เหตุการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม 2017 นิราน เจย์นีซัน (Niran Jeyanesan) เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานีโทรอนโต ได้รับแจ้งเหตุจากห้างสรรพสินค้าวอลมาร์ต สาขาทางตอนเหนือของเมืองว่าทางห้างรวบตัวหัวขโมยได้คนหนึ่ง แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงห้างแล้วก็สืบสาวราวเรื่องกลับพบว่าเคสนี้มีอะไรผิดสังเกตกว่าคดีขโมยของจากที่เคยพบเจอมา เพราะสิ่งที่หัวขโมยรายนี้พยายามจะเอาไปก็คือ เสื้อเชิ้ตแขนยาว เนกไท และถุงเท้าคู่หนึ่งเท่านั้น

นิราน เจย์นีซัน เล่าว่า ที่เขาตัดสินใจซื้อของให้เด็กหนุ่มนั้นไม่ใช่เพราะเขาอยากจะให้รางวัลกับหัวขโมยทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งก่อคดีขโมยของมา แต่เป็นเพราะเขาได้ใช้ดุลพินิจในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาไตร่ตรองแล้วต่างหาก ว่างานนี้เขาได้ประโยชน์จากคะแนนเครดิตการ์ด มากกว่าการจะจับหัวขโมยเข้าคุกไปอีกคน

“เขารู้สึกสำนึกผิดอย่างมาก แล้วก็มีความละอายอย่างเห็นได้ชัด ผมรู้ว่านี่คือการกระทำความผิดอย่างแท้จริงแต่ชายคนนี้เองก็ต้องการโอกาสสำคัญในชีวิตของเขา”

ในส่วนของสาเหตุของการกระทำความผิดนั้น เจย์นีซันบอกว่าเมื่อเขาได้เห็นของกลางที่หัวขโมยคนนี้ตั้งใจจะฉกไป นั่นล่ะเป็นจุดที่เจย์นีซันรู้สึกว่ามันไม่ใช่ข้าวของปกติที่คนจะขโมยกัน มันต้องมีสาเหตุอะไรสักอย่างทำให้เขาสืบสาวราวเรื่องลึกลงไปแล้วก็พบว่าสาเหตุที่ไอ้หนุ่มคนนี้ตัดสินใจขโมยเสื้อผ้านั้น เพราะเขาตกอยู่ในช่วงวิกฤตของชีวิตจริง ๆ

ครอบครัวของไอ้หนุ่มน้อยคนนี้เพิ่งจะพบวิกฤต ต้องสูญเสียบ้านที่เคยอยู่อาศัยกันมา พ่อที่เป็นคนหารายได้หลักของครอบครัวล้มป่วยอย่างหนัก ภาระหนักจึงตกมาอยู่ที่เจ้าหัวขโมยรายนี้ ที่เป็นลูกชายคนโตในวัย 18 ปี ที่จำต้องหารายได้เข้าครอบครัวเพื่อเลี้ยงพ่อแม่ และน้อง ๆ อย่างเร่งด่วน

เจย์นีซันเล่าต่อว่า ไอ้หนุ่มรายนี้จึงเร่งสมัครงานไปหลายที่ แล้วเขาก็ได้รับการเรียกเข้าสัมภาษณ์งานในตำแหน่ง “เจ้าหน้าที่บริการ” แต่เขาไม่มีชุดที่สุภาพเรียบร้อยเหมาะกับการใส่ไปสัมภาษณ์งานเอาเสียเลย จนวันนัดสัมภาษณ์ใกล้เข้ามาแล้ว ไอ้หนุ่มหมดหนทางที่จะหาชุดได้ เลยตัดสินใจแบบสิ้นคิดด้วยการขโมย

“ทุกครั้งที่เราได้ตัวคนร้าย เราพยายามจะรับฟังเรื่องราวปัญหาของเขา เพราะผมเชื่อว่าทุกคนต่างก็มีปัญหาที่พวกเขาจำเป็นต้องต่อสู้ฝ่าฟันกันไป ผมไม่ได้พยายามแก้ตัวหรือยกโทษให้กับพวกเขาหรอกนะ แต่ผมเชื่อว่าทุก ๆ การกระทำผิดน่าจะมีเหตุผลจำเป็นที่ควรรับฟังว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจทำเหตุพวกนั้นลงไป”

หลังจากได้รับฟังเรื่องราวของหัวขโมยแล้ว ขณะที่เจย์นีซันกำลังพาตัวเด็กหนุ่มขึ้นรถตำรวจเพื่อไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจนั้น เจย์นีซันก็ตัดสินใจเดินกลับมาที่ห้างวอลมาร์ต เพื่อซื้อเสื้อผ้าไปให้เด็กหนุ่มคนนั้น ทีแรกนั้นเจย์นีซันเดินไปที่แผนกเสื้อผ้าแล้วก็จะเลือกซื้อเสื้อผ้าไปให้เด็กหนุ่มด้วยตัวเขาเอง แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาไม่รู้ขนาดตัวของเด็กหนุ่มคนนั้น สุดท้ายเจย์นีซันก็เดินไปหาผู้จัดการ แล้วขอซื้อเสื้อผ้าเซ็ตที่เด็กหนุ่มคนนั้นตั้งใจจะขโมยไป ทั้งหมดนั้นราคา 40 เหรียญ

แม้ว่าเจย์นีซันตั้งใจซื้อเสื้อผ้าให้ไอ้หนุ่มใส่ไปสัมภาษณ์งาน แต่เขาก็ไม่ได้เอาไปยื่นให้ไอ้หนุ่มรายนี้แบบตรง ๆ แต่เอาไปใส่รวมไว้กับข้าวของส่วนตัวของไอ้หนุ่ม ที่เจ้าหน้าที่จะยึดข้าวของส่วนตัวนักโทษเก็บไว้ตอนที่ไปถึงสถานีตำรวจ พอถึงนาทีที่ได้รับการปล่อยตัว ไอ้หนุ่มไปเบิกข้าวของส่วนตัวคืนแล้วก็พบว่ามีเสื้อผ้าชุดที่เขาตั้งใจไปขโมยจากวอลมาร์ตรวมอยู่ในข้าวของส่วนตัวของเขาด้วย ในเช้าวันนี้ไอ้หนุ่มเดินออกจากสถานีตำรวจพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ โดยไม่โดนตั้งข้อหาใด ๆ ทั้งสิ้น

การตัดสินใจของ นิราน เจย์นีซัน กลายเป็นความภาคภูมิใจของกรมตำรวจโทรอนโต ถึงขนาดว่า มาร์ก พิวแกช (Mark Pugash) โฆษกประจำกรมตำรวจโทรอนโตต้องออกมาสรรเสริญเขาที่พิจารณาคดีนี้ด้วยความเห็นอกเห็นใจ และใช้ดุลพินิจไตร่ตรองสถานการณ์ได้อย่างมีสติปัญญา

“เขาเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นง่าย ๆ เลยกับชีวิตวัยรุ่นทั่วไปสักคนหนึ่ง แต่เขาก็ตัดสินใจช่วยเหลือเด็กหนุ่มคนนี้ได้อย่างน่าชื่นชมด้วยวิธีของเขาเอง”

ทางสถานีตำรวจโทรอนโต ยังแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพิ่มเติมในวันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2017 ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ได้เข้าสัมภาษณ์งานแล้วเป็นข่าวดีด้วย ที่เขาผ่านการคัดเลือกได้รับเข้าทำงาน

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส