ต้นฉบับปี 1991 ขึ้นหิ้งหนังคลาสสิคไปแล้ว ตอนมาฉายในไทยใช้ชื่อ “คลื่นบ้ากระแทกคลื่นบ้า” ตามธีมหลักของหนังที่เป็นหนังกีฬาโต้คลื่น คำว่า “Point Break” ก็เป็นศัพท์โต้คลื่น หมายถึงจุดที่คลื่นกระแทกฝั่งแล้วแตกตัวออก หนังต้นฉบับส่งให้ คีอานู รีฟส์ กลายเป็นดาราหนังแอ็คชั่นเป็นบันไดก้าวสำคัญที่ส่งให้เขาได้ไปแจ้งเกิดเต็มตัวใน Speed (1994) , Point Break (1991) กำกับโดยหญิงเหล็ก แคทธรีน บิเกโลว์ อดีตเมีย เจมส์ คาเมรอน ที่ไปคว้าออสการ์ผู้กำกับยอดเยี่ยมจาก Hurt Locker ในปี 2008
มารอบนี้ งานรีเมคใน 24 ปีให้หลัง กับดารานำรุ่นใหม่ทั้งคู่ และ พาทิศทางเรื่องออกมาห่างไกลเนื้อเรื่องเดิมมาก ในต้นฉบับ จอห์นนี่ ยูทาห์ เป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล ที่มาสมัครเป็นมือปราบ FBI หน้าใหม่ แล้วถูกส่งไปเป็นสายในแก๊งโจรปล้นธนาคารที่ฉากหน้าเป็นนักกีฬาโต้คลื่น แต่ในเวอร์ชั่น 2015 นี้ขยายเรื่องราวออกไปกว้างมาก ให้แก๊งโจรนี้เป็นแก๊งมีคุณธรรมมีแนวคิดขบถต่อวิถีสังคม โบดี้ ผู้นำแก๊งต้องการสานภารกิจสู่นิพพานตามศาสดาของพวกเขานาม โอซากิ ด้วยการพิชิตภารกิจเอ็กซ์ตรีมบ้าระห่ำ 8 หัวข้อ ในขณะที่ โอซากิ ผู้ริเริ่มทำไว้ได้แค่ 3 แล้วก็เสียชีวิต ระหว่างที่แก๊งดำเนินภารกิจท้าตายก็ทำตัวเป็น โรบินฮูดไปด้วย ด้วยการปล้นเพชร ปล้นแบงค์ แล้วเอาเงินไปแจกจ่ายกับชาวบ้านในประเทศยากจน
อีริคสัน คอร์ ผู้กำกับภาพผู้คร่ำหวอดในวงการมากว่า 20 ปีขึ้นแท่นผู้กำกับเป็นเรื่องที่ 2 เรื่องแรกของเขาคือ Invincible หนังมาร์ค วาห์ลเบิร์กปี 2006 มาเรื่องนี้เขาก็ยังไม่คงทิ้งหน้าที่กำกับภาพ แต่ควบทั้ง 2 หน้าที่เลย การที่หนังเปลี่ยนแก๊งโจรจากต้นฉบับที่เป็นนักกีฬากระดานโต้คลื่น ให้กลายเป็นนักกีฬาเอ็กซ์ตรีม ทำให้หนังขยายขอบเขตเรื่องราวออกไปได้กว้างมาก หนังใส่ฉากกีฬาเอ็กซ์ตรีมมาอย่างแน่นจุใจ ทั้ง มอเตอร์ไซค์วิบาก , โต้คลื่นยักษ์ , ปีนผาน้ำตก , ดิ่งหน้าผา แต่ละฉากนี่จัดเต็มเล่นใหญ่และเป็นซีนยาว พอได้ผู้กำกับที่มาจากมือกำกับภาพก็เลยเน้นงานภาพเป็นพิเศษ อีริคสัน เลยพยายามโชว์ศักยภาพตัวเองมาก เก็บทัศนียภาพแต่ละสถานที่ออกมาสวยมาก ทั้งวิวภูเขา วิวทะเล วิวน้ำตก และเน้นหนักว่าต้องเป็นภาพจริงที่ใช้เทคโนโลยีของกล้องหลาย ๆ ประเภท และพึ่งวิชวลเอฟเฟ็คท์ให้น้อยที่สุด งานนี้เน้นเลยว่าต้องดูจอใหญ่ไม่งั้นอรรถรสหายไปเพียบครับ โดยเฉพาะซีนขายที่ชาวแก๊งใส่ชุดกระรอกบินร่อนลงจากเทือกเขาแอลป์ ซีนนี้สวยมากและลากกันยาวหลายนาที
แต่เมื่อทิศทางเรื่องไปเน้นหนักกับกีฬาเอ็กซ์ตรีม สิ่งที่ถูกทิ้งไปจากต้นฉบับเดิม คือเรื่องราวของการจารกรรมที่เคยเป็นหัวใจหลักของเรื่อง เวอร์ชั่นนี้ไม่มีฉากวางแผนปล้น หรือซีนปล้นให้ลุ้นเลย ถึงแม้ฉากแอ็คชั่นจะอัดแน่นไม่ให้ได้พัก ต่อเนื่องมาทุก ๆ 10 นาทีก็จริงแต่ก็เป็นฉากกีฬาเอ็กซ์ตรีม ทั้งเรื่องเหลือฉากไล่ยิงกันแค่ฉากเดียวเท่านั้น หนังยังคงเคารพหนังต้นฉบับด้วยการใส่ฉากคลาสสิคไว้ เป็นฉากที่ จอห์นนี่ ยูทาห์ ไล่ตาม โบดี้ แต่ไม่กล้ายิงแล้วก็โมโหตัวเอง ระบายออกด้วยการยิงปืนขึ้นฟ้า แต่อารมณ์ฉากนี้ก็ห่างไกลจากต้นฉบับเยอะนะ
ลุค เบรซี่ กับ เอ็ดการ์ รามิเรซ มาเป็น 2 ดารานำ ที่ถือว่าคัดเลือกบุคลิกรูปร่างหน้าตามาได้เหมาะสมกับบทนะ ลุค ดูเป็นเด็กหนุ่มแต่ก็ฟิตร่างมาบึก โชว์เนื้อหนังกล้ามท้องให้สาว ๆ ดูหลายฉาก มีลายสักพร้อยพอให้เชื่อได้ว่าเป็นนักกีฬาเอ็กซ์ตรีม ส่วน เอ็ดการ์ ก็มาในบุคลิกเดิมหนวดเครารุงรังผมกระเซิงดูเป็นมนุษย์กร้านโลก เทเรซา พาล์มเมอร์ สาวหนึ่งเดียวในเรื่องนี้ เธอเคยเป็นนางเอกจาก Warm Bodies (2013) แล้วก็ไม่ค่อยเห็นมีงานแสดงแล้วนะ เรื่องนี้ เทเรซ่า เปิดตัวมาก็โชว์หุ่นเป๊ะเลย น่าชื่นชมนะในเรื่องที่เธอเพิ่งคลอดลูกชายก่อนมาเล่นเรื่องนี้ คืนหุ่นมาอวดคนดูได้เร็วมาก
จัดว่าเป็นหนังสนุกครับ 113 นาทีกับฉากแอ็คชั่นเยอะ ๆ ดาราสวยหล่อ ภาพสวยมาก สำหรับคนที่ไม่เคยดูหนังต้นฉบับก็น่าจะพึงพอใจได้มากกว่า สำหรับคนที่เคยประทับใจกับหนังต้นฉบับ ก็คิดซะว่านี่คือ Point Break ที่ตีความใหม่ในอีกทิศทางหนึ่งซะ จากหนังแอ็คชั่นจารกรรมกลายเป็นแอ็คชั่นผสมปรัชญารักษ์โลกซะงั้น