาเบื้องหลังเจตนาของสามีเธอกับพี่สาวว่ารักเธอจริงหรือต้องการอะไรจากเธอ โทนหนังกลายเป็นหนังสืบสวนเต็มตัว พาคนดูชวนลุ้นไปกับการหาคำตอบที่ค่อยๆ เผยออกมาทีละนิด และเดินหน้าไปสู่จุดไคลแมกซ์ยาวในช่วงท้ายที่สร้างอารมณ์ตื่นเต้นให้เอาใจช่วยกับอีดิธได้พอประมาณ ปริศนาถูกเผยได้หมดจดแต่เป็นคำตอบที่อยู่ในจุดกลางๆ ไม่แย่นักแต่ก็ไม่ถึงขั้นหักมุมชวนอึ้ง บางคนอาจจะเดาได้ตั้งแต่ช่วงกลางเรื่องแล้ว
จุดที่ชื่นชมมากคือการออกแบบปราสาทอัลเลอร์เดล หรือ ปราสาทสีเลือด เป็นงานเด่นของทีมงานสร้างและฝ่ายศิลป์ที่สร้างสรรค์ปราสาทขึ้นมาจริงในโรงถ่ายและก็ต้องรื้อทิ้งอย่างน่าเสียดายหลังถ่ายทำเสร็จ ตัวปราสาททำ ออกมามองเห็นชัดว่าเป็นงานประณีตบรรจงทั้งโถงทางเดิน ราวบันได ลิฟท์ และข้าวของเครื่องใช้ ทุกอย่างล้วนดูหลอน ซอมซ่อ และโคตรไม่น่าอยู่ ทั้งหมดล้วนทำหน้าที่เป็นฉากหลังของเรื่องที่ช่วยขับบรรยากาศน่ากลัวมาถึงคนดูได้อย่างดี
ทอม ฮิดเดิลสตัน แปรสภาพจาก โลกิ มาใส่ชุดโค้ตยาวเป็นท่านบารอนก็ดูเป็นผู้ดีดูหุ่นสะโอดสะอง เขาได้บทนี้หลังจาก เบเนดิค คัมเบอร์แบทช์ ขอถอนตัว แต่นึกภาพหน้ามึนๆ ของเบเนดิค น่าจะทำให้บทนี้ดูลึกลับกว่านะ เช่นเดียวกับ มิอา วาชิคาวสกี้ นางเอกงานชุกอีกคนของวงการก็ได้บทนี้แทน เอ็มม่า สโตน ที่บอกปัดบทไป แต่ มิอา ดูเหมาะกับบทสาวโบราณแบบนี้มากกว่า เอ็มม่า สโตน นะ รายนั้นดูเหมาะกับบทสาวก๋ากั่นยุคปัจจุบันมากกว่า
เจสซิก้า แชสเทน ในบทลูซิลล์ ชาร์ป พี่สาวของโธมัส เจสซิก้า เป็นดาราที่ผู้กำกับหลายคนมักจะดึงไปร่วมงานด้วย เธอเป็นนักแสดงฝีมือที่สามารถเล่นได้ทุกบทบาท ปีนี้เราก็ได้ดูเธอต่อกันเลย 2 เรื่อง เราเพิ่งเห็นเธอใน the martian กันไป เชื่อว่าไม่นานได้เห็นเจสซิก้า ชูรางวัลออสการ์เป็นแน่ รอแค่ได้บทส่งๆ มาถึงมือเท่านั้น ดูแววน่าจะเป็นเมอริล สตรีพ คนต่อไปในวงการ บทสำคัญอีกคนคือ หมอ แมคไมเคิล ที่กิลเลอโม เดลโตโร่ ผู้กำกับใช้บริการ ชาลี ฮันแนมอีกครั้งหลังจากเคยรับบทพระเอกใน pacific rim มาแล้ว เรื่องนี้ ชาร์ลี โกนหนวดเคราแล้วดูเหมือน ฮีธ เลดเจอร์ มาก
หนังยาว 2 ชั่วโมงพอดี เนื้อหาน่าติดตามชวนลุ้นหาปริศนา คลอไปกับฉากสยองจากบรรดาผี ที่โผล่มาให้ตกใจเล่น เป็นหนังในอารมณ์แปลกต่างที่เอาเนื้อหาสไตล์ สืบสวนลึกลับมาผสมกับบรยากาศสยองขวัญ ผิดคาดไปนิดที่ว่าบทเฉลยไม่ได้ลึกซึ้งอย่างที่คาดหวัง ถ้าดูจอเล็กก็จะเสียไปแค่บรรยากาศสยองตอนผีออกเท่านั้นครับ