แรกเริ่มได้เห็นภาพบนจอรู้สึกได้ว่าหนังมันอลังการมาก จากภาพมุมกว้างที่เนรมิตฉากเมืองอียิปต์โบราณยุครุ่งเรือง แล้วกล้องก็บินเข้าไปในตลาด ได้เห็นภาพเทวรูป อนุสาวรีย์ ปราสาทราชวัง เครื่องแต่งกายแบบเลอเลิศ ตัวประกอบนับหมื่น ทหารนับพัน รวมกันยิ่งทำให้รู้สึกน่าทึ่งกับวิทยาการซีจีกับความใส่ใจในทุก ๆ รายละเอียด แต่ยิ่งเวลาเดินหน้าไปกลับทำให้ความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ยิ่งวิ่งดิ่งลงเรื่อย ๆ ด้วยความที่เยอะของหนัง อัดทุกอย่างมาแน่น จนไม่มีจังหวะผ่อนหนักผ่อนเบา
เช่นเดียวกับที่เรารับรู้เรื่องคร่าว ๆ จากตัวอย่างหนังที่โหมดโปรโมท เปิดเรื่องมา ฮอรัส ก็โดน เซ็ธ ผู้เป็นอาแย่งชิงบัลลังก์ในวันราชาภิเษก และควักลูกตาทั้ง 2 ข้างไป เพียงไม่นาน เบ็ค หัวขโมยชั้นเซียนก็บุกเข้าท้องพระคลังไปขโมยดวงตามาคืนให้ฮอรัสแล้ว หนังเดินเรื่องเร็วมาก เรื่องราวที่เหลือจากนั้นก็คือการร่วมผจญภัยระหว่างฮอรัส กับ เบ็ค ที่ดำเนินภารกิจแก้แค้นและชิงบัลลังก์จากเซ็ธ โดยมีบรรดาเทพต่าง ๆ แวะเวียนมาช่วยเหลือ
หนังเป็นผลงานเขียนของ แม็ต ชาซาม่า และ เบิร์ค ชาร์ปเลส คู่หูที่ร่วมกันเขียน Dracula Untold (2014) และ The Last Witch Hunter (2015) พอเห็น 2 เรื่องก่อนหน้า รู้สึกถึงความละม้ายถึงกันได้เลย บทดูจะเป็นจุดผิดพลาดที่สุดของ Gods Of Egypt แล้ว ด้วยความที่ไอเดียล้นของทั้งคู่คิดอะไรได้ก็เลยใส่มาหมดแบบไม่ยั้ง จนรู้สึกว่าเยอะเกินไป ทั้งซีจีในทุก ๆ วินาทีของหนัง ทั้งตัวละครที่มากมาย และเวลาที่ลากยาวกว่า 2 ชั่วโมงก็พาให้ช่วงท้าย ๆ เกือบหาวได้เหมือนกัน ตลอดเรื่องเราได้เห็น เบ็ค และ ฮอรัส ผจญภัยไปทั่ว ขึ้นไปถึงดวงอาทิตย์ ลงไปถึงปรโลก ไปสู้กับสฟิงซ์ สู้กับบรรดาตัวประหลาดที่ เซ็ธ ส่งมาจัดการ ซึ่งฟังแล้วดูน่าจะสนุกนะ แต่เอาเข้าจริงหนังกลับพาอารมณ์ไปไม่ได้สุด ด้วยความที่ยัดทุกอย่างมาเต็มไปหมด พอถึงฉากไคลแมกซ์การต่อสู้ระหว่าง ฮอรัส กับ เซ็ธ ในช่วงท้ายก็เลยไม่น่าตื่นตาเพราะคนดูชาชินกับฉากซีจีมากว่าสองชั่วโมงแล้ว อีกทั้งการเล่าถึงพลานุภาพของเซ็ธ ที่ได้ปีก ได้สมอง ดวงตา หัวใจ มาจากบรรดาเทพแต่ละองค์ ยิ่งทำให้เซ็ธดูน่าเกรงขาม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เห็นเซ็ธใช้ความสามารถเหล่านี้แต่อย่างใด
หนังใช้ทุนสร้าง 140 ล้านเหรียญ ถูกกว่าการ์ตูนอย่าง Inside Out อีก ก็เลยทำให้งานซีจีบางช่วงบางตอนจึงดูไม่แนบเนียนนัก ถึงแม้เรื่องราวของหนังจะเป็นอียิปต์ล้วน ๆ แต่หนังกลับไม่ใช้บริการดาราชาวอียิปต์เลยสักคน จุดนี้จึงทำให้หนังมีข้อครหาพอควร กับการที่ให้ดารายุโรป – อเมริกันมารับบทเป็นบรรดาเหล่าเทพเจ้าชาวอียิปต์ เจอร์ราร์ด บัตเลอร์ เป็นชื่อขายที่สุดของเรื่องนี้ แทบจะไม่ต้องพลิกแพลงบทบาทการแสดงแต่อย่างใดเลย มาในมาดเดิมล้วน ๆ ฟิตร่างกายเพิ่มอีกหน่อย แต่ก็ไม่ได้โชว์ซิกซ์แพ็คเหมือนตอน 300 นะ สัปดาห์หน้าก็จะได้เจอกับ เจอร์ราร์ด อีกแล้วนะใน London Has Fallen นิโคลาส คอสเตอร์ วอลดู จากบท เจมี่ ลานนิสเตอร์ ในซีรีส์ Game Of Thrones ได้ขึ้นแท่นพระเอกนำครั้งแรกซะที ส่วนที่น่าดูที่สุดคือน้องหนู คอร์ทนีย์ อีตัน จาก Mad Max ที่หน้าเด็กแต่ก็โชว์อึ๋มให้ได้ดูทั้งเรื่อง แถมดารารุ่นใหญ่ที่ไม่ได้เห็นหน้ามานานอย่าง จอฟฟี่ รัช และ ไบรอัน บราวน์ ก็โผล่มาในบทพ่อลูก รา และ โอซีริส
Gods Of Egypt เป็นหนังที่ขายความบันเทิงอย่างแท้จริง อย่าคาดหวังมากนักดูเอาเพลิน ๆ ไปกับดารานำหน้าตาดี ฉากเลิศหรูอลังการและซีจีแบบอัดแน่นในระยะเวลา 2 ชั่วโมง 7 นาที