เว็บไซต์ Deadline ได้รายงานว่า สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) พ่อมดแห่งฮอลลีวูด ได้เซ็นดีลครั้งใหญ่กับ Netflix โดยทาง Amblin Partners ซึ่งเป็นบริษัทผลิตภาพยนตร์ของ สปีลเบิร์ก ภายใต้แบรนด์ Amblin Entertainment จะสร้างภาพยนตร์สำหรับบริการสตรีมมิงจำนวนหลายเรื่องต่อไป
เท็ด ซาแรนดอส (Ted Sarandos) ผู้ดำรงตำแหน่งซีอีโอร่วม และหัวหน้าฝ่ายเนื้อหาของ Netflix ได้กล่าวว่า “สปีลเบิร์กเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและมีความเป็นผู้นำ ซึ่งเป็นเกียรติและตื่นเต้นอย่างยิ่งที่ที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ของ สปีลเบิร์ก”
ทางด้าน สตีเวน สปีลเบิร์ก ได้กล่าวว่า “Amblin ให้ความสำคัญกับการเล่าเรื่องเป็นสำคัญ และจากความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสอันดียิ่งที่จะได้เล่าเรื่องใหม่ ๆ ร่วมกัน และเข้าถึงผู้ชมกลุ่มใหม่ได้มากขึ้น ร่วมกับ Universal ที่ได้ร่วมงานกับเรามาอย่างยาวนาน”
จากดีลในครั้งนี้ ทำให้ Netflix ก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการสตรีมมิงระดับต้น ๆ ด้วยความที่สามารถเพื่อเติมเนื้อหาและผู้สร้างมากความสามารถได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Hulu, HBO และ Disney+ ดูเหมือนจะชะลอตัวลงไปบ้าง
ในขณะเดียวกัน สปีลเบิร์ก ก็เป็นบุคคลที่สำคัญของฮอลลีวูดในยุคหลังนี้อย่างชัดเจน โดยเขาเป็นหนึ่งในสุดยอดผู้กำกับในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ ด้วยผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่ยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้ เช่น Jaws, E.T., Raiders of the Lost Ark, Jurassic Park, Schindler’s List และ Saving Private Ryan
สปีลเบิร์ก ได้ก่อตั้ง Amblin Partners ขึ้นในปี 2015 และได้เข้าร่วมกับ Universal Pictures เพื่อจัดจำหน่ายภาพยนตร์ระดับคุณภาพของ Amblin หลายหเรื่อง เช่น Green Book และ 1917 ที่กวาดรางวัลออสการ์มาอย่างมากมาย
ในขณะนี้ สปีลเบิร์ก มีผลงานการกำกับล่าสุด คือ West Side Story ที่อยู่ในขั้นตอนโพสต์โปรดักชัน และมีกำหนดฉายในวันที่ 10 ธันวาคม 2021 นี้
ข้อมูลอ้างอิง : screenrant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส