‘เตเนเร’ (Ténéré) พื้นที่ทะเลทรายรกร้างว่างเปล่าที่ตั้งอยู่บริเวณทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาราในทวีปแอฟริกา ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ราบที่เต็มไปด้วยทรายกว้างใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไนเจอร์ (Niger) และติดต่อกับบริเวณทิศตะวันตกของประเทศชาด (Chad) มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 400,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งนอกจากจะไม่มีพื้นที่ติดทะเลแล้ว ยังแทบจะไม่มีต้นไม้หรือสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในบริเวณนี้เลย แต่เชื่อหรือไม่ว่า ในพื้นที่รกร้างของเตเนเรแห่งนี้ เคยมีต้นไม้เพียงต้นเดียวที่เหลือรอดจากการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศ และยืนต้นโดดเด่นกลางทะเลทรายซาฮารามาอย่างยาวนาน
ต้นไม้ต้นนี้เป็นต้นไม้ในตระกูลเดียวกับต้น ‘อาเคเชีย’ (Acacia) ซึ่งมีอายุประมาณ 300 ปี ที่เติบโตในพื้นที่ที่เคยเป็นป่าไม้มาก่อน แต่ด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง พื้นที่ทะเลทรายซาฮาราเริ่มขยายวงกว้าง ทำให้มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยเหลือเพียง 2.5 เซนติเมตรต่อปี และน้ำใต้ดินลดน้อยลง ทำให้ต้นไม้อื่น ๆ ตายหมด ยกเว้นแต่ ‘อาเคเชีย’ (Acacia) ต้นนี้ กลายเป็นต้นไม้เพียงต้นเดียวในรัศมี 400 กิโลเมตรที่ยังมีชีวิตเหลือรอดอยู่ได้ จนทำให้มันได้รับฉายาว่า ‘ต้นไม้แห่งเตเนเร’ (The Tree of Ténéré)
แม้ว่าต้นไม้แห่งเตเนเรต้นนี้จะไม่ใช่ต้นไม้ต้นแรกที่ยืนต้นกลางทะเลทรายซาฮารา แต่วันเวลาผ่านไป ต้นไม้แห่งเตเนเรต้นนี้ก็กลายเป็นต้นไม้ไม่กี่ต้นที่ยังคงยืนต้นอยู่ได้ มันกลายมาเป็นต้นไม้ที่มีความสำคัญยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับนักเดินทาง กองคาราวาน และพ่อค้าที่นำอูฐทีี่บรรทุกสินค้า เช่นเกลือ อินทผาลัม ฯลฯ ที่จำเป็นต้องเดินทางผ่านทะเลทราย เพื่อเป็นจุดหยุดพักจุดเดียวในบริเวณนี้ ทำให้ต้นไม้ต้นนี้จึงกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อทางไสยศาสตร์ ที่นักเดินทางต่างให้ความเคารพและไม่กล้าที่จะทำอันตรายมาอย่างยาวนานหลายชั่วอายุคน
จนกระทั่งในปี 1939 ประเทศไนเจอร์ตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของฝรั่งเศส กองบัญชาการทหารของฝรั่งเศสในเวลานั้นเกิดความประหลาดใจเมื่อได้พบกับต้นไม้ต้นนี้ พวกเขาจึงได้เริ่มสำรวจความลับว่าทำไมต้นไม้ต้นนี้จึงอยู่ได้ท่ามกลางทะเลทราย แม้ว่ามันจะสูงเพียง 2-3 เมตร และมีกิ่งก้านอยู่เพียงไม่กี่กิ่ง และพบว่า ต้นไม้ต้นนี้หยั่งรากลึกลงไปกว่า 35 เมตร (110 ฟุต) ไปจนถึงแหล่งน้ำใต้ดิน นั่นจึงทำให้กองทัพฝรั่งเศสจึงเริ่มต้นขุดบ่อน้ำบริเวณใกล้ ๆ กับต้นไม้ต้นนี้ และด้วยความที่มันเป็นต้นไม้ที่สำคัญสำหรับนักเดินทาง ต้นไม้ต้นนี้จึงเป็นต้นไม่้ไม่กี่ต้นที่ถูกระบุไว้ในแผนที่อย่างเป็นทางการ เพื่อให้นักเดินทางใช้เป็นจุดสังเกตและจุดแวะพักสำคัญเมื่อยามต้องเดินทางมาในบริเวณนี้
จุดจบของต้นไม้ต้นนี้ตามที่มีการบันทึกไว้ว่า ในปี 1973 มีคนขับรถบรรทุกคนหนึ่งได้ขับรถพุ่งชนต้นไม้ต้นนี้เข้าอย่างจัง แม้ว่าจะไม่มีการบันทึกว่าชายคนขับรถคันนี้ชื่อว่าอะไร แม้ว่าจะไม่ได้มีข้อมูลยืนยันมากนัก แต่มีการสันนิษฐานว่า คนขับรถผู้นี้อาจเมาสุราในระหว่างขับรถ จนเกิดความประมาท ส่งผลทำให้ต้นไม้อายุกว่า 300 ปีลำต้นหักโค่นลงในที่สุด
และด้วยความที่ชาวไนเจอร์ถือว่าต้นไม้ต้นนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ วันที่ 8 พฤศจิกายน 1973 จึงได้มีการนำเอาซากต้นไม้ที่ยังเหลืออยู่ไปเก็บรักษาไว้ยังพิพิธภัณฑ์แห่งชาติไนเจอร์ ที่ตั้งอยู่ ณ เมือง ‘นีอาเม’ (Niamey) เมืองหลวงของประเทศไนเจอร์ ส่วนจุดที่ตั้งต้นไม้เดิม ได้มีการสร้างประติมากรรมศิลปะรูปต้นไม้จากโลหะขึ้นมาแทนที่เพื่อให้คนรุ่นหลังเคยรำลึกว่า ณ บริเวณนี้เคยมี “ต้นไม้โดดเดี่ยวแห่งทะเลทรายซาฮารา” ตั้งอาศัยอยู่
อ้างอิง | อ้างอิง | อ้างอิง | อ้างอิง
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส