ถึงแม้สถานการณ์โควิดทั่วโลกจะยังคงรุนแรงอยู่ และแน่นอนว่ากระทบกับวงการดนตรีอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะในเรื่องของโชว์และในเรื่องของการทำงานเพลง แต่ถึงอย่างนั้นหลายศิลปินก็หยิบเอาอารมณ์และประสบการณ์จากช่วงเวลานี้มาเป็นแรงบันดาลใจและสร้างสรรค์ผลงานที่น่าสนใจออกมา และสำหรับเดือน 5 ของปี พฤษภาคมนี้ก็มีผลงานจากทั้งศิลปินหน้าเก่าและหน้าใหม่ที่หน้าสนใจออกมาเพียบ ก่อนจะหมดเดือนนี้ไปเราเลยขอพาเพื่อน ๆ มาย้อนดูกันว่าในเดือนพฤษภาคมนี้มีอัลบั้มอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง จะได้หยิบมาฟังยาว ๆ มอบพลังให้กับใจต่อสู้โควิดกันต่อไป

Olivia Rodrigo – ‘Sour’

ซุปตาร์คนใหม่แห่งวงการเพลงป็อป ‘โอลิเวีย ร็อดริโก’ (Olivia Rodrigo) ปล่อยอัลบั้มชุดแรก ‘Sour’ กับ 11 บทเพลง ที่มาพร้อมแนวดนตรีอันหลากหลายตั้งแต่ป็อป โฟล์ก อัลเทอร์เนทีฟร็อกและบัลลาด ถ่ายทอดรสชาติ ‘เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม’ ของชีวิตเด็กสาว Gen Z วัย 17 ที่ก้าวเข้าสู่วงการในฐานะนักแสดงของดิสนีย์ก่อนที่จะผันตัวเองมาเป็นนักร้องนักแต่งเพลงจนสร้างสถิติที่น่าเซอร์ไพรส์ด้วยเพลง  “Drivers License” ซิงเกิลเปิดตัวของเธอที่ดังไปทั่วโลกและขึ้นอันดับสูงสุดของชาร์ต Billboard Hot 100 ส่วนซิงเกิลที่ 2 “Deja Vu” ก็ขึ้นถึงอันดับที่ 8 ของชาร์ตเดียวกันทำให้เธอกลายเป็นศิลปินคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ซิงเกิลเปิดตัวทั้งสองเพลงขึ้นไปถึงท็อปเท็นของชาร์ต

บทเพลงทั้งหมดในอัลบั้มร็อดริโกแต่งมันด้วยตัวเธอเองกลั่นเอาประสบการณ์ความรักของเด็กสาวทั้งความสุข ความเศร้า ความเหงา ความอิจฉา ความไม่มั่นใจ รวมไปถึงความแค้นเคือง ถ่ายทอดออกมาอย่างจริงจัง จริงใจและบริสุทธิ์ การร้องของเธอเป็นไปอย่างธรรมชาติและร้องออกมาได้อารมณ์มาก ๆ มีทั้งน้ำเสียงแบบเศร้า ๆ โกรธ ๆ และจิกกัดแสบ ๆ คัน ๆ จังหวะการร้องการปล่อยอารมณ์เธอทำได้ดีเลย ในเรื่องของแนวดนตรีร็อดริโกตั้งใจจะให้อัลบั้มเดบิวต์ของเธอชุดนี้เป็นหลอมรวมเอาแนวดนตรีและศิลปินที่เธอชื่นชอบเข้ามาไว้ด้วยกันจึงไม่ต้องแปลกใจหากจะเห็นร่องรอยอิทธิพลทางดนตรีที่หลากหลายมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นป็อป-พังก์, กรันจ์, โฟล์ก, บัลลาด และศิลปินที่เธอชื่นชอบนั้นก็มีทั้งสายร็อกอย่าง No Doubt, the White Stripes และศิลปินที่เป็นนักร้องนักแต่งเพลงอย่าง เคซี มัสเกรฟส์ (Kacey Musgraves), อลานิส มอริสเซตต์ (Alanis Morissette), และแน่นอน เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ที่เธอเป็นแฟนตัวยงและเรียนรู้วิธีการแต่งเพลงที่เล่าเรื่องง่าย ๆ แต่คมคายซึ่งทำให้เรานึกถึงงานของสวิฟต์เลย ซึ่งในเพลง “1 step forward, 3 steps back” ก็ได้สวิฟต์กับแจ็ก แอนโทนอฟฟ์มาร่วมแต่งด้วย

บทเพลงทั้ง 11 เพลงใน ‘Sour’ โรดริโกทำออกมาได้น่าประทับใจ ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องราวความรักของเธอ ที่เธอเปลี่ยนความเสียใจผิดหวังให้กลายเป็นบทเพลง ซึ่งเธอใช้ประสบการณ์ความรักของเธอได้คุ้มค่ามาก ๆ เธอหยิบจับและถ่ายทอดมันออกมาในหลายแง่มุม เชื่อเลยว่าวิธีการเล่าเรื่องของเธอนั้นต้องทำให้คนฟังแทบจะสามารถเอาชีวิตตัวเองใส่เข้าไปในเพลงได้เลย และนั่นคือองค์ประกอบที่ดีของเพลงที่จะมีความ “ปัง” ส่วนเพลงหนึ่งที่แตกต่างออกไปจากเพลงอื่นเพราะเป็นเพลงที่เธอแต่งขึ้นเพื่อให้กำลังใจกับคนที่ประสบกับความรุนแรงในครอบครัวนั่นคือ “hope ur ok” ทั้งถ้อยทำที่เธอเลือกใช้และท่วงทำนองของเพลง กล่อมเกลาจิตใจคนฟังได้ดี ใครที่มีประสบการณ์ตรงกับอารมณ์ในเพลงรับรองต้องมีน้ำตาซึมกันบ้าง

Twenty One Pilots – ‘Scaled and Icy’

‘Scaled and Icy’ อัลบั้มชุดที่ 6 ของคู่ดูโอ ‘Twenty One Pilots’ มาพร้อมชื่ออัลบั้มที่คิดมาด้วยความเก๋โดยการเอาตัวอักษรจากประโยคที่เกี่ยวกับตัวละครเอกของอัลบั้มชุดก่อน (Trench) นั่นคือ “Clancy is dead” มาเรียงใหม่จนกลายเป็น ‘Scaled and Icy’ อัลบั้มที่ ‘ไทเลอร์ โจเซฟ’ (Tyler Joseph) แต่งและโปรดิวซ์เองและทำงานในโฮมสตูดิโอในช่วงเวลาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วน ‘จอช ดัน’ (Josh Dun) ก็คิดไลน์กลองอีกที่หนึ่งทำงานกันแบบ social distancing แล้วค่อยเอางานมาประกอบกัน นอกจากนี้ยังมี ‘เจย์ โจเซฟ’ (Jay Joseph) น้องชายของไทเลอร์และผองเพื่อนมาร่วมแจมด้วยในเพลง “Never Take It”, “Bounce Man” และ “No Chances”  

จุดเด่นของอัลบั้มชุดนี้คือการมีมู้ดที่ ‘สว่าง’ กว่างานเพลงชุดใด ๆ ตั้งแต่ที่พวกเขาเปิดตัวมาในปี 2009 ซึ่งโจเซฟตั้งใจจะให้มันเป็นเหมือนกับเป็นพลังอีกด้านที่มาต่อกรกับสถานการณ์โควิดในตอนนี้ ทำให้กลิ่นอายงานดนตรีของอัลบั้มนี้มีความเป็นอัลเทอร์เนทีฟพอปคล้าย ๆ กับในอัลบั้ม Vessel (2013) และมีส่วนผสมทางดนตรีที่หลากหลายทั้งอัลเทอร์เนทีฟร็อก แรป หรือ ซินธ์พอป แตกต่างจากมู้ดดาร์ก ๆ ของ 2 อัลบั้มก่อนหน้าคือ Blurryface (2015) และ Trench (2018) ส่วนในด้านเนื้อหาอัลบั้มนี้ไม่ได้สานต่อความเป็นคอนเซ็ปต์อัลบั้มต่อจาก Trench แต่ยังคงพูดในเรื่องที่จริงจังอยู่ (ถึงแม้ว่าซาวด์ดนตรีจะสว่างและสนุกขึ้นก็ตาม) สะท้อนความรู้สึกที่เราต้องเผชิญในสถานการณ์โควิดไม่ว่าจะเป็นความกังวลต่อชีวิตและอนาคตที่ไม่แน่นอน รวมเป็นถึงความรู้สึกอยากอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เรารักในช่วงเวลาที่สถานการณ์บีบคั้นให้เราต้องรักษาระยะห่างจากกัน ทำให้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างงานดนตรีสนุก ๆ กับเนื้อหาของเพลงที่หนักหน่วง

ITZY – ‘Guess Who’

ITZY (อิทจี) วงเกิร์ลกรุ๊ปจากค่าย JYP กับ 5 สมาชิก เยจี (Yeji), ลีอา (Lia), รยูจิน (Ryujin), แชรย็อง (Chaeryeong) และ ยูนา (Yuna) ที่เริ่มเดบิวต์ตั้งแต่ปี 2019 ได้กลับมาพร้อมมินิอัลบั้มชุดล่าสุด ‘Guess Who’ อีกหนึ่งความพยายามครั้งใหม่ของการหยัดยืนบนเส้นทางดนตรีด้วยการตามหาเอกลักษณ์ของวงตัวเองให้เจอท่ามกลางกระแสคลื่น K-POP ที่กำลังถาโถมวงการดนตรีโลก แง่ดีคือถ้าชัดเจนก็จะโต้คลื่นนี้ไปได้อย่างสง่างาม แต่ถ้าไม่ก็จะจมหายไปกับริ้วคลื่น คราวนี้พวกเธอจึงกลับมาพร้อมภาพลักษณ์ที่เด็ดเดี่ยวโฉบเฉี่ยวกว่าเคย โดยมี ‘พัคจินยอง’ (Park JinYoung) โปรดิวเซอร์ชั้นเซียนแห่ง JYP มากุมบังเหียนทุกขั้นตอน อีกทั้งยังได้ทัพศิลปินคุณภาพมาร่วมงานมากมายไม่ว่าจะเป็น LYRE, ชิมอึนจี นักแต่งเพลงดาวรุ่งจาก JYP , JQ มือเขียนเนื้อร้องที่เคยทำงานร่วมกับศิลปินมากมายเช่น แทยอน, NCT 127 และ Red Velvet นอกจากนี้ยังมี KASS, danke, earattack, อีเฮซล และอีกมากมาย

เพลงทั้ง 6 ในอัลบั้มนี้มีลีลาของ ITZY ที่ชัดเจนสะท้อนทั่วไปในทุกแทร็ก แต่ถึงอย่างนั้นในแต่ละแทร็กก็มีความโดดเด่นและมีรสชาติแตกต่างกันออกไป มีการเรียงร้อยผลงานได้น่าสนใจทั้งในตัวเพลงและมิวสิกวิดีโอเช่นในเพลง ‘마.피.아. In The Morning’ ที่เต็มไปด้วยความเท่ พลังและความมีชีวิตชีวา ถึงแม้ว่ามินิอัลบั้มชุดนี้อาจจะยังไม่ใช่มาสเตอร์พีซ หรืองานเพลงที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างสุด ๆ แต่ก็คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าพวกเธอยังสามารถพัฒนาตัวเองต่อไปได้อย่างแน่นอน

CHAI – ‘WINK’

‘WINK’ การกลับมาครั้งใหม่ที่น่าตื่นใจของ 4 สาววง ‘CHAI’ คู่ฝาแฝด MANA (ร้องนำ/คีย์บอร์ด) และ KANA (กีตาร์), YUUKI (เบส), และ YUNA (กลอง) ผู้สถาปนาความ ‘คาวาอี้’ นิยามใหม่ ที่ไม่ใช่เรื่องของความแบ๊ว ๆ ใส ๆ อีกต่อไป อัลบั้มชุดนี้เป็นงานเพลงชุดแรกที่พวกเธอออกกับค่าย ‘Sub Pop’ ซึ่งเป็นสังกัดของพวกเธอเอง และเป็นงานเพลงชุดแรกที่เริ่มมีความสากลอย่างชัดเจนมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นในการเขียนเพลง การร่วมงานกับโปรดิวเซอร์ที่เป็นคนนอก การร่วมงานกับศิลปินต่างประเทศ เช่น ในซิงเกิลเปิดตัว ‘ACTION’ ที่พวกเธอเขียนขึ้นเพื่อตอบรับกับกระแสของการประท้วงเพื่อการปฏิบัติที่เท่าเทียมต่อคนผิวสี Black Lives Matter หรือในเพลง ‘Maybe Chocolate Chips’ ที่ได้แรปเปอร์หนุ่มจากชิคาโก ‘ริก วิลสัน’ (Ric Wilson) มาร่วมแจมในเพลงฮิปฮอปฟีลกู้ดอันมีที่มาจากยูกิมือเบสของวงที่พยายามมองไฝของตัวเองให้เป็นช็อกโกแลตชิป แทนที่จะรังเกียจมันแต่กลับทำให้มันเป็นเรื่องน่ารักแทน (มันช่างล้ำลึกจริง ๆ !) นี่แหละคือมุมมองความคิดแสบ ๆ แบบ ‘neo-kawaii’ ของ CHAI

อัลบั้มชุดนี้มีการตั้งชื่ออัลบั้มตามแบบงานชุดก่อน ๆ คือ ‘PINK’ และ ‘PUNK’ โดยความหมายของอัลบั้ม PINK ก็คือ ‘สีชมพู’ ที่เป็นสีแทนความน่ารักสดใสซึ่งพวกเธอก็นำเอามาใช้ด้วยการตีความหมายใหม่ให้กลายเป็นความน่ารักแบบ ‘neo-kawaii’ ส่วน ‘PUNK’ นั้นก็คือการแสดงความพังก์ ความขบถ ความเป็นตัวของตัวเอง เชื่อมั่นในความงามตามแบบฉบับของตนเอง ส่วนคอนเซปต์ของ ‘WINK’ นั้นพวกเธอให้นิยามของคำนี้ไว้ว่า “คนที่วิงก์ ( wink แปลว่า กะพริบหรือขยิบตา) นั้นเป็นคนที่มีหัวใจบริสุทธิ์ซึ่งใช้ชีวิตอยู่กับความยืดหยุ่น ทำในสิ่งที่อยากจะทำ คนที่วิ้งก์นั้นคือคนที่เป็นอิสระ และอัลบั้มนี้เรากำลังวิ้งก์ให้กับคุณ เรากำลังใช้ชีวิตอย่างอิสระและเราหวังว่าเมื่อพวกคุณได้ฟังเพลงของเราแล้ว คุณก็จะวิ้งก์บ้างและใช้ชีวิตอย่างอิสระด้วยเช่นกัน” นั่นล่ะเปิดอัลบั้มนี้ฟังแล้วไป ‘WINK’ กับพวกเธอได้เลย !

Sufjan Stevens – ‘Convocations’

‘ซุฟียน สตีเวนส์’ (Sufjan Stevens) ศิลปินหนุ่มเจ้าของรางวัลออสการ์สาขา ‘Best Original Song’ จากบทเพลง ‘Mystery of Love’ ประกอบภาพยนตร์เรื่อง ‘Call Me by Your Name’ ได้เปลี่ยนแนวจากการทำเพลงร้องมาสู่เพลงบรรเลงล้วนในสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 9 ที่มีชื่อว่า ‘Convocations’ บทเพลงบรรเลงทั้งหมด 49 บทเพลงที่สตีเวนส์ทำขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดโควิดและหลังจากที่สูญเสียคุณพ่อไป อัลบั้มชุดนี้มีการแบ่งออกเป็น 5 วอลลุ่มโดยในแต่ละวอลลุ่มคือตัวแทนของภาวะการสูญเสีย 5 ขั้น ซึ่งได้แก่ การปฏิเสธ ความโกรธ การต่อรอง ภาวะซึมเศร้า และการยอมรับ โดยสตีเวนส์ตั้งใจให้ทั้ง 49 บทเพลงจาก ‘Convocations’ นี้คือบทเพลงที่เป็นภาพสะท้อนของความวิตกกังวล ความโดดเดี่ยว และการสูญเสีย ในช่วงเวลาที่ผ่านมา

St. Vincent – ‘Daddy’s Home’

