‘คาปูชิโน’ น่าจะเป็นหนึ่งในกาแฟที่มีคนสั่งต่อวันมากที่สุด แต่เชื่อได้ว่าหลายคนคงยังไม่รู้ว่าที่มาของชื่อ ‘คาปูชิโน’ แท้ที่จริงแล้วเกี่ยวพันกับเรื่องของนักบวชเชียวนะ!

กาแฟคาปูชิโนถือกำเนิดในอิตาลี แต่ ‘ราก’ ของชื่อนั้นยาวไกลกว่านั้น เพราะมาจากนักบวชแห่งอารามกาปูชิน ซึ่งเป็นนักบวชในศาสนาคริสต์ นิกายโรมัน คาทอลิก ที่มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมานาน คณะนักบวชกาปูชินนั้นเฟื่องฟูรุ่งเรืองอย่างมากในสมัยศตวรรษที่ 15-16 อารามกาปูชินตั้งอยู่ในเมืองลูกาโน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อลงมาถึงอิตาลี หลายคนอาจจะนึกสงสัยว่าอารามกาปูชินที่มีพื้นเพอยู่บนภูเขานอกเมือง เหตุใดถึงมาเกี่ยวข้องกับกาแฟได้ล่ะนี่?

คำตอบของคำถามดังกล่าวต้องย้อนไปในปี 1562 ตอนนั้นนักบวชกาปูชินได้ทำข้อตกลงกับสุลต่านสุไลมานที่ 1 ซึ่งเป็นสุลต่านแห่งจักรวรรดิออตโตมัน ว่าให้มีการส่งกาแฟมายังเมืองลูกาโน โดยคำว่า coffee นั้น มาจากศัพท์ตุรกีว่า kahve ซึ่งจริง ๆ แล้วหมายถึงเครื่องดื่มที่ทำจากต้นเบอร์รีนั่นเอง ตำนานของกาแฟเกิดขึ้นจากเด็กเลี้ยงแกะในเอธิโอเปียชื่อคาลดี้ เกิดไปเห็นว่าแกะที่กินเมล็ดกาแฟเข้าไปมีอาการตื่นอยู่ตลอดคืน สุดท้ายคาลดี้ก็เลยลองกินดูบ้าง 

กวีตะวันออกกลางจะพูดถึงกาแฟว่าเป็นไวน์จากลูกเบอร์รีของต้นกาแฟ และเป็นไวน์ที่ทำให้ตื่นอยู่ได้ตลอดทั้งคืน อีกทั้งยังใช้กันในหมู่ลัทธิซูฟี อันเป็นลัทธิรหัสนัยในตะวันออกกลางสำหรับจักรวรรดิออตโตมัน ซึ่งย้อนกลับไปตอนนั้นมีผู้คนดื่มกาแฟกันเยอะมาก เรียกได้ว่าเป็นไลฟ์สไตล์ของพวกเขาเลยแหละ อีกทั้งยังมีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับกาแฟที่หลากหลาย

สุลต่านสุไลมานที่ 1

ออตโตมันนั้นได้กาแฟมาจากชาวซีเรียอีกต่อหนึ่ง เมล็ดกาแฟเมล็ดแรกที่ไปถึงอิสตันบูลคือในปี 1555 แล้วก็กลายมาเป็นเครื่องดื่มประจำของเหล่านักเล่นหมากรุกและนักคิดภายในเวลาอันรวดเร็ว กาแฟกลายเป็นเครื่องดื่มที่คนนิยมกันมาก โดยเฉพาะนักเต้นรำลมวนที่เรียกว่าเดอร์วิช และมีพิธีชงกาแฟที่สง่างาม ตามประวัติศาสตร์ถ้าจะชงกาแฟให้สุลต่านดื่ม ต้องใช้คนมากถึง 40 คน ในการทำพิธีที่เรียกว่า คาห์เวชิ อุสตา (kahveci usta) มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะนึกสงสัยว่า แล้วทั้งหมดที่เล่ามานี้เกี่ยวข้องอะไรกับอารามกาปูชิน?

ตามตำนานเล่าว่า นักบวชกาปูชินนั้น มีชื่อเลื่องลือในเรื่องไวน์ ชีสและอาหารอย่างยิ่ง โดยเฉพาะบลูชีสของนักบวชกาปูชินนั้นว่ากันว่าไม่เป็นสองรองใคร ซึ่งหลังจากที่เหล่านักบวชได้กาแฟมาจากสุลต่าน พวกเขาก็เก็บรักษามันไว้อย่างดีในห้องเก็บอาหาร

ซึ่งมีอยู่วันหนึ่งในปี 1563 เกิดไฟไหม้อารามขึ้นมา นักบวชกาปูชินจึงเอานมที่มีอยู่จำนวนมากมาดับไฟ ปรากฏว่าขณะที่ไฟนั้นกำลังไหม้เมล็ดกาแฟอยู่ บวกกับนมที่ถูกราดไปลงไป ทำให้เกิดฟองขึ้นมา ซึ่งนั่นกลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักบวชกาปูชิน หันมาทำกาแฟใส่นมและตั้งชื่อว่ามันว่า ‘คาปูชิโน’ นอกจากตำนานเกี่ยวกับนักบวชแล้ว อีกกระแสหนึ่งก็บอกว่า คาปูชิโนมาจากเครื่องแต่งกายมากกว่า 

คาปูชิโนมาจากคำว่า คาปุคชิโอ (Cappuccio) ซึ่งแปลว่าหมวกยอดแหลม อันเป็นเครื่องแบบของนักบวชกาปูชิน เครื่องแบบที่ว่ามีสีขาว-ดำ ซึ่งก็เหมือนกาแฟที่มีสีดำ แล้วใส่ ‘หมวก’ สีขาว 

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม รู้หรือไม่ว่า คำว่าคาปูชิโนเพิ่งจะถูกพูดในภาษาอังกฤษเป็นครั้งแรกก็เมื่อปี 1948 นี่เอง!

อ้างอิง:

https://bit.ly/3wKbnkG

หนังสือ The World Atlas of Coffee

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส