จุดเริ่มต้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ‘ทอม สตีเวนส์’ (Tom Stevens) ชายหนุ่มผู้เป็นพนักงานโรงภาพยนตร์เก่าแก่ชื่อหรูหรานามว่า ‘Majestic Ventura’ ซึ่งตั้งอยู่ ณ เมืองเวนทูรา (Ventura) ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยทอมและพนักงานอีกจำนวนหนึ่งกำลังทำการรีโนเวตโรงภาพยนตร์แห่งนี้ใหม่อีกครั้งเพื่อเตรียมที่จะเปิดให้บริการอีกครั้งในช่วงฤดูร้อน โดยทอมและพนักงานอีกคนกำลังตรวจสอบและเปลี่ยนหลอดไฟบนโคมระย้า และพบว่าโคมระย้านั้นห้อยลงมาต่ำจากระดับเดิมประมาณสองถึงสามนิ้ว
ทอมจึงจำต้องปีนขึ้นไปบนระเบียง และคลานเข้าช่องแคบ ๆ เพื่อเข้าไปจัดระเบียบอีกครั้ง เขาคลานเข้าไปในบริเวณนั้นที่เต็มไปด้วยเศษกระดาษ ห่อลูกกวาดเก่า ๆ ต้นขั้วตั๋วหนัง กระป๋องน้ำอัดลม ขวดน้ำ แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อที่เขาได้เจอก็คือ เขาเจอกับกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลใบหนึ่ง ที่สำคัญคือ สภาพยังคงดีอยู่ ตอนแรกเขาคิดไปว่า อาจมีพนักงานหรือใครสักคนเอากระเป๋าสตางค์มาแอบซ่อนไว้หรือเปล่า
แน่นอนว่า ทอมจึงทำการตรวจค้นกระเป๋าสตางค์ใบนั้นเพื่อหาเบาะแส แม้ว่าภายในจะไม่มีเงินเหลืออยู่ แต่สิ่งที่เขาพบก็ให้เบาะแสอะไรบางอย่างเกี่ยวกับอายุของกระเป๋าใบนี้ และบอกเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับเจ้าของของมันได้ ทั้งภาพถ่าย ต้นขั้วตั๋วคอนเสิร์ต ‘Grateful Dead’ วงดนตรีร็อกอเมริกันที่ฮิตในยุค 70’s
และใบขับขี่ที่ออกโดยรัฐแคลิฟอเนีย ที่ระบุวันหมดอายุปี 1976 ที่ภายในระบุชื่อว่า ‘คอลลีน ดิสติน’ (Colleen Distin) ด้วยข้อมูลในใบขับขี่ ทอมจึงเริ่มต้นค้นหาเจ้าของกระเป๋าใบนี้ ด้วยการโพสต์ภาพลงในเพจเฟสบุ๊กทางการของโรงภาพยนตร์ ‘Majestic Ventura’ เพื่อตามหาเจ้าของที่แท้จริง โดยเขาได้โพสต์ว่า
“มีใครรู้จักคอลลีน ดิสตินบ้างครับ? ตอนที่เรากำลังตรวจเช็กโรงหนัง เราพบกระเป๋าสตางค์ของเธอ และเพื่อให้คุณนึกออกว่ามันหายไปนานแค่ไหน จะบอกว่าข้างในมีตั๋วคอนเสิร์ตจากปี 1973 และใบขับขี่ที่หมดอายุปี 1976 มีรูปคนมากมายในนี้ พวกเขาดูเจ๋งมาก ๆ เลยล่ะในยุคนั้น ผมคิดว่าเจ้าของคงอยากได้คืน ดังนั้น ถ้าคุณ หรือใครที่รู้จักคอลลีน โทรมาหาเรานะครับ เราจะได้เตรียมคืนมันให้กับคุณ!”
ทอมเผยว่า หลังจากที่ได้โพสต์ประกาศหาเจ้าของกระเป๋าที่ทำหายมากว่า 50 ปี ผลก็คือ มีผู้ที่สนใจมากมาย มีจำนวนการแชร์นับพันแชร์ และมีการนำเอาข่าวไปลงในเว็บไซต์ต่าง ๆ มากมาย ส่วนคอมเมนต์ แม้จะมีคอมเมนต์ไร้สาระอยู่มาก แต่ก็มีคอมเมนต์ในเชิงชื่นชมไม่น้อย และมีคอมเมนต์หนึ่ง ที่โพสต์ตอบลงในโพสต์นั้น คอมเมนต์นั้นเป็นของ ‘คอลลีน ดิสติน’ นั่นเอง
เป็นความโชคดีที่เธอยังคงมีชีวิตอยู่ และเธอเธอได้ยินเรื่องราวทั้งจากที่มีผู้คนบอกต่อและในเว็บไซต์ข่าว แล้วยิ่งเป็นโชคดียิ่งขึ้นไปอีกว่า เธอนั้นเกิดในเมืองนี้ และยังคงอยู่อาศัยในเมืองนี้มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แม้ตอนแรกเธอจะไม่อยากเปิดเผยตัวตนเท่าไหร่ แต่สุดท้าย เธอก็ไปตอบคอมเมนต์ตอบเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ โดยเธอได้เล่าถึงความพยายามในการหากระเป๋าเงินที่หายไปนานกว่า 46 ปีที่แล้วว่า
“ฉันจำได้ว่า พอมันหายไป วันรุ่งขึ้นฉันก็โทรไปที่โรงหนัง แต่พวกเขาก็บอกว่าหาไม่เจอ ฉันจำได้ว่าในกระเป๋ามีเงินอยู่นิดหน่อย แต่สิ่งที่ฉันนึกไม่ออกก็คือ ในกระเป๋านั้นมีรูปถ่ายอะไรบ้าง แล้วก็ตั๋วคอนเสิร์์ตด้วย เพราะตอนนั้นฉันตระเวนไปคอนเสิร์ตหลายที่เหมือนกัน ตอนนั้นฉันสนุกสุดเหวี่ยงเลยล่ะ เป็นอะไรที่ดีมาก ๆ เลย”
หลังจากที่เธอได้ประกาศความเป็นเจ้าของ วันศุกร์ในสัปดาห์ถัดมา เธอก็ได้ไปที่โรงหนังแห่งนี้ และได้พบกับกระเป๋าสตางค์ของเธออีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เธอทำหายไปเกือบห้าสิบปี จากกระเป๋าสีแดงในตอนนั้น พอผ่านกาลเวลา กระเป๋าใบนี้ก็กลายเป็นสีน้ำตาล
คอลลีนเล่าเพิ่มเติมว่า ตอนที่เธอทำมันหายคือปี 1975 ตอนนั้นเธออายุประมาณ 20 ปี เธอมาที่โรงหนังแห่งนี้เพื่อออกเดต ตอนนั้นเธอจำไม่ได้ว่าดูหนังเรื่องอะไร แต่เธอจำได้ว่าวางกระเป๋าไว้บนพื้นโรงละคร ก่อนที่เธอจะพบว่าได้ทำกระเป๋าเงินที่มีเช็ก 200 ดอลลาร์และรูปถ่ายครอบครัวหายไป
เวลาล่วงเลยมากว่า 46 ปี เธอได้มาพบกับทอม และได้สัมผัสกระเป๋าใบนี้อีกครั้ง เธอกล่าวขอบคุณทอม และเจ้าหน้าที่โรงภาพยนตร์ทุก ๆ คนที่ค้นพบสิ่งนี้และประกาศตามหามันทางออนไลน์
เธอกล่าวว่า “ฉันคิดว่า เรื่องนี้มันบอกอะไรกับสังคมของเราได้มากมายเลยนะ ผู้คน ณ ตอนนี้ต่างมองหาเรื่องราวของมนุษย์ และบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกดี พอฉันเห็นคอมเมนต์ดี ๆ ที่ฉันชอบ ฉันเลยคิดว่า โอเค ฉันคงต้องทำอะไรบางอย่างแล้วล่ะ ฉันรู้สึกได้ถึงพลังงานนี้ที่มีต่อผู้คน มันราวกับว่าฉันได้ทิ้งจิตวิญญาณเอาไว้ที่นี่อย่างนั้นแหละ”
“มันเป็นอะไรที่สะเทือนอารมณ์มาก ๆ เลย” เธอกล่าวพร้อม ๆ กับน้ำตาคลอหลังจากที่ได้กระเป๋าคืนมา “มันทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ แต่ชั่วแวบหนึ่ง มันก็ทำให้ฉันเริ่มมองย้อนกลับไปในอดีตอีกครั้งหนึ่ง”
“สำหรับฉัน กระเป๋าเงินใบนี้ เป็นเหมือนกับ “ไทม์แคปซูล” ของฉันเลยล่ะ…”