หลังจากคุณพ่อของ ‘แอนนี คลาร์ก’ (Annie Clark) ได้พ้นโทษและถูกปล่อยตัวจากเรือนจำในปี 2019 คลาร์กก็ได้เริ่มต้นทำงานเพลงชุดนี้ที่มีเรื่องราวของเธอและพ่อเป็นแรงบันดาลใจ ‘Daddy’s Home’ งานเพลงชุดที่ 6 ของ ‘St. Vincent’ จึงเป็นอัลบั้มที่มีความเป็นเรโทรและกลิ่นอายของอดีตทั้งในแนวดนตรีที่หยิบเอางานเพลงยุค 70s มาเป็นแกนหลัก ในส่วนเนื้อหาก็เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างลูกสาว แม่และพ่อ ในบรรยากาศของเมืองนิวยอร์ก ทำให้งานชุดนี้เป็นงานเพลงที่มีความเป็นส่วนตัวมากที่สุดของ St.Vincent ที่รุ่มรวยไปด้วยสีสันจากเมโลดี้ที่งดงาม ท่วงทำนองที่ลุ่มลึก และรายละเอียดทางดนตรีที่มีสีสัน

Weezer – ‘Van Weezer’

เห็นชื่ออัลบั้มก็รู้เลยว่า ‘Van Weezer’ อัลบั้มชุดที่ 15 ของ ‘Weezer’ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานเพลงคลาสสิกร็อกและฮาร์ดร็อกจากยุค 70s-80s เช่นวง Kiss, Black Sabbath, Metallica และ Van Halen (อันเป็นที่มาของชื่ออัลบั้ม) ทำให้ Weezer กลับไปมีความร็อกอีกครั้งเหมือนงานเพลงในชุดที่ 4 ‘Maladroit’ ในปี 2002

และแน่นอนว่าเมื่อได้แรงบันดาลใจมาก็ย่อมต้องมีอะไรชวนให้คิดถึงงานเพลงของวงรุ่นเก๋าเหล่านั้น ซึ่งคุณจะร้องอ๋อและรู้เลยว่าแต่ละเพลงนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากวงไหนกันบ้างหากคุณเป็นชาวร็อกตัวจริง เช่น “End of the Game” ที่อินโทรมาด้วยเทคนิค tapping แบบ Eddie Van Halen “1 More Hit” กับริฟฟ์เมทัลในแบบฉบับ Metallica หรือว่า “Blue Dream” ที่ขึ้นอินโทรมานี่ “Crazy Train” ของ Ozzy Osbourne ก็ลอยมาเลย ถือได้ว่า ‘Van Weezer’ เป็นอัลบั้มที่ฟังเพลิน ๆ เอาสนุก ๆ จากการได้เห็นงานเพลงร็อกสุดคลาสสิกถูกจับมายำกับความพอปที่ฟังง่ายสบายหู

Dayglow – ‘Harmony House’

 ‘Harmony House’ อัลบั้มเต็มชุดใหม่จากหนุ่มอเมริกันมาดกวน ‘สโลน สตรูเบิล’ (Sloan Struble) ที่มาในบทบาทของศิลปินอินดี้พอปนาม ‘เดย์โกลว์’ (Dayglow) เจ้าของเพลงดัง “Can I Call You Tonight?” ที่เคยเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ การันตีความฮิตด้วย 52 ล้านวิวบน YouTube และยอดสตรีมมิงถล่มทลายด้วยเนื้อหาและดนตรีติดหูตามสไตล์อินดี้พอป งานของเขาจึงได้รับคำชื่นชมจากสื่อดนตรีอย่าง Billboard, NPR, Sunday Times, DORK และ NME ถึงฝีไม้ลายมือที่ไม่ธรรมดาของศิลปินหนุ่มมากความสามารถคนนี้และมีแฟนคลับที่เหนียวแน่นตั้งแต่นั้น

ในปี 2021 เขาเริ่มทยอยออกผลงานที่เขาเขียนขึ้นก่อนและระหว่างช่วง Pandemic ในประเทศสหรัฐอเมริกาซิงเกิลต่าง ๆ ก่อนหน้าอย่าง “Close To You”, “Something”, “Woah Man”, “Balcony” หรือล่าสุดอย่าง “Medicine” คือส่วนหนึ่งของเพลงทั้งหมดที่เขาเองหวังว่ามันจะเป็นการเริ่มต้นของสิ่งใหม่ ๆ ต่อจากนี้ งานดนตรีที่โตขึ้น แรงบันดาลใจและอิทธิพลที่เขาได้รับมาตลอดทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นงานอัลเทอร์เนทีฟ, ดิสโก้ปลายยุค 70s, ซอฟต์ร็อก รวมไปถึงป็อปงดงามที่มีเปียโนเป็นพระเอก ดังนั้นทำให้สิ่งที่เราจะได้ยินใน Harmony House เป็นภาพของสโลนที่มาพร้อมกับความรู้สึกมากมาย ต่างจากเดย์โกลว์ในวันแรก เราจะพบกับความเรียบง่าย ความผิดหวัง ไปจนถึงความสนุกเกินต้าน ที่พร้อมจะพาเขาให้กลายเป็นศิลปินดาวเด่นแห่งเท็กซัสและทั่วทุกมุมโลกในไม่ช้า

Matcha – ‘Dreaming’

‘Dream’ อีพีชุดแรกจาก ‘Matcha’ “ชาช่า-มัจฉา โมซิมันน์” สาวพอปสุดเปรี้ยว ศิลปินเบอร์แรกของค่าย WHITE FOX ในเครือ GMM Grammy ที่รวมเอางานเพลงเฉี่ยว ๆ อันเป็นตัวแทนของความใฝ่ฝันในการเป็นนักร้องของสาวผู้มีความโฉบเฉี่ยวจัดจ้านคนนี้ โดยมี DABOYWAY เป็น Executive Producer ช่วยเติมความเฉี่ยวเปรี้ยวเข้าไปอีก ไม่ว่าจะเป็น “SO WHAT” ซิงเกิลเปิดตัวสุดฮอต อิเล็กทรอนิกส์พอปผสมฮิปฮอปที่สะท้อนมุมมองหญิงแกร่งที่พร้อมจะมูฟออนออกจากชีวิตที่พังและก้าวออกมาสู่ความปัง “SWIPE” ที่ได้โต้ง ‘TWOPEE’ มาแจมความมันส์ในสไตล์ดนตรีแบบ Dirty Pop หรือจะเป็น “SO OVER YOU” ที่ได้ WILLIE BONES โปรดิวเซอร์จากนิวยอร์กที่เคยทำงานกับ DABOYWAY มาแล้วโดยดึงความเซ็กซี่ เฉี่ยว เปรี้ยวของ Matcha ออกมาในสไตล์ดนตรี R&B และ “Run To You” เพลงช้าหนึ่งเดียวของอีพีนี้ที่มาในแนวดนตรี R&B เหงา ๆ เคล้าซาวด์เท่ ๆ เป็นอีกหนึ่งศิลปินไทยที่มีผลงานน่าสนใจ อยากฟังอัลบั้มเต็มเลยล่ะ

Homecomings – ‘Moving Days’

อัลบั้มเมเจอร์เดบิวต์จาก ‘Homecomings’ วงดนตรีอินดี้ป็อป 4 ชิ้นจากญี่ปุ่นประกอบด้วย  อายากะ ทามามิโนะ (ร้องนำ / กีตาร์) , โฮนามิ ฟุกุดะ (เบส / ร้องประสาน), นารุมิ อิชิดะ (กลอง / ร้องประสาน) และยูกิ ฟุกุโทมิ Yuki Fukutomi (กีตาร์) ที่เริ่มก่อตั้งวงตั้งแต่ปี 2012 มีผลงานมาแล้ว 3 อัลบั้ม และเริ่มมีชื่อเสียงในแวดวงดนตรีอินดี้ทั้งในและต่างประเทศจนได้ออกทัวร์ในไต้หวันและอังกฤษ และร่วมแสดงใน “FUJI ROCK FESTIVAL” ถึง 4 ครั้ง บทเพลงของ ‘Homecomings’ จะมาในท่วงทำนองอินดี้พอปอินดี้ร็อกที่มีเมโลดี้งดงาม เพลงส่วนใหญ่จะเป็นจังหวะกลาง ๆ ให้อารมณ์สว่างใสฟังแล้วมีพลังกำลังใจ ส่วนเพลงช้าก็ไม่หม่นเศร้าจนเกินไปเหงา ๆ แบบกำลังดีมีความซึ้งสวย ด้วยท่วงทำนองและเสียงร้องที่ฟังง่ายสบายใจหากใครได้ฟังเพลงของ ‘Homecomings’ ก็จะโดนตกและกลายเป็นแฟนเพลงของวงไปง่าย ๆ เลย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส