สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า อธิการบดีของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโอซากะ (Hospital of Osaka University School of Medicine) ประเทศญี่ปุ่น ได้ออกมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า พบความผิดปกติของระบบท่อประปาของอาคารในแผนกคลินิกของโรงพยาบาลโอซากา ของคณะแพทยศาสตร์มีความผิดปกติ ซึ่งทำให้ก๊อกน้ำ 120 ตัวเชื่อมต่อกับท่อน้ำสำหรับใช้บริโภคและทำความสะอาด กลับเชื่อมต่อกับท่อน้ำที่ใช้ในห้องน้ำเชื่อมต่อกับน้ำที่ได้จากการบำบัดสำหรับใช้ในห้องสุขามานานเกือบถึง 30 ปี
เว็บไซต์ข่าวของหนังสือพิมพ์ ‘โยะมิอุริ ชิมบุน’ (Yomiuri Shimbun) ของญี่ปุ่นได้รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา บุคลากรของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโอซากา ได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการว่า อาคารแผนกคลินิกของโรงพยาบาล ที่อยู่ในบริเวณพื้นที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโอซากะ ที่ตั้งอยู่ ณ เมืองซุยตะ จังหวัดโอซากะ ได้ตรวจพบว่ามีความผิดปกติของระบบท่อประปาภายในอาคาร
โดยพบว่า หัวก๊อกน้ำ 120 ตัวที่เจ้าหน้าที่และผู้ป่วยภายในโรงพยาบาลใช้สำหรับบริโภค ทั้งเป็นน้ำดื่ม ล้างมือ บ้วนปาก ฯลฯ นั้นเป็นท่อน้ำที่ต่อมาจากระบบสุขาเพื่อสำหรับใช้ในห้องส้วม เนื่องจากเป็นน้ำบาดาลที่ไม่ได้มีการบำบัดอย่างถูกสุขลักษณะเพียงพอสำหรับใช้ในการบริโภค ทำให้เจ้าหน้าที่และผู้ป่วยจึงได้ใช้น้ำเหล่านั้นในการบริโภคอย่างไม่ตั้งใจมานานถึง 30 ปี
ตามรายงานพบว่า อาคารโรงพยาบาลแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นแล้วเสร็จในปี 1993 หรือเมื่อ 28 ปีที่แล้ว โดยในระหว่างก่อสร้างคาดว่า มีการออกแบบและวางระบบที่ผิดพลาดในระหว่างการวางระบบน้ำประปา โดยแทนที่จะวางระบบน้ำสะอาดที่ผ่านการบำบัดต่อเข้าท่อน้ำสำหรับบริโภค ผู้รับเหมากลับสลับต่อท่อน้ำบาดาลที่มีการบำบัดอย่างง่าย ๆ สำหรับน้ำเพื่อใช้ชำระในห้องสุขาแทนมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ซึ่งกว่าจะพบปัญหานี้ก็ต้องรอมานานกว่า 30 ปี ในระหว่างที่กำลังมีการสำรวจเพื่อเตรียมโครงการก่อสร้างอาคารเพื่อการวินิจฉัยและรักษาโรคสำหรับผู้ป่วยนอกแห่งใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ที่ทำการสำรวจได้พบสิ่งผิิดสังเกตนี้เข้า
โดยปกติแล้ว โรงพยาบาลได้มีการตรวจคุณภาพน้ำ เพื่อตรวจดูสี กลิ่น รสชาติ และคุณภาพด้านอื่น ๆ เป็นประจำสัปดาห์ละครั้งอยู่แล้ว ซึ่งในบันทึกการตรวจคุณภาพน้ำตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2014 ของมหาวิทยาลัยโอซากะ ไม่พบว่ามีสิ่งแปลกปลอมหรือความผิดปกติที่ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพแต่อย่างใด
‘คาซึฮิโกะ นะกะทะนิ’ (Kazuhiko Nakatani) ผู้อำนวยการโรงพยาบาล และรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยโอซากะ ได้โค้งคำนับและกล่าวขออภัยในกรณีนี้ระหว่างการแถลงข่าวว่า “ผมมีความรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย ที่ให้บริการการรักษาพยาบาลระดับสูงนั้นทำให้เกิดความกังวลโดยไม่จำเป็น แม้ว่าจะมีการตรวจคุณภาพน้ำสัปดาห์ละครั้ง แต่ผมก็ไม่อาจจะพูดได้เต็มปากว่า (น้ำจากห้องสุขา) จะส่งผลต่อสุขภาพหรือไม่”
และยังมีการเผยเพิ่มเติมว่า อาคารทั้ง 105 แห่งภายในวิทยาเขต มีวางระบบท่อน้ำบาดาลเข้ากับก๊อกน้ำที่ใช้บริโภคด้วยเช่นกัน ซึ่งในขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยกำลังทำการตรวจสอบระบบท่อประปาทั่วทั้งวิทยาเขตอย่างละเอียด
เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดกระแสขึ้นอย่างกว้างขวางในญี่ปุ่น ทำให้ชาวเน็ตญี่ปุ่นจำนวนมากต่างแสดงความเห็นต่าง ๆ เช่น “นี่ไม่ใช่ความผิดของโรงพยาบาล แต่คนที่ทำงานก่อสร้างควรต้องรับผิดชอบ” “อย่างไรก็ตาม ก็ควรต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดว่าใคร และเมื่อไรที่มีการเชื่อมต่อท่อน้ำผิดพลาด” “ก็หวังว่าคงไม่่มีใครมีปัญหาสุขภาพจากเรื่องนี้ล่ะนะ”
และ “เหมือนเพื่อนเคยบอกกับฉันมาก่อนนะว่าน้ำที่โรงพยาบาลนี้รสชาติดี แต่ว่าการที่ไม่ได้พบปัญหาอะไรก็ไม่ได้แปลว่าคุณภาพน้ำไม่มีปัญหาหรอกนะ”
อ้างอิง | อ้างอิง | อ้างอิง | อ้างอิง
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส