ภาคแรกออกมาชนกับหนังคู่แฝดในปีเดียวกันอย่าง White House Down แต่ทำกำไรชนะ White House Down ไป ทางค่ายเลยตัดสินใจทำภาค 2 แต่ อังตวน ฟุควา ผู้กำกับเดิมอ่านบทแล้วไม่ชอบใจเลยไม่กลับมาทำภาคต่อ เลยได้ บาบัก นาจาฟิ มากำกับแทน บาบัก นี่ก็โนเนมมาก ๆ ก่อนหน้านี้ก็กำกับซีรีส์ Banshee มาไม่กี่ตอน เลยกะว่าดูผ่าน ๆ ไปไม่คาดหวังอะไรมากตามสไตล์หนังภาคต่อที่เล่นมุกเดิมจากภาคแรกแค่เปลี่ยนสถานที่ แต่ผิดคาดมันกลายเป็นหนังแอ็คชั่นสูตรสำเร็จที่จัดเต็มจัดหนักมาก เพิ่มดีกรีทุกอย่างจากภาคแรกหมด รอบนี้ไม่ถูกจำกัดขอบเขตการไล่ล่ากันอยู่แค่ในพื้นที่จำกัดอย่างทำเนียบขาวอีกแล้ว ไมค์ แบนนิ่ง เลยต้องกระเตงประธานาธิบดีวิ่งหนีไปทั่วลอนดอนเลย แก๊งผู้ร้ายก็ดุกว่าเดิม ไมค์ ก็เลยต้องโหดกว่าเดิม อัดฉากแอ็คชั่นกันต่อเนื่องให้จุใจแบบไม่ได้พักเลย
เหตุเพราะว่าเป็นภาค 2 หนังก็เลยไม่ต้องเสียเวลาแนะนำตัวละครกันนาน เริ่มเรื่องไม่นานก็ได้ดูฉากใหญ่ลอนดอนระเนระนาดกันแล้ว ในหนังมีฉากใหญ่ให้ดูมากกว่าที่เห็นในตัวอย่างนะ ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องราวการพาประธานาธิบดีหนีการไล่ล่า เป็นฉากไล่ล่าที่ทำออกมาได้สนุกมากหนีกันทั้งบนฟ้า บนถนน รอบนี้ประธานาธิบดีเองก็ออกมาพะบู๊เองมากขึ้น ได้มีฉากโชว์เท่มากขึ้น มอร์แกน ฟรีแมน ในบทรองประธานาธิบดีเอง ก็มีบทบาทบนจอมากขึ้น ทั้งไมค์ และประธานาธิบดี ทั้งคู่ต่างตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากที่เรียกว่าต้องหนีหัวซุกหัวซุนกันทั้งเรื่อง ถึงแม้รู้ว่าหนังสไตล์นี้ไงก็รอดอยู่แล้วแต่ก็อดช่วยลุ้นเอาใจช่วยไม่ได้ หนังเดินหน้าไปแบบเคร่งเครียดแต่ก็ยังมีมุกหยอดในบทสนทนาของทั้งคู่พอให้ผ่อนคลายไปได้ ชอบที่มีการเสริมเรื่องราวของไส้ศึกปริศนาที่แทรกซึมในหน่วย MI6 ทำให้ดูไปแล้วคาดเดาไปว่าไอ้นี่มั้ง ไอ้นั่นแน่เลย แต่ไม่ชอบที่เผยตัวแบบง่าย ๆ ไม่ได้ให้เวลากับการสืบหาตัวเลย ก็ถือว่าน่าชื่นชมครับสำหรับ เครกตัน โรเธนเบอร์เกอร์ และ แคธริน เบเนดิค คู่หูจากภาคแรกที่กลับมาเขียนเรื่องราวภาคต่อ แล้วหาทางออกให้กับเรื่องราวได้ไม่จำเจ น่าจะพ้นคำสาปหนังภาค 2 ที่มักง่อยเปลี้ยและพารายได้ลงเหวไปได้
น่าสงสารคือดารารุ่นใหญ่หลายคนอย่าง เมลิสา ลีโอ , โรเบิร์ต ฟอสเตอร์ และ แจ๊คกี้ เอิร์ล เฮลีย์ แต่ละคนมีเครดิตเข้าชิงออสการ์กันมาแล้วทั้งนั้น แต่ต้องมารับบทนักการเมืองระดับสูงมานั่งร่วมโต๊ะประชุมแก้ไขสถานการณ์ ทำหน้าเหวอตกใจ มีบทพูดกันแค่คนละคำสองคำ ที่น่าตลกคือผู้กำกับ บาบัก นาจาฟิ เป็นผู้กำกับชาวอิหร่านแต่กลับต้องมาทำหนังที่โคตรโปรโมทสหรัฐอเมริกาอย่างชัดเจนแล้วผู้ร้ายจอมโฉดก็เป็นชาวตะวันออกกลางอีกแล้ว ผ่านเรื่องนี้ไป บาบัก น่าจะเป็นผู้กำกับที่มีงานต่อไปรอต้อนรับเป็นแน่ ด้วยสไตล์การทำหนังออกมาได้มันส์สะใจ แถมโชว์กึ๋นด้วยการใส่ลองเทคยาว ๆ ในฉากเดินเท้าสาดกระสุนในตรอกลองตั้งใจดูนะครับฉากนี้หมุนกล้องกัน 360 องศา คุมคิวได้เป๊ะและเนียนมาก มีฉากซีจีใหญ่ ๆ อัดแน่นมากในช่วงต้น ถือว่าเนียนได้มาตรฐานหนังฮอลลีวู้ดยุคหลัง เรียกว่าใช้ทุนไปได้คุ้มเงิน 105 ล้าน เหรียญ มากกว่าภาคก่อนที่ใช้เพียง 70 ล้านเหรียญ แต่ด้วยความมันส์อัดแน่นเชื่อว่าหนังได้ทุนคืนจากการฉายทั่วโลกกลับมาเร็วแน่ ถ้าเทียบกับหนังแอ็คชั่นในช่วง 2-3 ปีหลัง London Has Fallen จัดว่าเป็นหนัง แอ็คชั่นที่ทำออกมาได้สนุกมากครับ ในเวลาสั้น ๆ แค่เพียง 99 นาที