Forbes ได้รายงานว่า จากการที่ ‘Eternals’ ทำรายได้ในสหรัฐฯ ไปอีก 5.25 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 173 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2021 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลทำให้แฟรนไชส์ MCU (Marvel Cinematic Universe) ทำรายได้รวมเฉพาะในสหรัฐฯ ไปได้สูงถึงหลัก 9,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 296,000 ล้านบาท แล้ว
ด้วยรายได้อันมหาศาลนี้ ได้ส่งผลทำให้ MCU กลายเป็นแฟรนไชส์ภาพยนตร์ระดับบล็อกลัสเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฮอลลีวูดไปแล้วในขณะนี้ โดยภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดในแฟรนไชส์คือ ‘Avengers: Endgame’ (2019) ที่ทำรายได้ในสหรัฐฯ ไป 858 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 28,200 ล้านบาท อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทำรายได้รวมทั่วโลกไปสูงสุดตลอดกาล ถึง 2,700 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 88,700 ล้านบาท อีกด้วย
นอกจากนี้ ภาพยนตร์ 6 เรื่องของ MCU ก่อนที่จะเข้าสู่ยุค COVID-19 ระบาด ก็ทำรายได้อย่างน่าประทับใจ มากกว่าหลัก 500 ล้านเหรียญ ยกเว้นแค่เพียง ‘Ant-Man and the Wasp’ (2018) ที่ทำรายได้น้อยไปสักหน่อย เพียงแค่ 216 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 7,100 ล้านบาท
เมื่อเข้าสู่ช่วงที่ COVID-19 ระบาดอย่างหนัก ได้ส่งผลทำให้รายได้ภาพยนตร์ลดลงจากมาตรฐานที่ MCU ตั้งเอาไว้อย่างชัดเจน โดย ‘Black Widow’ ทำรายได้ในสหรัฐฯ ไปเพียง 183 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 6,000 ล้านบาท และ ‘Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings’ ก็ทำรายได้ในสหรัฐฯ ไปเพียง 223 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 7,300 ล้านบาท
ในขณะนี้ ‘Eternals’ ทำรายได้รวมในสหรัฐฯ ไป 80.8 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 2,600 ล้านบาท จากการฉายทั้งสิ้น 5 วัน
ข้อมูลอ้างอิง : screenrant