เรียกได้ว่ายุคนี้เป็นยุคของหนังและซีรีส์ซูเปอร์ฮีโรจริง ๆ มันเลยเป็นเวลาที่เหมาะเจาะในการขยายขอบเขตการเล่าเรื่องและได้หยิบจับตัวละครอื่น ๆ ในจักรวาลมาดัดแปลง สำหรับซีรีส์ ‘Star Girl’ สร้างมาจากตัวละครของดีซี คอมิกส์ (DC COMICS) โดยทีมงานของเกร็ก เบอร์แลนติ (Greg Berlanti) ที่สร้างซีรีส์ฮีโรดัง ๆ ให้ช่องซีดับเบิลยู (CW) มาแล้วมากมาย
ซึ่ง ‘Star Girl’ ก็มาในโทนของซีรีส์กลุ่มฮีโรวัยรุ่นที่ครบเครื่องทั้งดรามาและแอ็กชันซึ่งหลังออกฉายในปี 2020 ก็ได้รับการต้อนรับจากแฟน ๆ อย่างอบอุ่นไม่แพ้ซีรีส์ฮีโรรุ่นพี่อย่าง ‘Arrow’ ‘The Flash’ ‘Supergirl’ หรือ ‘Legend of Tomorrow’ เลย ล่าสุดซีรีส์ ‘Star Girl’ ตอนแรกของซีซัน 2 เพิ่งออนแอร์ไปวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา
ทาง Beartai Buzz ได้รับเกียรติจากทางวอร์เนอร์ มีเดีย (Warner Media) ร่วมสัมภาษณ์ อีเวทต์ มอนรีล (Yvette Monreal) นักแสดงสาวสวยเจ้าของบท โยแลนดา มอนเทซ (Yolanda Montez) หรือไวล์ดแคต (Wild Cat) พร้อมสื่อชั้นนำในเอเซียร่วมพูดคุยกันถึงความยากลำบากในการถ่ายทำตามนโยบายป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 และ ความน่าสนใจของคาแรกเตอร์ของเธอในซีรีส์เรื่องนี้
คุณรู้สึกยังไงกับการออกฉายของ ‘Star Girl’ ซีซัน 2 ในยุคที่เราต้องปรับตัวสู่ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal)
ใช่ค่ะ..ช่วงแรกฉันเองก็รับมือกับวิกฤตินี้ด้วยความไม่เข้าใจค่ะก่อนไปถึงกองถ่ายฉันเข้าร้านขายของชำก็ได้แต่หยิบของกินของใช้มาแพ็กไปด้วยความกังวลและความกลัว แต่เมื่อไปถึงแอตแลนตา (เมืองที่ใช้ถ่ายทำ) ปรากฎว่ากองถ่ายมีการตรวจคัดกรองโรคประมาณ 4 ครั้งต่อสัปดาห์ นักแสดงและทีมงานไม่ออกจากบริเวณที่ถ่ายทำเลยทั้งที่ไม่มีกฎข้อห้ามแต่เราก็รับผิดชอบตัวเองกันได้ดีค่ะเพราะรู้ว่าถ่ายทำช่วงของการระบาดของโควิด-19 (COVID-19)
แต่แน่นอนค่ะว่ามันยากลำบากมาก ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวเพราะต้องอยู่ในเต็นท์ที่ถูกกั้นด้วยพลาสติกและต้องอยู่ห่างกันอย่างน้อย 6 เมตรและพอเห็นใครอยู่ใกล้กันก็จะมีเจ้าหน้าที่มาเตือนและแยกเราออกจากกันแม้เราจะทำงานด้วยกันก็ตามนะคะ เพราะฉะนั้นมันยากลำบากจริง ๆ ค่ะแต่เพื่อให้เราสามารถกลับไปถ่ายทำได้เราก็พร้อมปฏิบัติตาม
มีอุปสรรคอะไรที่ทำให้การถ่ายทำในช่วงการระบาดของโควิด-19 ช้าลงบ้างไหม
เพื่อให้กองถ่ายปลอดภัย ฉันพูดได้เลยว่าเรามีการตรวจโรคกันมาก มาก ๆ ๆ ๆ ๆ เลยค่ะ อย่างเช่นถ้าในบทมีฉากที่เราต้องกอดกัน พอเอื้อมมือไปเท่านั้นแหละค่ะ กองถ่ายต้องหยุดไป 30 นาทีให้นักแสดงทำแรพิดเทสต์ (Rapid Test) และรอผลจนกว่าจะเป็นลบถึงจะถ่ายฉากที่กอดกันได้ค่ะ กองถ่ายเราเฝ้าระวังทุกทางจริง ๆ ค่ะ เพราะเราเองก็ไม่อยากเป็นสาเหตุให้มีการชัดดาวน์กองถ่าย เราเลยต้องเทสต์โรคกันเยอะมากและเว้นระยะห่างกันเสมอ
นักแสดงทุกคนจะอยู่แต่ในรถเทรลเลอร์ถ้าไม่มีซีนที่ต้องถ่าย ปกติเราจะไปทักทายและพูดคุยกับทีมงานเบื้องหลังโดยเฉพาะแผนกอาหาร (Craft) แต่คราวนี้เราทำไม่ได้ค่ะ ในกองถ่ายจะมีทีมป้องกันโรคโควิด (Covid Patrol) คอยลาดตระเวนดูหากใครไม่ทำตามกฎ มันเป็นการทำงานที่ยากลำบากมากค่ะแต่เพื่อความปลอดภัย
คุณเตรียมตัวสำหรับการรับบท Wild Cat ยังไงบ้างในซีซัน 2
สำหรับซีซัน 2 ตัวละครโยแลนดาจะถูกเจาะลึกในเชิงจิตวิทยามากขึ้นค่ะ เนื่องจากตัวละครเป็นคาธอลิกเหมือนชีวิตจริงของฉันและเมื่อต้องผ่านสถานการณ์ที่ได้ฆ่าคนมาแล้ว ซึ่งหาคนที่จะเข้าใจเธอได้ยากมากดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของเธอเลยเป็นสิ่งที่ฉันอยากจะสำรวจค่ะ และแม้เธออยากจะเล่าให้คอร์ตนีย์(สตาร์เกิร์ล)ฟังก็ยากเพราะเธอเองก็มีปัญหาในชีวิตมากพออยู่แล้ว โยแลนดาเลยต้องการอิสระมากขึ้น แต่แหม..ฉันไม่อยากจะสปอยล์เลยค่ะ (ยิ้มกว้างกลัวหลุดข้อมูล) เอาเป็นว่าเธอเริ่มตั้งคำถามกับศรัทธาตัวเองมากขึ้นเพราะในนิกายคาธอลิกคุณฆ่าคนไม่ได้ มันเป็นบาปมหันต์และต้องตกนรก บาปนี้มันจะกัดกินเราไปตลอดชีวิตค่ะ
คุณคิดว่าในซีซัน 2 มีอะไรน่าตื่นเต้นบ้างหรือมีตัวละครใหม่ ๆ ที่คุณอยากแนะนำบ้างไหม
หลายคนอาจเป็นห่วงเรื่องคิวบู๊แต่บอกเลยว่าในซีซันนี้ฉากต่อสู้จะอัปเกรดขึ้นดุดันขึ้นแน่นอน ฉันล่ะรอให้คุณเห็นมันในจอไม่ไหวเลยละค่ะ ส่วนตัวละครใหม่เรามีทั้งเจนนี (แสดงโดย อีซา เพนาเรโย – Ysa Penarejo)และ จาคิม ธันเดอร์ (แสดงโดยอัลโคยา บรันสัน- Alkoya Brunson) มีเดอะเชด (แสดงโดยโจนาธาน เคก-Jonathan Cake) อีคลิปโซ (รับบทโดย นิก ทาราเบย์-Nick Tarabay) การมาของเจนนีสร้างความสั่นสะเทือนให้พวกเรามากเพราะเธอคือลูกสาวของซูเปอร์ฮีโรจริง ๆ
ซึ่งพวกเรารู้ดีว่าเธอเหนือกว่าแต่เราไม่อยากออกอาการกันมาก ส่วนคอร์ตนีย์ (รับบทโดย เบรค เบสซิงเกอร์) ก็เริ่มตั้งคำถามกับสถานะของตัวเองซึ่งตัวละครของฉันในฐานะเพื่อนรักก็คอยหนุนหลังเธอ ส่วนจาคิิม ธันเดอร์ซึ่งเป็นเพื่อนกับโยแลนดาก็จะเริ่มสร้างกลุ่มฮีโร 3 คนขึ้นค่ะ ส่วนเดอะเชดก็มีพร้อมกับความน่าสงสัยค่ะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขามีเจตนาแอบแฝงอะไรหรือเปล่า สุดท้ายคืออีคลิปโซที่แผ่ขยายความเจ็บปวดและความทุกข์ไปทุกหย่อมหญ้าซึ่งเมื่อเราต้องเผชิญหน้ามันจะเป็นศึกอันใหญ่หลวงแน่นอนค่ะ ถ้าได้อ่านคอมิกคุณคงรู้ดีว่าเดอะเชดร้ายกาจแค่ไหน (ยิ้มและหัวเราะน้อย ๆ ด้วยความมั่นใจ)
ชุด Wild Cat เป็นชุดซูเปอร์ฮีโรที่เจ๋งมากแต่เบื้องหลังนี่สิที่เราไม่รู้ว่าคุณรู้สึกยังไงบ้างที่ได้สวมใส่มัน และมีปัญหาใส่ยากถอดยากบ้างไหม
ฉันว่านักแสดงแต่ละคนจะมีประสบการณ์ใส่ชุดฮีโรที่ต่างกันนะคะ อย่างของฉันจะเป็นชุดผ้าชิ้นเดียวที่สวมแล้วใส่หน้ากากก็เสร็จภายใน 20 นาที แต่โดยส่วนตัวแล้วฉันรู้สึกดีมากเลยค่ะใส่แล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นซูเปอร์ฮีโรจริง ๆ (ยิ้มกว้าง) รายละเอียดของชุดดีมากเพราะถูกถักทอแบบแฮนด์เมดมาเพื่อฉัน ใส่แล้วพอดีตัวฉันแค่คนเดียวเลยซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยค่ะเพราะช่างวัดตัวทำงานละเอียดมากจริง ๆ
อย่างเบรค (ผู้รับบทคอร์ตนีย์หรือสตาร์เกิร์ล) ก็บอกว่าชุดของเธอมีแค่ผ้า 2 ชิ้นสวมเสื้อท่อนบนกางเกงขาสั้นแต่พอสวมใส่แล้วกลับรู้สึกได้ถึงพลังของฮีโรเลยค่ะ แล้วก็ถือว่าเราโชคดีเพราะคงไม่ใช่ทุกคนที่จะมาทำงานเป็นซูเปอร์ฮีโรได้เหมือนพวกเรา ส่วนชุดใหม่ของฉันในซีซัน 2 ยังไม่ได้มีการฟิตติงค่ะ (ฟิตติงคือการให้นักแสดงลองสวมใส่เสื้อผ้า) แต่เห็นว่าจะมีการปรับสีชุดให้สว่างขึ้นเพราะซีซันแรกสีชุดค่อนข้างมืดค่ะ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่เห็นนะคะต้องรออีกสัก 2-3 สัปดาห์
Wild Cat เป็นตัวละครที่ไม่เล่นตามกติกาและจากบาดแผลทางจิตใจที่เธอได้รับในซีซันแรก ทำไม Wild Cat ยังคงอยู่ในทีมเดียวกับคอร์ตนีย์และเพื่อน ๆ
สำหรับฉันมันไม่เชิงว่าเธอรักอิสระจนเล่นอะไรนอกเกมนะคะ แม้ว่าจะเคยมีปัญหากับแฟนหนุ่มของเธอแต่จากการที่เธอเป็นประธานรุ่นหรือเป็นสมาชิกสหภาพนักเรียนแถมยังเป็นคนโปรดของครูใหญ่อีกต่างหาก สำหรับฉันบาดแผลทางจิตใจเกิดขึ้นจากความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวแล้วทุกอย่างเลยพังทลาย ฉันเลยไม่คิดว่าคนเราทำพลาดครั้งเดียวแล้วจะตัดสินได้ว่าเธอเป็นคนไม่ดีนะคะ
มันเป็นประสบการณ์ที่ผ่านมาให้เธอต้องเรียนรู้ ไม่เคยมีใครให้อภัยเธอยกเว้นครอบครัวของเธอและเจเอสเอ (JSA – Justice Society of America กลุ่มจัสติซโซไซตีแห่งอเมริกาก่อตั้งโดยสตาร์เกิร์ล) ที่ยอมรับในตัวของเธอได้จริง ๆ นั่นเลยทำให้โยแลนดาหรือไวล์ดแคทอยู่กับพวกเขา ถึงเธอจะต้องฆ่าคนก็เพื่อเจเอสเอเหมือนที่เธอฆ่าเบรนเวฟแต่ไม่มีใครในทีมรู้เลยยกเว้นคอร์ตนีย์แต่คอร์ตนีย์ก็ไม่มีวันเข้าใจเธอหรอกนะคะเพราะก็ไม่ฆ่าใครมาก่อน
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ตัวละครของฉันจะยึดศรัทธาเป็นที่ตั้ง ในเมื่อไม่มีใครเข้าใจเลยหันหน้าพึ่งพาโบสถ์แทนเพื่อขอความเมตตาจากพระเจ้า ขอบคุณที่ถามนะคะฉันชอบคำถามของคุณมากเลย
หากเลือกพลังพิเศษได้ 1 อย่างคุณจะเลือกมีพลังอะไร
น่าจะเป็นพลังในการล่องหนค่ะ เพราะเราสามารถรู้ความคิดคนอื่นได้โดยไม่มีใครเห็นตัวเรา ซึ่งจริง ๆ แล้วไวล์ดแคตก็มีพลังที่คล้าย ๆ กันนะคะเพราะเธอจะย่องไปไม่ให้ใครรู้ตัวซึ่งฉันว่ามันเจ๋งมากเลย
มีตัวละครจาก DC COMIC ตัวไหนที่คุณอยากร่วมจอด้วยไหม
ฉันคิดว่าเป็นวันเดอร์วูเมน (Wonder Woman) ค่ะเพราะอย่างที่เคยบอกไปในอินสตาแกรมว่าเธอเป็นแรงบันดาลใจสำคัญของฉัน ฉันรักเวอร์ชันหนังมาก หรือจะเป็นชาแซม (Shazam) ก็น่าจะเจ๋งดีค่ะถ้าได้ครอสโอเวอร์มาร่วมงานกันมันเป็นความฝันของฉันเลย
ถ้าหากตัวละคร Wildcat ของคุณต้องมาเมืองไทยซึ่งเป็นเมืองร้อน คุณคิดว่าจะดัดแปลงชุดของคุณให้เข้ากับอากาศเมืองไทยอย่างไร
โอพระเจ้า…ฉันไม่เคยคิดถึงข้อนี้มาก่อนเลย แต่รู้มั้ยฝ่ายคอสตูม (เสื้อผ้า) มักจะปรับเปลี่ยนชุดเพื่อความสะดวกสบายของนักแสดงเสมอ หากไวล์ดแคตต้องเดินทางไปเมืองไทยฉันคิดว่าน่าจะดัดแปลงชุดหน่อยฉันคงอยากให้ชุดหลวมขึ้นจะได้หายใจสะดวก อาจจะตัดแขนเสื้อให้สั้นลงหน่อยส่วนคอเสื้อคงกว้างขึ้นค่ะไม่ปิดคอเหมือนชุดปัจจุบันแน่นอน (หัวเราะพลางทำท่าประกอบ) ใส่กับกางเกงขาสั้นคงเหมาะเจาะเลยค่ะ (หัวเราะ) หลัก ๆ ก็คงขอให้ทีมคอสตูมทำให้ชุดหลวมขึ้นใส่สบายมากขึ้นค่ะ ถ้าเมืองไทยร้อนและชื้นมากเราคงต้องถ่ายในที่ร่มและมีแอร์แน่นอนค่ะ ที่จริงแล้วฉันไม่อยากให้ชุดของไวล์ดแคตแตกต่างจากในคอมิกเลยค่ะต่อให้อากาศจะร้อนแค่ไหนก็ตามฉันคงไม่เปลี่ยนหรอกค่ะ
ติดตามชมซีรีส์ DC’s Stargirl Season 2 ทุกวันพุธ เวลา 20.00 น. ทาง Warner TV (True Vision ช่อง 228 และ AIS Play ช่อง 106) และสามารถรับชมซีรีส์ซีซันแรกทั้ง 13 ตอนได้แล้วทาง HBO GO
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส