ในภาพยนตร์ผีเรื่องล่าสุดของ GDH อย่าง ‘Ghost Lab ฉีกกฏทดลองผี’ (2564) ที่เพิ่งลงเข้าฉายไปเมื่อวานนี้ นอกจากเรื่องราวของการทดลองทางวิทยาศาสตร์ในการค้นหาว่าผีหรือวิญญาณนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เราจะสื่อสารกับวิญญาณได้อย่างไร และวิญญาณจะสามารถปรากฏเป็นรูปเป็นร่างได้อย่างไรนั้น มีสิ่งหนึ่งที่ตัวละครอย่าง ‘หมอกล้า’ (พาริส อินทรโกมาลย์สุต) ได้พูดคำหนึ่งคำที่เกี่ยวกับการปรากฏตัวของวิญญาณออกมา นั่นก็คือคำว่า ‘โพลเตอร์ไกสต์’ (Poltergeist) หรือ ‘ปรากฏการณ์โพลเตอร์ไกสต์’ (Poltergeist Phenomenon) นั่นเอง

ในหนัง ‘Ghost Lab’ หมอกล้าได้อธิบายให้คนดูเข้าใจคร่าว ๆ ว่า ปรากฏการณ์โพลเตอร์ไกสต์นี้ก็คือ การที่มีพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็น ไม่ทราบแหล่งกำเนิดพลังงานนั้นอย่างแน่ชัด แต่สามารถทำให้ข้าวของขยับเขยื้อนเคลื่อนที่ ตกกระทบ หรือลอยได้ หรือถ้าอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์ก็คือ มี “แรง” บางอย่างไปกระทำกับ ‘วัตถุ’ จนเกิดการเคลื่อนที่ และเมื่อวัตถุเกิดความเร่ง จนเกิดการกระทบกัน ก็จะทำให้เกิด “เสียงประหลาด ๆ ” ที่อธิบายไม่ได้ขึ้น ซึ่งเวลาที่เกิดปรากฏการณ์นี้ เรามักไม่สามารถหาต้นตอได้ว่าแรงนั้นมาจากไหนกันแน่
ซึ่งในหนัง (และตามความเข้าใจของเรา) จึงอนุมานแบบคร่าว ๆ ไว้ก่อนว่า อาจเกิดจากพลังงานของ “วิญญาณ” ไปกระทำเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง อย่างที่เรามักเห็นกันในหนังในละคร (หรือแม้แต่อาจจะเคยเห็นจริง ๆ ในบางคน) ก็อาจจะเป็นการสื่อสารให้คนเป็นได้รับรู้อะไรบางอย่าง โพลเตอร์ไกสต์ที่เรามักคุ้นเคยในหนังผี หรือในหนังแนวพลังจิตเรื่องต่าง ๆ ก็เช่น ข้าวของลอยได้ โคมไฟหรือกรอบรูปแกว่ง รถเข็นที่เข็นได้เอง ได้ยินเสียงเคาะแปลก ๆ แบบไม่มีที่มา ข้าวของที่ถูกขว้างปาได้เอง ประตูเปิดปิดเอง กระแสไฟวูบวาบ หรือไม่ก็มีคนลอยขึ้นกลางอากาศ ถูกผลัก หรือถูกดึงไปเอง ฯลฯ ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้น ก็มีตั้งแต่แค่ตื่นตกใจ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ หรืออาจถึงขั้นก่อให้เกิดการบาดเจ็บได้เหมือนกัน

คำว่า “Poltergeist” เป็นศัพท์ภาษาเยอรมันที่เกิดจากการรวม 2 คำเข้าด้วยกัน คือคำว่า “Polter” (โพลเตอร์) ที่แปลว่า “การกระแทก” (จนเกิดเสียง) และคำว่า “Geist” (ไกสต์) ที่แปลว่าวิญญาณ หรือผี รวมคำกันมีความหมายว่า “วิญญาณที่ก่อให้เกิดเสียงดัง” ซึ่งแม้ว่าโดยรากศัพท์จะเกี่ยวกับผี แต่จริง ๆ ถ้าอธิบายลงลึก ‘โพลเตอร์ไกสต์’ นั้นก็มีทั้งความเกี่ยวข้อง และไม่เกี่ยวข้องกับผีอยู่เหมือนกัน

เพราะแน่นอนว่า ‘โพลเตอร์ไกสต์’ ยังคงจัดเป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ (Paranormal Activity) โดยนักปรจิตวิทยา (Parapsychologist) หรือผู้ที่ศึกษาปรากฏการณ์ของจิตเหนือธรรมชาติ ได้อธิบายว่า โพลเตอร์ไกสต์นั้นไม่จำเป็นต้องเกิดจากผีเสมอไป แต่อาจเกิดจากพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจากสิ่งมีชีวิตโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นผลมาจากสภาวะจิตใจที่เกิดความเครียดและกดดัน ซึ่งเหตุการณ์โพลเตอร์ไกสต์ ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับวัยรุ่นเพศหญิงที่มักมีการเปลี่ยนแปลงด้านฮอร์โมน ทำให้มีความแปรปรวนทางอารมณ์ รวมไปถึงผู้ใหญ่ที่มีความเครียดสูงด้วย

ซึ่งวิทยาศาสตร์ก็ได้พยายามหาคำอธิบายให้กับปรากฏการณ์นี้ โดยนักปรจิตวิทยา (Parapsychologist) หรือนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องของจิตเหนือธรรมชาติ (Paranormal Ability) ได้ทำการศึกษาปรากฏการณ์ดังกล่าวอย่างจริงจังมานาน จนได้ข้อสังเกตว่า ปรากฏการณ์ ‘Poltergeist’ มักจะเกิดขึ้นกับวัยรุ่นเพศหญิง ที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านฮอร์โมน และมีความอ่อนไหวด้านอารมณ์สูง รวมถึงผู้ใหญ่ที่มีความเครียดสูงด้วย

จนกระทั่งเกิดภาวะที่เรียกว่า ‘Recurrent Spontaneous Psychokinesis’ หรือ RSPK ก็คือการอธิบายว่า เมื่อจิตของคนเราเกิดความเครียดขึ้น ก็จะมีการปล่อยพลังงานด้านลบออกมาโดยไม่รู้ตัว และพลังงานนั้นก็ส่งผลต่อสภาพแวดล้อมในเชิงกายภาพ จนกลายเป็น ‘ไซโคคิเนซิส’ (Psychokinesis) หรือเกิด ‘การเคลื่อนย้ายวัตถุด้วยอำนาจจิต’ ได้

ส่วนอีกทฤษฏีนั่นก็คือ นักวิจัยของญี่ปุ่นได้อธิบายว่า โพลเตอร์ไกสต์อาจเป็นปรากฏการณ์พลาสมา (Plasma) หรือไฟฟ้าสถิตที่วนอยู่ในอากาศ จนสามารถรวมตัวกลายเป็นพลังงานลึกลับไปกระทำกับวัตถุบางอย่างขึ้นมาได้ คล้ายกับตำนานความเชื่อของญี่ปุ่นเรื่อง ‘ฮิโตะตามะ’ (Hitotama) หรือ “ลูกไฟวิญญาณ” ที่เป็นลูกไฟที่สามารถลอยกลางอากาศได้

แต่อย่างไรก็ตาม โพลเตอร์ไกสต์ก็ยังคงเป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่ยังไม่มีงานวิจัยออกมายืนยันว่า มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และยังไม่สามารถอธิบายให้ถูกต้องในเชิงวิทยาศาสตร์ได้มากนัก ในขณะที่บางคนก็อาจมองว่ามันเกิดจากการกระทำของวิญญาณ หรือบางสิ่งที่เหนือธรรมชาติ บางคนก็บอกว่ามันคือพลังงานที่สามารถอธิบายได้ในทางวิทยาศาสตร์
ในขณะที่บางคนก็อาจมองว่าเป็นเพียงการจัดฉากแบบมั่วนิ่มขึ้นมา (ซึ่งแน่นอนว่า ในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกเรื่องโพลเตอร์ไกสต์เรื่องต่าง ๆ เอาไว้ ก็อาจจะมีเรื่องสร้างภาพมั่วนิ่มปะปนอยู่บ้างนั่นแหละ ใครจะไปรู้) รวมทั้งบางคนอาจเคยเจอบ่อย เจอนาน ๆ ที หรือไม่เคยเจอเลยสักครั้งในชีวิต ก็ล้วนแต่เป็นไปได้ทั้งนั้น
แต่ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นจากอะไรก็ตามแต่ การมองเรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ที่ต้องใช้วิจารณญาณในการทำความเข้าใจก่อนที่จะเชื่อหรือไม่เชื่ออะไร ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส