‘แมรี่ แพตเทน (Mary Patten)’ อายุ 19 ปี เธอตั้งครรภ์ขณะที่ควบคุมออกคำสั่งเรือใบขนส่งสินค้าในปี 1856 เธอเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตนี้เธอจะได้กลายมาเป็นกัปตันเรือ แต่ชะตาชีวิตก็ผกผันทำให้เธอต้องกลายมาเป็นกัปตันเรือจำเป็น เรื่องราวมันเริ่มต้นเมื่อเธอได้แต่งงานกับ ‘โจชัว แพตเทน (Joshua Patten)’ ในปี 1853 ตอนนั้นเธออายุแค่เพียง 16 ปีเท่านั้น ส่วนโจชัวอายุ 25 ปีแล้ว เขาทำงานบนเรือที่ชื่อว่า Neptune’s Car เป็นเรือขนส่งผู้โดยสารและสินค้าจากนิวยอร์กไปยังบอสตัน

ปี 1854 กัปตันเรือเกิดป่วยกะทันหัน ในขณะที่เรือใกล้จะออกเดินทางจากนิวยอร์กไปยังซาน ฟรานซิสโก ทำให้ ‘โจชัว แพตเทน’ ต้องรับหน้าที่กัปตันเรือจำเป็น แต่เขาเป็นห่วง ‘แมรี่ แพตเทน’ ภรรยาของเขา ไม่อยากให้เธอต้องอยู่บ้านเพียงลำพังเป็นเวลานาน เขาจึงได้รับอนุญาตจากบริษัทเดินเรือให้นำแมรี่ร่วมเดินทางไปด้วยได้

การเดินทางครั้งแรก

คำสั่งมอบหมายตำแหน่งกัปตันจำเป็นมาถึง ‘โจชัว แพตเทน’ ล่วงหน้าก่อนเดินทางไม่กี่ชั่วโมง ทั้งคู่จึงมีเวลาเตรียมตัวเดินทางไม่มากนัก ขณะอยู่บนเรือ แมรี่ก็ทำหน้าที่ภรรยาที่ดีคอยดูแลโจชัว สามีของเธอ ขณะเดียวกันเธอก็ศึกษาการทำงานของโจชัวไปด้วยและคอยช่วยเหลือเขาควบคุมเรือในบางครั้ง บวกกับแมรี่มาจากครอบครัวที่มีอันจะกินในบอสตัน เธอจึงเป็นหญิงที่มีการศึกษาอ่านออกเขียนได้และหัวไว ทำให้เธอเริ่มศึกษาการเดินเรือแบบลงลึก ในที่สุดการล่องเรือครั้งแรกของทั้งคู่ก็ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่นดี แต่เที่ยวต่อไปนี่สิ มันคือเที่ยวการเดินเรือที่ทำให้ประวัติศาสตร์ต้องจารึก

ในเดือนกรกฎาคม ปี 1856 ‘โจชัว แพตเทน’ ได้เป็นกัปตันของเรือ Neptune’s Car ลำเดิมอีกครั้ง เที่ยวนี้ก็ยังคงมีจุดหมายปลายทางที่ซาน ฟรานซิสโก รอบนี้แมรี่ก็ติดสอยสามีไปด้วยเช่นเดิม ที่เพิ่มเติมคือเธอกำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรก ต้องเล่าเพิ่มเติมว่าในการเดินทางขนส่งสินค้าแต่ละเที่ยวนั้น บริษัทเดินเรือจะปล่อยเรือให้ออกเดินทางพร้อมกันหลายลำ เผื่อจะได้คอยช่วยเหลือกันเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน ในการเดินเรือแต่ละครั้งนั้น ทางบริษัทเดินเรือก็มีการมอบเงินโบนัสเพื่อเป็นแรงจูงใจให้กัปตันเรือทุกลำ ถ้ากัปตันคนใดล่องเรือถึงจุดหมายปลายทางภายในระยะเวลาน้อยกว่า 100 วัน เขาจะได้เงินรางวัล 5,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่ถ้าถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพแต่เกิน 100 วัน จะได้โบนัส 3,000 เหรียญสหรัฐฯ ต้องคำนึงด้วยว่า เมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว มันคือจำนวนเงินมหาศาลมาก

วิกฤตการณ์

การเดินเรือเที่ยวนี้เหมือนเป็นเที่ยวที่ท้าทายความสามารถของ ‘โจชัว แพตเทน’ อย่างจริงจัง แนวโน้มความชุลมุนวุ่นวายเริ่มต้นขึ้นเมื่อต้นหนเรือเกิดแอบงีบในกะของเขา ทำให้เรือออกนอกเส้นทางแล้วไปเข้าในแนวหินโสโครก ทำให้การเดินเรือต้องล่าช้าออกไป กัปตันโจชัวจึงสั่งลงโทษด้วยการจับต้นหนไปคุมขัง ผู้ช่วยคนที่สองก็ไม่สามารถควบคุมการเดินเรือได้ ภาระจึงตกอยู่ที่โจชัว ที่ต้องควบกะเพียงคนเดียว แล้วเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด โจชัวมีอาการป่วยเล็กน้อยอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนออกเดินทางเที่ยวนี้ พอมาทำงานควบกะไม่ได้พักผ่อนเข้าไปอีก เลยทำให้อาการป่วยเริ่มทรุดหนัก แมรี่จึงกลายเป็นพยาบาลจำเป็น เธออ่านหนังสือคู่มือแพทย์แล้วทำการปฐมพยาบาลโจชัว แล้วที่สำคัญเธอต้องกลายเป็นกัปตันเรือจำเป็นแทนที่สามี

แมรี่เข้าจัดการและควบคุมการเดินเรือ ขณะเดียวกันก็ต้องรักษาพยาบาลโจชัวไปด้วย เธอตัดสินใจโกนผมโจชัวเพื่อลดอาการไข้ บางช่วงที่ต้องเดินเรือผ่านทะเลที่มีคลื่นลมรุนแรง แมรี่ก็ต้องมัดโจชัวไว้กับเตียงนอน ในขณะที่เธอทำหน้าที่เดินเรือ

ต้นหนวาดลวดลาย

เจ้าต้นหนคนเดิมที่เป็นตัวเริ่มต้นความวุ่นวายกลับมามีบทบาทอีกครั้ง เมื่อข่าวกัปตันโจชัวล้มป่วยลง และแมรี่ทำหน้าที่กัปตันจำเป็น ต้นหนเลยเขียนจดหมายจากที่คุมขังฝากเพื่อนมาให้แมรี่ ใจความก็คือข้อเสนอให้ปล่อยตัวเขา แล้วเขาจะกลับมาทำหน้าที่ควบคุมเรือด้วยความสัตย์ซื่อ แต่คำตอบไม่เป็นไปดังที่ต้นหนคาดคิด แมรี่ยืนกรานตามความตั้งใจของโจชัว เมื่อเขาไม่เชื่อใจต้นหนคนนี้อีกต่อไป เธอก็จะเชื่อตามนั้น เธอจะไม่ล้มเลิกคำสั่งของเขาแต่อย่างใด

เจ้าต้นหนตัวร้ายยังไม่ล้มเลิกความพยายาม รอบนี้หันไปปลุกระดมบรรดาลูกเรือให้ร่วมกันก่อจลาจล ไม่รับฟังคำสั่งของแมรี่แล้วตั้งเขาเป็นกัปตันแทน ข่าวนี้ล่วงรู้ไปถึงแมรี่ได้ทันท่วงที เธอจึงเรียกชุมนุมลูกเรือแล้วพูดโน้มน้าวให้ลูกเรือรับฟังคำสั่งเธอต่อไป โชคยังดีที่โจชัวเริ่มมีอาการทุเลา เขากลับมาทำหน้าที่กัปตันได้แล้ว แต่โจชัวก็เกิดใจอ่อน ปล่อยตัวต้นหนให้กลับมาทำหน้าที่อย่างเดิม แต่แค่ไม่นานโจชัวก็จับได้ว่าต้นหนไม่ได้เดินเรือตามทิศทางที่เขาวางไว้ โจชัวโกรธจัดและส่งต้นหนกลับไปคุมขังเช่นเดิม พอโจชัวกลับมาคุมเรือเขาก็พบว่าเจ้าต้นหนตั้งทิศทางเรือให้มุ่งหน้าไปเมืองฟาลปาไรโซ ในชิลี เขาจึงรีบหันหัวเรือกลับทันที

บรรยากาศบนเรือช่วงนี้ค่อนข้างระส่ำระสาย โจชัวกังวลว่าบรรดาลูกเรือจะหนีจากเรือแล้วลอบเอาสินค้าไปด้วย แล้วสินค้าบนเรือก็มีมูลค่ามหาศาลถึง 300,000 เหรียญสหรัฐฯ เขาได้รับมอบหมายตำแหน่งหน้าที่กัปตันก็เพราะบริษัทเล็งเห็นแล้วว่าเขามีความรับผิดชอบสูง โจชัวจะทำให้บริษัทผิดหวังในตัวเขาไม่ได้เด็ดขาด ในขณะที่พยายามควบคุมเรือให้เดินหน้าไปยังจุดหมายปลายทางช่วงสุดท้ายนั้น โจชัวก็ล้มป่วยอีกครั้ง แมรี่กลับมารับหน้าที่กัปตันจำเป็น

แมรี่กลายเป็นตำนาน

แมรี่ทำหน้าที่กัปตันเรือในช่วงสุดท้ายนี้ยาวนานถึง 50 วัน เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะเปลี่ยนชุด แต่ในที่สุดเธอก็พาเรือสินค้ามายังจุดหมายปลายทางที่ซาน ฟรานซิสโก ได้สำเร็จ เป็นการเดินทางอันยาวนานและสุดแสนอันตรายที่ใช้เวลาเดินเรือทั้งสิ้น 130 วัน แต่ถึงอย่างนั้น ในจำนวนเรือสินค้าทั้ง 3 ลำที่ออกเดินทางจากนิวยอร์กพร้อมกันนั้น แมรี่ก็พา Neptune’s Car มาถึงจุดหมายได้เป็นลำที่สอง

เมื่อเรือมาถึงซาน ฟรานซิสโก ได้อย่างปลอดภัยสินค้าครบถ้วน แล้วผู้คนก็ได้รับรู้ว่า Neptune’s Car ผ่านการควบคุมโดย ‘แมรี่ แพตเทน’ กัปตันหญิงจำเป็นวัยเพียง 19 ปีที่ต้องทำหน้าที่แทนสามีในขณะที่ยังตั้งครรภ์อยู่ด้วย เรื่องราวของเธอก็กระฉ่อนออกไปทั่วทุกสารทิศ หนังสือพิมพ์ทุกเล่มในช่วงนั้นต่างก็ลงข่าวเรื่องของเธอ

ส่วนอาการป่วยของโจชัวนั้น ก็ได้โบสถ์แคลิฟอร์เนีย เมโซนิก มาเป็นธุระจัดการด้วยการส่งเจ้าหน้าที่พยาบาลมาคอยดูแลระหว่างที่ส่งตัวเขากลับไปยังนิวยอร์ก และจากนิวยอร์กก็เดินทางต่อไปที่บอสตัน บ้านเกิดของแมรี่ ที่นี่แมรี่ก็ทำหน้าที่ดูแลรักษาพยาบาลสามีของเธอต่อไปอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่โลกภายนอกก็เชิดชูวีรกรรมของเธอต่อไป ส่วนบริษัทเดินเรือ นายจ้างของโจชัวนั้นก็ไม่ได้นิ่งเฉย พวกเขาจ่ายเงินโบนัส 1,000 เหรียญให้กับแมรี่เป็นการขอบคุณที่เธอช่วยควบคุมเรือมาถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย ส่วนหนังสือพิมพ์บอสตันก็ชื่นชมในวีรกรรมของแมรี่ที่เป็นคนบอสตันดั้งเดิม ด้วยการเรี่ยไรทุนจากผู้ใจบุญมาเป็นค่ารักษาพยาบาลให้โจชัว ส่วนแมรี่ก็ตอบกับสื่อที่สรรเสริญเธอด้วยคำพูดสวย ๆ ว่า “มันก็แค่หน้าที่ปกติทั่วไปที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามี”

โชคไม่ดีสำหรับ ‘โจชัว แพตเทน’ เอาเสียเลย เพราะว่าอาการป่วยเขาไม่เคยหายขาดเลยนับจากนั้น โจชัวตายในเดือนกรกฏาคม ปี 1857 อายุได้ 30 ปีเท่านั้น ไม่มีการบันทึกว่าท้ายที่สุดเขาตายด้วยโรคอะไรกันแน่ แต่มีการวิเคราะห์ว่าอาการป่วยของโจชัวเหมือนเป็นวัณโรค เพราะก่อนตายนั้นอาการเขาทรุดหนักถึงขั้นตาบอด และหูหนวก และพูดติดอ่าง สติเขาไม่อยู่กับตัว โจชัวไม่ได้รับรู้ด้วยซ้ำว่าแมรี่ได้ให้กำเนิดลูกชายกับเขา ส่วน ‘แมรี่ แพตเทน’ หลังจากสร้างวีรกรรมอันเป็นตำนาน เธอเองก็ไม่ได้มีชีวิตยืนยาวเช่นกัน หลังโจชัวจากไป เธอก็ล้มป่วยตามไปด้วย เธอเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 24 ปีเท่านั้น แม้อายุของเธอจะสั้นนัก แต่เรื่องราวของเธอกลับยืนยาวเป็นเรื่องเล่าตราบนานเท่านาน

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส