กระแสของสกุลเงินดิจิทัล หรือ ‘Cryptocurrency’ ณ ปัจจุบันนี้ถือว่ามีแนวโน้มที่น่าสนใจและเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในแง่ของการใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อการลงทุน นอกจากการซื้อขาย หรือที่เรียกว่าการเทรดสำหรับนักลงทุนตามปกติแล้ว ก็ยังมีการ “ทำเหมือง” (Mining) เพื่อขุดเหรียญคริปโตขึ้นมาเองโดยเฉพาะ ซึ่งการทำเหมืองคริปโตที่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ และการประมวลผลจำนวนมาก ซึ่งพอต้องประมวลผลมาก ก็ย่อมส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก ซึ่งก็ส่งผลต่อการสิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติ และเป็นตัวเร่งการทำลายสภาพภูมิอากาศให้เลวร้ายยิ่งขึ้น ซึ่งหลายฝ่ายจึงเริ่มออกมาพูดถึงเรื่องนี้กันมากขึ้น
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือการที่ ‘อีลอน มัสก์’ (Elon Musk) ซีอีโอของบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ‘เทสลา’ (Tesla) ที่กลับลำ หยุดสนับสนุนการใช้เหรียญบิตคอยน์ในการซื้อรถเทสลา โดยอ้างว่าการขุดบิตคอยน์นั้นเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมและสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงฟอสซิล ส่วน ‘บิล เกตส์’ (Bill Gates) ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอของ ‘ไมโครซอฟท์’ (Microsoft) ก็ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับการขุดบิตคอยน์ใน ‘The New York Times’ ว่า “การขุดบิตคอยน์นั้นใช้พลังงานไฟฟ้าซะยิ่งกว่ากิจกรรมใด ๆ ที่มนุษยชาติใช้เสียอีก ซึ่งมันช่างไม่ดีกับสภาวะภูมิอากาศเอาเสียเลย”
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำเมืองแซนด์เวลล์ (Sandwell) เขตเวสต์ มิดแลนด์ (West Midlands) ประเทศอังกฤษ ได้ทำการบุกเข้าไปยังโกดังร้างแห่งหนึ่ง หลังได้รับเบาะแสว่าโกดังแห่งนี้อาจถูกใช้เป็นแหล่งผลิตกัญชา เพราะเนื่องจากว่ามีผู้คนที่อาศัยอยู่ใกล้บริเวณนั้นสังเกตเห็นว่า มีผู้คนจำนวนหนึ่งเดินเข้าเดินออกโกดังนี้อยู่บ่อย ๆ แม้ว่าจะเป็นโกดังร้างก็ตาม และยังมองเห็นท่อระบายอากาศระโยงระยางอยู่มากมายอีกด้วย ตำรวจจึงรุดไปยังที่เกิดเหตุ และใช้โดรนตรวจจับความร้อนบินขึ้นเหนือโกดังร้างต้องสงสัยเพื่อหาสิ่งผิดปกติ ซึ่งโดรนก็สามารถตรวจจับความร้อนที่ผิดปกติได้จริง ๆ จึงน่าสงสัยว่าอาจเป็นแหล่งผลิตกัญชาหรือไม่
ตำรวจจึงเข้าทำการบุกเข้าตรวจค้น แต่เมื่อเข้าไปภายในโกดัง กลับไม่พบกัญชาแต่อย่างใด แต่พบว่าภายในโกดังเต็มไปด้วยคอมพิวเตอร์เรียงรายนับร้อยเครื่อง ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้สำหรับเป็นเหมืองเพื่อใช้ในการขุดบิตคอยน์ โดยผู้ไม่ประสงค์ออกนามคนหนึ่ง ผู้เป็นเจ้าของที่ดินใกล้ ๆ บริเวณโกดังร้างได้กล่าวอ้างถึงชายบุคลิกเนิร์ด ๆ 3 คน ผู้เป็นตัวการสร้างเหมืองนึ้ขึ้น โดยพวกเขาแอบเข้า ๆ ออก ๆ ที่โกดังแห่งนี้มาประมาณ 8 เดือนแล้ว
และเขายังเสริมว่า เขาเห็นรูบางอย่างอยู่ภายใน และชัดเจนว่า พวกเขาเข้าถึงแหล่งพลังงานไฟฟ้าในการใช้ขุดบิตคอยน์ด้วยการ “ขโมย” ไฟหลวงจากใต้ดิน แต่ในขณะที่ตรวจค้น ชาย 3 คนผู้เป็นตัวการไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องทำการยึดคอมพิวเตอร์นับร้อยเครื่อง และอุปกรณ์ทำเหมืองคริปโตทั้งหมดออกไปจากโกดังร้าง
ผู้เชี่ยวชาญด้านบิตคอยน์ได้เปิดเผยกับแหล่งข่าวว่า ค่าไฟที่เกิดจากการลักไฟหลวงทำเหมืองคริปโตเถื่อนของชายทั้งสามคนนี้ ตกราว ๆ 16,000 ปอนด์ หรือประมาณ 709,XXX บาทต่อเดือน แต่ทว่าพวกเขาสามารถใช้เหมืองเถื่อนแห่งนี้ขุดบิตคอยน์ได้เพียงเดือนละ 11,000 ปอนด์ หรือประมาณ 48X,XXX บาทต่อเดือนเท่านั้น
เรียกได้ว่า ขาดทุนย่อยยับกันเลยทีเดียวเชียว แต่เป็นรัฐนะที่ขาดทุน…
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส