ในทุกวันนี้เวลาที่เราได้ฟังเพลงฮิปฮอปฮิต ๆ สักเพลงหลายต่อหลายครั้งเมื่อเหลือบไปมองชื่อศิลปิน คำที่มักปรากฏอยู่ด้วยเสมอก็คือ “Prod. by NINO” ซึ่งมันอาจทำให้หลายคนสงสัยว่าใครคือ NINO และโปรดิวเซอร์คนนี้เป็นใคร ทำไมถึงได้ทำเพลงแต่ละเพลงได้โดนขนาดนี้ จนคำว่า “Prod. by NINO” ได้กลายเป็นเครื่องหมายการันตีว่าเพลงนี้มีคุณภาพไปแล้ว
ในรายการป๋าเต็ดทอล์กโฉมใหม่ New Normal ป๋าเต็ดได้พาเราไปรู้จักกับ ‘เกริก ชาญกว้าง’ เจ้าของ aka ‘NINO’ โปรดิวเซอร์หนุ่มวัย 27 ปี ผู้พาเพลงฮิปฮอปไทยไประดับโลก กับเรื่องราวเบื้องหลังการทำเพลงในแนว ‘ฮิปฮอป’ จากมุมมองของผู้ที่ทำเพลง 100 ล้านวิวมาเป็นจำนวนมาก และบทบาทของการเป็นเจ้าของค่าย HYPE TRAIN ผู้พาเพลงไทยไปติด Billboard Chart Global เป็นเพลงแรกในประวัติศาสตร์กับเพลง ‘ทน’ โดย SPRITE x GUYGEEGEE
NINO ‘THE HIPHOP PRODUCER’
NINO คือ ฮิปฮอปโปรดิวเซอร์วัย 27 ปี เจ้าของหลายผลงานเพลง 100 ล้านวิวและเจ้าของค่าย HYPE TRAIN ผู้พาเพลงไทยติด 1 ใน 100 ของเพลงยอดนิยมทั่วโลกจาก Billboard Global NINO เริ่มทำงานโปรดิวซ์มาตั้งแต่อายุ 21 ปี ในแต่ละปีมีงานเข้ามามาก เช่นปีที่แล้วได้โปรดิวซ์ไปกว่า 140 เพลง
โปรดิวเซอร์คืออะไร
- การดูภาพรวมให้กับศิลปินตั้งแต่ต้นจนจบ เปรียบเป็นโค้ชของเชฟที่ลงมือทำงานด้วยตัวเอง และการทำงานกับแต่ละเพลงแต่ละศิลปินก็จะมีความยากที่แตกต่างกัน
ฮิปฮอปคืออะไร
- เป็นสิ่งมหัศจรรย์ ทำให้คนได้ปลดปล่อยทางอารมณ์และเป็นตัวเองมาก ๆ ในพื้นที่ของเขา
ร็อกเองก็เคยทำหน้าที่ตามนิยามนี้แล้วทำไมเด็กทุกวันนี้ถึงเลือกฮิปฮอปเป็นหนทางในการปลดปล่อย
- NINO เคยมาทางร็อกมาก่อน เล่นกีตาร์ทำวงเมทัลมาก่อน
- NINO เชื่อว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปคือยุคสมัย เทคโนโลยีทำให้ผู้คนเปลี่ยนไป พฤติกรรมเปลี่ยน มีแนวเพลงและตัวเลือกให้ฟังมากขึ้น มีข้อมูลมากขึ้น ทำให้คนเลือกที่จะฟังไปในแนวทางที่ตนเองสนใจมากขึ้น
พอนึกถึงการแต่งเพลง ส่วนใหญ่ภาพที่นึกออกก็จะเป็นการหยิบกีตาร์ขึ้นมาแล้วก็เล่นไปแต่งไป แต่สำหรับกระบวนการทำเพลงฮิปฮอปแล้วมันเป็นยังไง
- มีความแตกต่างมาก บางทีอาจจะเกิดจากการที่เจอบีตถูกใจแล้วก็แต่งเสร็จภายในครึ่งชั่วโมงเลย
- ฮิปฮอปต้องการความเฟรชในไอเดีย ยิ่งแต่งเร็ว จบเร็ว อัดเร็วยิ่งเฟรช พอทิ้งไวนาน ๆ แล้วค่อยกลับมาทำมันก็จะไม่เฟรชแล้ว
ความสละสลวยไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่ฮิปฮอปต้องมี แค่มันต้องการความสดรึเปล่า
- เพลงไหนที่มีความ entartain สูงหรือไอเดียกำลังมา ส่วนใหญ่ก็จะปุ๊บปั๊บเสร็จเลย
การที่ฮิปฮอปรวมตัวกันทำงานหลาย ๆ คนนี่คิดไว้ก่อนแล้วไปทำด้วยกัน หรือนัดมาสุมหัวกันและคิดแล้วทำมันตรงนั้นเลย
- ส่วนใหญ่จะเป็นแบบวันนี้ไม่มีอะไรทำแล้วอยากทำเพลงก็นัดกันมาคิดกันสด ๆ เลย มาคิดว่าจะทำอะไรด้วยกันได้ในหนึ่งวัน เป็นการทำงานที่โหดแต่สดมาก
เพลงอะไรที่ประสบความสำเร็จที่เกิดจาก session แบบนี้
- “มีแค่เรา” F.HERO Ft. LAZYLOXY & OG-ANIC
- NINO กำลังนอนอยู่แล้วกอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ก็โทรมาตามไปทำเพลงด้วยกัน “เฮ้ยไอ้โน่ กูต้องการเพลงร้อยล้านว่ะ”
- NINO ทำงานกับ OG-ANIC อยู่และเห็น LAZYLOXY ที่ตกรอบจากรายการ The Rapper มีความน่าสนใจดีก็เลยชวนมาทำโพรเจกต์นี้
- NINO อยากทำเพลงนี้ให้สนุก ปาร์ตี้ และก็ฟังชิล ๆ ได้ด้วย เนื้อหาไม่ได้หยาบรุนแรงมาก เริ่มจากการสร้างโครงบีตมานิดนึงและไปสานต่อที่สตูดิโอ เปิดให้กอล์ฟฟัง กอล์ฟชอบก็เลยลุยกันต่อแป๊บเดียวก็เสร็จภายในวันนั้นเลย
- ในหัวของ NINO จะมีไอเดียไปในตัว พัฒนาขึ้นในหัว พอไปเจอกันแต่ละคนก็มาช่วยต่อเติม และทั้งเนื้อทั้งทำนองมันก็ค่อย ๆ เกิดขึ้นมาเอง
ทุกวันนี้พวกท่อนฮุคมันจะเป็นแรปกึ่งเมโลดี้ ใครคือคนที่คิดเมโลดี้นั้น
- การทำงานในสตูดิโอเหมือนยืมเคมีมาทำงานร่วมกัน บางที NINO ก็เป็นคิดเมโลดี้และศิลปินเอาไปสานต่อ บางทีศิลปินก็เข้าไปฟรีสไตล์แล้วก็ได้มาเลย
เพลง “พักก่อน” ของ MILLI มีการทำงานอย่างไรบ้าง
- เพลง “พักก่อน” เป็นเพลงที่ยาวนานมาก ๆ ในการ develop ศิลปินในชีวิตของ NINO ใช้เวลา 6 เดือนเต็มในการค้นหาตัวตน MILLI ตอนแรก MILLI อยากออกไปในแนวที่แรปมาก แต่ NINO พยายามหาส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ของ MILLI อยากดึงตัวตนออกมาให้ได้ และให้การบ้าน MILLI ไปทำมา ทำกันหลายเดโมมาก
- จนมาจับจุดเจอตรงที่ MILLI มีความเป็น “ตัวแม่” เลยถามกับ MILLI ว่าชอบพูดอะไรกับเพื่อนบ้างที่เป็นคำสบถ ๆ หน่อย MILLI ก็ยกตัวอย่างมาและมันจะมาจบที่คำว่า “พักก่อนนะ พักก่อนนะ” NINO เลยปิ๊งขึ้นมาเลยว่านี่แหละใช้ได้ มันง่ายและโดน จากนั้นก็แต่งและอัดกันเลย
MILLI คืออะไร ณ วันนี้จากมุมมองของ NINO
- “วันนี้เค้าเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดแล้วครับ และก็ไม่มีใครมาทำอะไรเค้าได้ สิ่งที่เค้าอยากทำก็ได้ทำแล้ว ผมก็ดีใจที่น้องเค้ามาได้ขนาดนี้ และก็อยากเห็นอะไรที่ดุเดือดมากกว่านี้จาก MILLI ครับ”
ผลงานไหนในฐานะโปรดิวเซอร์ที่ทำให้ NINO คิดว่าประสบความสำเร็จ
- ช่วงที่ทำ The Rapper ซีซัน 1 เพราะรู้สึกเหมือนกับได้ปักธงลงไปในประเทศไทยพร้อม ๆ กับพี่น้องชาวฮิปฮอป มีความทรงจำดีมากมายที่ได้ทำงานเพื่อผลักดันฮิปฮอปแก่พี่น้องชาวไทย
- NINO เล่าประสบการณ์ตอนที่ได้ทำเพลงธีมของรายการ นั่งล้อมวงคุยกันว่าจะทำยังไงดี โจ้กับขันก็บอกว่าให้ทำมันตรงนี้เลยและบอกให้ NINO ก็หยิบคอมขึ้นมาและต้องคิดบีตให้ได้ตรงนั้น ตอนนั้น ท่ามกลางวงล้อม (ที่แอบกดดันนิด ๆ ) ของทุกคน สุดท้ายก็ออกมาเป็นเพลงธีมของ The Rapper
- “กดบีตแทบจะไม่ออกเลย แต่ผมก็ไม่สนใจตัดภาพด้านหลังออกไป ผมก็กด ๆ ไปจนรอดมาได้”
- ความสดเหมือนจะเป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานเพลงฮิปฮอป ซึ่ง NINO ขอเรียกมันว่า “ความเป็นธรรมชาติ”
- แม้กระทั่งตอนที่ทำงานกับ MILLI ถึงแม้จะใช้เวลาเพราะบ่มนานกว่า 6 เดือนแต่จุดที่เจอแล้วก็ใช้เวลาทำต่อจากตรงนั้นเพียงไม่นาน
ในเพลงฮิปฮอปหนึ่งเพลงมีองค์ประกอบอะไรที่สำคัญที่สุด
- หัวใจสำคัญคือ “ความเป็นตัวตน” ไม่สามารถเฟคออกมาได้ เป็นสิ่งที่ออกมาจากตัวตนของศิลปิน
โมเมนต์ที่ทำให้รู้สึกแย่ในการทำงานเป็นโปรดิวเซอร์
- มีช่วงที่รับงานโดยลืมตัวตนไป เช่น รับงานเพลงพอปมาทำ ทำให้รู้สึกว่าทำได้ไม่เต็มที่ ไปไม่ถึงจุดที่ต้องการเลยทำให้รู้สึกแย่ว่าทำไมถึงทำไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนตอนช่วงแรก ๆ
THE BEGINNING ณ วันที่เริ่มต้น
เพลงอะไรที่ทำให้เรียกตัวเองว่าโปรดิวเซอร์ได้เต็มตัว
- NINO นึกไม่ออกเพราะตลอดช่วงเวลา 6 ปีที่ผ่านมานั้นทำงานไปเยอะมาก และช่วงแรก ๆ มีงานอะไรเข้ามาก็รับทำหมด
- ย้อนกลับไปในช่วงแรก ๆ NINO ทำงานเป็นตากล้องและขายบีตให้กับพี่ ๆ ในวงการไปด้วย และจะมี FIIXD เป็นเพื่อนที่คอยเอางานของ NINO ไปแนะนำเสนอขายอยู่เสมอ ขายบีตละ 1,500-2,000 บาท
- คนทำบีตจะคิดดีเทลไว้เลยว่าในแต่ละท่อนรายละเอียดดนตรีจะเป็นอย่างไร ในบางครั้งตอนที่ขายก็จะมีลงดีเทลในแต่ละพาร์ตไว้ให้ด้วย คนที่ซื้อไปก็จะเอาแต่ละท่อนไปจัดเรียงกันเองว่าจะเวิร์สกี่ครั้ง ฮุคกี่ที หรือจะเติมท่อนอะไรไป
- บางครั้งมือใหม่ที่เริ่มทำเพลงก็อาจจะอัดไปเลยจะไม่นับเวิร์สนับฮุค เพราะบางครั้งแยกไม่ออกว่าอันไหนเวิร์สอันไหนฮุค
- บีตเป็นคล้าย ๆ กับวัตถุดิบในซูปเปอร์มาเก็ตที่ผู้ซื้อจะเอาไปปรุงอาหารเอง ถ้าเป็นนั้นดีคนก็จะแย่งกันซื้อมากหน่อย อย่างในยูทูบก็จะมียอดวิวบอกชัดเจนว่ามีใครอยากได้บีตไหนเยอะ
- ในช่วงที่ NINO เริ่มทำงานโปรดิวเซอร์ฮิปฮอปยังน้อยมาก ส่วนใหญ่ยังทำร็อกกันอยู่ จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นตอนที่ NINO ไปขายบีตให้กับโต้ง TWOPEE เป็นบีตที่ขายเพลงที่สุดในชีวิตใช้เวลาทำ 2 วันขายได้ 15,000 บาท
- สาเหตุที่บีตนี้มีราคาเพราะว่าตอนนั้น NINO เริ่มทำบีตมาสักระยะและขายได้อยู่เรื่อย ๆ ในยูทูบก็มีคนติดตามมียอดวิวมากขึ้น จึงเริ่มมองเห็นว่างานตัวเองเริ่มมีชื่อเสียง เริ่มมีคนรู้จัก เลยคุยกับ FIIXD ว่าควรเพิ่มราคามั้ย FIIXD ก็บอกว่าเอาเลย ! ตอนนั้นค่าห้องก็ไม่มีจ่ายเลยตัดสินใจพิมพ์ไปบอกโต้ง TWOPEE เลยว่าจะขายราคานี้ โต้งก็ตอบกลับมาว่าได้เลย !
- ชม Chom Chumkasian และ หลุยส์ 1-Flow เป็นคนที่ทำให้ NINO ได้ทำบีตมากขึ้น และได้ไปเจอกับ กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่
- การทำงานครั้งแรกกับกอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่เป็นการทำเพลงโฆษณา ซึ่งทำให้ NINO ได้เห็นมูลค่า (ที่สูงมาก) ของเพลงโฆษณา ทำให้ NINO โกหกกอล์ฟว่าตัวเองทำบีตแนวที่กอล์ฟต้องการเป็นเพื่อที่จะได้ไม่พลาดโอกาสครั้งนี้ “ผมสู้ไม่ถอย และผมคิดว่าผมน่าจะทำได้ เลยตอบตกลงไปก่อน ทั้งที่ไม่รู้ว่าผมจะทำได้รึเปล่า”
- จากนั้น NINO ก็กลับบ้านไปเปิดยูทูบด้วยคำว่า ‘How to Make Beat’ และนั่นคือจุดเริ่มต้นในวงการของ NINO
- เพลงที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการทำงานของ NINO คือตอนที่ได้ทำเพลง “Alarms (สวัสดีวันจันทร์)” ให้กับกอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ ซึ่งได้พี่ปู พงสิทธิ์มาฟีเจอริ่งด้วย ตอนนั้นมีเรื่องที่ NINO ส่งตัวมาสเตอร์ไปผิดเป็นเวอร์ชันที่ยังดิบ ๆ และมีเสียงเมโทรนอมอยู่ ทำให้ในช่วงเวลา 2-3 ชั่วโมงแรกที่เพลงปล่อยออกไปผ่านทางสตรีมมิงมันกลายเป็นเวอร์ชันสุดดิบนี้ ความผิดพลาดในครั้งนี้ทำให้ NINO ต้องปรับตัวให้มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น และเปลี่ยนกลายเป็นอีกคนไปเลย
THE HYPE การเติบโตและความสำเร็จ
ทำไม NINO ถึงต้องมีค่ายเพลงของตัวเอง
- “ผมมีความฝันที่ผมอยากจะทำ ผมเลยอยากจะลองออกมายืนด้วยขาของตัวเองดู”
- การทำงานในค่ายอื่น ๆ NINO ได้เรียนรู้แค่การเป็นโปรดิวเซอร์เพียงหน้าที่เดียว แต่การได้มาทำค่ายเพลงของตัวเองทำให้เขาได้เรียนรู้ในการทำงานบริหาร และการทำงานในส่วนต่าง ๆ ที่ไม่เคยมีโอกาสได้เรียนรู้มาก่อนหากไม่ได้ตัดสินใจมาทำ HYPE TRAIN
ณ วันนี้คิดว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิด
- “ผมคิดว่าผมคิดถูกที่สุดเลยครับ เพราะว่าผมตื่นมาและทำงานกับสิ่งนี้ผมแฮปปี้มาก ๆ เลยครับ”
ในวันที่ศิลปินหลายคนสามารถทำงานเพลงเองได้ ค่ายเพลงยังมีความจำเป็นอยู่หรือเปล่า
- ตอนแรก NINO ก็คิดว่าค่ายเพลงไม่สำคัญ แต่พอได้มาเห็นเหตุการณ์อย่างที่ศิลปินทำเพลงได้หลายล้านวิวแล้วต้องมาทะเลาะกันและเลือกที่จะลบเพลงออกไป ซึ่งเท่ากับว่าสิ่งที่ทำมามันสูญหายไปหมด NINO เปรียบเด็ก ๆ ศิลปินรุ่นใหม่เหมือนกับยุงที่เข้ามาดูดเลือดได้แป๊บเดียวก็ต้องจากไป จบลงแค่นั้น เลยรู้สึกเสียดายและสงสาร เกิดคำถามขึ้นมาในใจว่าทำไมศิลปินรุ่นใหม่ถึงเกิดได้แบบปีต่อปี ทำไมไม่สามารถยืนระยะได้ยาวนานเป็นสิบ ๆ ปีเหมือนศิลปินรุ่นพี่ เลยต้องทำค่ายเพื่อโตจากศูนย์เริ่มต้นร่วมกันกับศิลปินและทำให้อาชีพการเป็นศิลปินของพวกเขานั้นยืนนานมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
มองเห็นอนาคตของ HYPE TRAIN อย่างไร
- ศิลปินอยู่ด้วยกันแบบครอบครัว ทำอะไรร่วมกัน และต้องทำมันให้สุดทำทุกอย่างที่อยากลองทำไปให้มันถึงที่สุด
ผลงานสร้างประวัติศาสตร์
- ถึงแม้จะเป็นค่ายเพลงน้องใหม่ แต่ NINO และ HYPE TRAIN ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์จากเพลง “ทน” ของ SPRITE และ GUYGEEGEE ด้วยการเป็นเพลงไทยเพลงแรกที่ขึ้นชาร์ต Billboard Global
- ใน MV เพลงนี้ NINO เป็นนักแสดงรับเชิญในบทคนขายลอตเตอรี่
- เพลง “ทน” เป็นเพลงล็อตสุดท้ายที่ NINO ตั้งใจจะทำในรอบปี เพราะงบประมาณนั้นเกินแล้ว แถมยังมีเรื่องให้ต้องทนสมชื่อเพลงทั้งสถานการณ์โควิด ทัวร์ก็ถูกยกเลิก คนทำงานในค่ายไม่มีงานเลย เลยตัดสินใจทำเพลงตามฟีลในตอนนั้น
- ความสำเร็จในครั้งนี้เกินขาด แม้แต่ NINO เองก็ยังไม่คิดว่ามันจะสำเร็จขนาดนี้
- NINO มองว่าเพลงนี้มีเอกลักษณ์บางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่ามันมีความเป็น ‘สากล’ ซึ่งเขามักบอกกับ Sprite เสมอว่าอยากได้สิ่งที่มีความเป็นสากลไม่ว่าคนชาติไหนก็สามารถเข้าถึงมันได้ เหมือนเวลาที่ฟังเพลงเกาหลีแล้วชอบโดยที่ไม่ต้องรู้ว่ามันหมายความว่าอะไร
เริ่มเห็นช่องทางไปสู่ระดับโลกหรือยัง
- NINO มองว่านี่เป็นโอกาสที่ดีในการที่ศิลปินไทยจะได้ออกไปให้ทั่วโลกได้เห็นถึงการมีอยู่ของพวกเขา
- NINO เป็นคนที่มองหาโอกาสอยู่เสมอ ช่วงเวลาที่เขาตัดสินใจปล่อยเพลง “ทน” เป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยมีใครกล้าปล่อยเพลงออกมาเลย แต่ NINO ก็มองเห็นว่านี่แหละเป็นโอกาสดี ๆ
กลัวไหมว่ากระแสฮิปฮอปจะวูบลง
- “ผมอยากได้ซูปเปอร์ฮีโร่ที่อยู่ใต้โคลน” ถึงแม้ NINO จะมองว่าอาจเป็นไปได้ที่ต่อไปกระแสฮิปฮอปอาจเบาลง แต่เขาก็ยังเชื่อมั่นและรอคอยที่จะค้นพบศิลปินใหม่ ๆ ที่จะมาจุดประกายมาสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้วงการอยู่เสมอ
ที่มาของการค้นพบ SPRITE
- คุณพ่อของ NINO เป็นคนค้นพบ SPRITE จากการได้ดูคลิปที่ SPRITE ไปออกรายการซูปเปอร์เท็น เลยตัดสินใจทัก SPRITE ไปทางเฟซบุ๊กเพื่อนัดเจอกับ NINO และทานข้าวที่บ้าน NINO กลับมาจากทำงานก็ตกใจที่เห็นครอบครัวตัวเองกำลังนั่งทานข้าวกับครอบครัว SPRITE พ่อเลยบอกให้ SPRITE แรปโชว์ SPRITE ก็เลยโชว์สกิลยาวร่วมชั่วโมง
- SPRITE ทำให้ NINO เห็นถึงความกล้าหาญและความมุมานะ ไม่เคยกลัวใครหรืออะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเจอใครอย่างไรเขาก็พร้อมที่จะแรปโชว์และแสดงความสามารถของตัวเองออกไปให้ถึงที่สุด
- ถึงแม้พ่อของ NINO จะบอกเขาตั้งแต่วันแรกว่าเด็กคนนี้ดังแน่นอน แต่ NINO ก็ยังไม่แน่ใจนักและไม่รู้ว่าจะทำเพลงอย่างไรให้กับ SPRITE ซึ่ง SPRITE ก็ใช้เวลากว่า 2 ปีเพื่อพิสูจน์ตัวเองจนได้มีผลงานออกมาในที่สุด
- ตอนนั้น NINO ได้ทำงานเป็นมิวสิกไดเร็กเตอร์ให้รายการ Show Me The Money และให้ SPRITE สมัครเข้าไปเพื่อศึกษาและเรียนรู้ดู จนได้เข้ารอบและแจ้งเกิดจากรายการนี้ในที่สุด
- หลังจากนั้นคุณพ่อของ NINO ก็ยังทำหน้าที่เป็นแมวมองค้นหาศิลปินใหม่ ๆ รวมถึงโปรดิวเซอร์เพื่อมาร่วมงานกับ NINO ด้วย
THE CONCLUSION บทสรุป ณ ปัจจุบัน
อะไรทำให้ฮิปฮอปเติบโตได้รวดเร็วขนาดนี้
- community เป็นสิ่งสำคัญ เริ่มต้นจากการบุกเบิกของศิลปินรุ่นพี่และได้รับการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของศิลปินในวงการ “เหมือนเราเป็นสัตว์ประเภทหนึ่งที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ถ้ามีการรบเราก็จะรบร่วมกันครับ” community นั้นมีความแข็งแรง ถ้าเข้ามาแล้วก็รักเลย
แล้วการที่มีการดิสกันนี่มันเป็นเรื่องธรรมดาของวงการรึเปล่า
- มันเป็นเรื่องของวัฒนธรรมฮิปฮอป และศิลปินก็เอาสิ่งนี้มาใช้ในการทำเพลง มีทั้งคนที่ทำเพื่อการตลาดและคนที่มีความขัดแย้งและอยากทำเพลงดิสกันจริง ๆ ก็มี เหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาของคนในวงการไปแล้ว แม้แต่ NINO เองก็ยังเคยโดนดิสด้วยเหมือนกัน
NINO อยู่สายไหนตอบโต้มั้ย
- “ผมอยู่สาย peaceful ละกันครับ ผมเป็นคนรักสงบครับ”
- NINO มองว่าการมาด่ากันในเพลงจริง ๆ มันก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ดี แต่ถ้ามาดิสกันแล้วต่างยอมรับในฝีมือของกันและกัน มันก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้
อะไรที่เป็นสิ่งต้องห้ามในวงการ
- ความอ่อนน้อมถ่อมตนและการปฏิบัติตนเป็นเรื่องสำคัญ ความขยันก็ด้วย ถ้าไม่ขยันก็ไม่ทันคนอื่น ถ้าทำตัวไม่ดีก็ไม่มีคนรัก เพราะการอยู่ในวงการมันต้องอยู่ร่วมกันใครหลายคน
อะไรคือบทเรียนที่สำคัญที่สุดในชีวิต
- “ในทุกครั้งที่ผมทำงาน ผมคิดว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นทุกครั้ง” หลาย ๆ บทเรียนช่วยให้แข็งแกร่งขึ้น บางครั้งอาจไม่เป็นไปตามแผน แต่ทุกครั้งก็ได้บทเรียนมาเสมอและนี่ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จแล้วที่ได้ลองทำ “ความ success ของผมคือการได้ลองอะไรใหม่ ๆ และมันยังมีสิ่งที่รอให้เราได้เรียนรู้อีกมากมายครับ”