‘No Time To Die’ ภาพยนตร์ล่าสุดในแฟรนไชส์ James Bond ที่มีมายาวนานเกือบ 60 ปี ทำรายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกอย่างเป็นทางการในสหรัฐฯ ไป 56 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1,900 ล้านบาท
รายได้ดังกล่วค่อนข้างน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ด้านสื่อได้คาดการณ์ว่าอาจเปิดตัวในสหรัฐฯ ด้วยรายได้ที่สูงราว 80 – 100 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 2,700 – 3,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากสถานกาณณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้โรงภาพยนตร์ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ รายได้เปิดตัวเปิดตัวดังกล่าวยังน้อยกว่าภาพยนตร์ James Bond ภาคก่อนที่ แดเนียล เครก (Daniel Craig) นำแสดง ไม่ว่าจะเป็น Spectre (2015), Skyfall (2012) และ Quantum of Solace (2008) ที่ทำไว้ 70.4 ล้านเหรียญ, 88.4 ล้านเหรียญ และ 67.5 ล้านเหรียญ ตามลำดับ
แต่ถึงกระนั้น ‘No Time To Die’ ก็สามารถทำรายได้ทั่วโลกไปสูงถึง 313.3 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 10,600 ล้านบาท จากการที่หลายประเทศได้ล่วงหน้าสหรัฐฯ ไปก่อนแล้ว 1 สัปดาห์ และยังได้รับคะแนนวิจารณ์จากเว็บไซต์วิจารณ์ภาพยนตร์ CinemaScore ไปในแง่ดี ในระดับ ‘A-‘
Paul Dergarabedia นักวิเคราะห์ด้านสื่ออาวุโสของ Comscore ได้กล่าวว่า “ต้องรอดูในระยะยาวว่า ‘No Time To Die’ จะประสบความสำเร็จในระดับใด เนื่องจากผู้ชมบางส่วนอาจยังไม่รีบเข้าไปชมภาพยนตร์ในสัปดาห์แรกนี้”
ข้อมูลอ้างอิง : cnbc, boxofficemojo และ screenrant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส