เว็บไซต์ Screenrant ได้รายงานว่า Netflix ได้ใช้ทุนสร้างภาพยนตร์แอ็กชันคอมเมดี้เรื่องล่าสุดอย่าง ‘Red Notice’ ไปถึง 200 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 6,600 ล้านบาท ซึ่งถือได้ว่าเป็นทุนสร้างอันมหาศาลมากสำหรับการร่วมงานกันครั้งแรกของ ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) กับทาง Netflix
ด้วยทุนสร้างอันมหาศาลนี้ ทำให้ ‘Red Notice’ ได้กลายเป็นภาพยนตร์ที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดของ Netflix ไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้ Netflix ก็ได้ทุ่มทุนสร้างภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ‘Bright’ (2017) ที่ใช้ทุนสร้างไป 90 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 2,900 ล้านบาท, ‘Triple Frontier’ ที่ใช้ทุนสร้างไป 155 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 5,100 ล้านบาท และ ‘The Irishman’ (2019) ที่ใช้ทุนสร้างไป 159 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 5,200 ล้านบาท
เหตุผลที่ทำให้ ‘Red Notice’ ใช้ทุนสร้างไปอย่างมหาศาลนั้น มาจากการที่ยอมจ่ายค่าตัวนักแสดงระดับแถวหน้าของฮอลลีวูดในยุคนั้นทั้ง 3 คน นั่นคือ ดเวย์น จอห์นสัน, ไรอัน เรย์โนลส์ (Ryan Reynolds) และ กัล กาด็อต (Gal Gadot) ไปคนละ 10 ล้านเหรียญ หรือคนละประมาณ 330 ล้านบาท อีกทั้งยังจ่ายให้ รอว์สัน มาร์แชลล์ เธอร์เบอร์ (Rawson Marshall Thurber) ผู้กำกับและเขียนบท ไปอีก 10 ล้านเหรียญ ทำให้ใช้เงินในส่วนนี้ไปแล้วถึง 70 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 2,300 ล้านบาท
นอกจากนี้ Netflix ยังประสบปัญหาการถ่ายทำภาพยนตร์ล่าช้า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยิ่งทำให้ทุนสร้างภาพยนตร์เพิ่มสูงขึ้นไปอีก จากเดิมที่ตั้งไว้ 160 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 5,200 ล้านบาท จนกลายเป็น 200 ล้านเหรียญดังที่กล่าวข้างต้น
เว็บไซต์ Variety ได้รายงานว่า Netflix ได้ทุ่มงบประมาณในการสร้างเนื้อหาในปี 2021 ไปมากถึง 17,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 558,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งอย่าง Amazon และ Disney+ ที่ใช้ทุนสร้างเนื้อหาในปี 2021 ไปประมาณ 5,210 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 171,000 ล้านบาท
นั่นแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นของ Netflix ในการสร้างเนื้อหาใหม่ ๆ สำหรับแพลตฟอร์มสตรีมมิง โดยที่ผ่านมานั้น Netfix ได้ประสบความสำเร็จด้วยการเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิงที่มีผู้สมัครบริการมากที่สุดในโลก รวมถึงภาพยนตร์ที่ทางบริษัทได้ทุ่มทุนสร้างไปอย่างมหาศาลอย่าง ‘Roma’ และ ‘The Irishman’ ยังได้รับคำชมและคว้ารางวัลมาได้มากมาย
ข้อมูลอ้างอิง : screenrant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส