ในยุคที่รูปแบบการฉายภาพยนต์ได้เปลี่ยนมาลงในบริการสตรีมมิงมากขึ้น เช่น Netflix หรือ HBO Max เป็นต้น ทำให้บางครั้งการที่จะดูว่าภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ ประสบความสำเร็จหรือไม่ ต้องใช้การวัดจากยอดวิว แทนยอดรายได้บนตารางบ็อกซ์ออฟฟิศ
โดยปกติแล้ว นักแสดงชื่อดังมักจะได้มีค่าเหนื่อยอย่างมหาศาล เนื่องจากเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยการันตีรายได้ของภาพยนตร์บนตารางบ็อกซ์ออฟฟิศ ยกตัวอย่างเช่น จิม แคร์รีย์ (Jim Carrey) ที่สร้างมาตรฐานเอาไว้ที่ 20 ล้านเหรียญ จากภาพยนตร์ ‘The Cable Guy’ เมื่อปี 1996 ซึ่งได้กลายเป็นมาตรฐานค่าเหนื่อยของนักแสดงระดับท็อปของฮอลลีวูดมานานนับทศวรรษ รวมในโปรเจกต์ภาพยนตร์ที่กำลังสร้างอยู่อย่าง แซนดรา บุลล็อก (Sandra Bullock) ใน ‘The Lost City of D”) หรือ แบรด พิตต์ (Brad Pitt) ใน ‘Bullet Train’ เป็นต้น
แต่รายได้ระดับ 20 ล้านเหรียญนี้ กลับเทียบไม่กับข้อเสนอจากบริการสตรีมมิงยักษ์ใหญ่ ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในการสร้างและฉายภาพยนตร์ในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น เช่น แดเนียล เคร็ก (Daniel Craig) ได้รับข้อเสนอมหาศาลจาก Netflix ถึง 100 ล้านเหรียญ เพื่อให้เขารับบทนำในภาคต่อของ ‘Knives Out’ หลายภาค หรือ ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) ได้รับข้อเสนอจาก Amazon Studios สูงถึง 30 ล้านเหรียญ ในภาพยนตร์ผจญภัย ‘Red One’ และอาจเพิ่มสูงถึง 50 ล้านเหรียญ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมี ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ (Leonardo DiCaprio) และ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ (Jennifer Lawrence) ที่ได้รับข้อเสนอมูลค่า 30 ล้านเหรียญ และ 25 ล้านเหรียญ ตามลำดับจาก Netflix เพื่อแสดงนำในภาพยนตร์เบาสมองในอารมณ์มหันภัยอุกกาบาตถล่มโลกอย่าง ‘Don’t Look Up’ ของผู้กำกับ อดัม แมคเคย์ (Adam McKay)
ไม่เพียงแค่นั้น การนำภาพยนตร์มาฉายทั้งในโรงภาพยนตร์และบริการสตรีมมิงพร้อมกัน ก็สร้างความปวดหัวให้สตูดิโออย่าง Warner Bros. ด้วยเช่นกัน จนท้ายที่สุดได้ตัดสินใจให้ข้อเสนอก้อนโตแก่นักแสดงระดับคุณภาพอย่าง เดนเซล วอชิงตัน (Denzel Washington) และ วิล สมิธ (Will Smith) มูลค่ามหาศาลถึง 40 ล้านเหรียญ เพื่อแสดงนำใน ‘The Little Things’ และ ‘King Richard’ ตามลำดับ
นั่นอาจกล่าวได้ว่า บริการสตรีมมิงได้เข้ามามีอิทธิพลต่อฉายสร้างภาพยนตร์ และตัวช่วยยกระดับค่าเหนื่อยของนักแสดงให้สูงขึ้นตามไปด้วยตามไปด้วย
เดนเซล วอชิงตัน ใน The Little Things (2021) วิล สมิธ ใน King Richard (2021)
แต่ถึงกระนั้น ทอม ครูซ (Tom Cruise) ก็ยังคงรับค่าเหนื่อยในรูปแบบเดิมอยู่ตามธรรมเนียมของนักแสดงในยุคก่อน นั่นคือ เขาจะรับค่าเหนื่อย 13 เหรียญ ก่อนที่ภาพยนตร์ ‘Top Gun: Maverick’ จะเข้าฉาย และจะได้รับโบนัสเพิ่มเติมถ้าหากภาพยนตร์ประสบความสำเร็จด้านรายได้ในระดับสูง
รายชื่อนักแสดงที่ได้รับค่าเหนื่อยมหาศาลในปัจจุบัน
- แดเนียล เคร็ก (ภาคต่อ Knives Out) : 100 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 3,300 ล้านบาท
- ดเวย์น จอห์นสัน (Red One) : 50 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1,700 ล้านบาท
- วิล สมิธ (King Richard) : 40 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1,300 ล้านบาท
- เดนเซล วอชิงตัน (The Little Things) : 40 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1,300 ล้านบาท
- ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ (Don’t Look Up) : 30 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท
- มาร์ก วาห์ลเบิร์ก (Spenser Confidential) : 30 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท
- เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ (Don’t Look Up) : 25 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 830 ล้านบาท
- จูเลีย โรเบิตส์ (Leave the World Behind) : 25 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 830 ล้านบาท
- แซนดรา บุลล็อก (The Los City of D) : 20 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 670 ล้านบาท
- ไรอัน กอสลิง (The Grey Man) : 20 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 670 ล้านบาท
- คริส เฮมสวอร์ธ (Thor: Love and Thunder) : 20 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 670 ล้านบาท
- แบรด พิตต์ (Bullet Train) : 20 ล้านเหราียญ หรือประมาณ 670 ล้านบาท
- ไมเคิล บี จอร์แดน (Without Remorse) : 15 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 500 ล้านบาท
- ทอม ครูซ (Top Gun: Maverick) 13 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 430 ล้านบาท
- คีอานู รีฟส์ (The Matrix 4) : 12 – 14 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 400 – 470 ล้านบาท
- คริส ไพน์ (Dungeons and Dragons) : 11.5 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 380 ล้านบาท
- โรเบิร์ต แพตตินสัน (The Batman) : 3 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 100 ล้านบาท
ที่มา : variety
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส