ต้องยอมรับว่าปีนี้ ซีรีส์สัญชาติเกาหลีมาแรงมาก และไมไ่ด้แรงเฉพาะในไทยหรือในเอเชีย แต่ดังกระฉ่อนไปไกลถึงอเมริกา ไม่ใช่แค่ ‘Squid Game’ แต่ยังมีซีรีส์อีกหลายเรื่องบนสตรีมมิงที่โดดเด่นไม่แพ้กัน ขณะเดียวกันการเปิดตัวของ Disney+ Hotstar ก็ทำให้เราได้ชมซีรีส์จากจักรวาลมาร์เวลอยู่หลายเรื่อง ไปดูกันว่า 10 ซีรีส์ที่ประทับใจทีมรีวิวแบไต๋มีเรื่องอะไรบ้าง

Hometown Cha-Cha-Cha
ถ้ายกซีรีส์เกาหลีเรื่องหนึ่งขึ้นมาในพื้นที่ซีรีส์แห่งปี น่าแปลกที่เรื่องนี้อาจดูทิ้งความรู้สึกบางอย่างไว้มากกว่าเรื่องอื่น ๆ มันไม่ได้ยิ่งใหญ่เป็นปรากฏการณ์ระดับโลกอย่าง Squid Game แต่มันมีหัวใจอยู่ในนั้นมากอย่างเหลือล้น ซึ่งการเป็นที่สุดแห่งปีจะขาดไปไม่ได้

Squid Game
ถือว่าเป็นซีรีส์ที่ยืนหนึ่งแห่งปีอย่างสมศักดิ์ศรี ที่แม้ว่าหนัง Survival ประเภทเกมท้าตายจะไม่ใช่ของใหม่ แต่ตัวซีรีส์ก็มีดีในแง่ของการนำเสนอพล็อตเรื่องราวที่เป็นเหตุเป็นผล ออกแบบงานโปรดักชันได้น่าสนใจ และนำเสนอได้อย่างตื่นเต้นและดาร์กสะใจได้ในเวลาเดียว (แม้ตอนท้ายจะจบแบบออกทะเลไปสักหน่อย) แต่ความน่าสนใจทั้งหมดนี้ก็ทำให้ ‘Squid Game’ กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ฮิตระเบิด และเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่เกาหลีเหนือ!

Loki
ด้วยความชาญฉลาดจากบทที่เล่นกับเรื่องของเวลา และมิติคู่ขนาน จากฝีมือของผู้เขียนบทซีรีส์แอนิเมชันสุดโต่งอย่าง Rick & Morty ทำให้ Loki กลายเป็นซีรีส์ที่สนุกอย่างเหลือเชื่อ มีความบ้าบิ่น กอปรกับตัวละคร Loki นั้น มีมิติหลายชั้นซ่อนอยู่ ก็ทำให้ผู้ชมเอาใจช่วยเขาได้ไม่ยาก นี่คือจุดเริ่มต้นของ Multiverse ที่ Marvel Studios ปั้นให้เป็นจุดขายต่อไปของ MCU

Move to Heaven
ซีรีส์เรียบง่าย อบอุ่น แต่เร้าอารมณ์และสามารถเรียกน้ำตาเราออกมาได้เรื่อย ๆ บทและการแสดงของตัวแสดงหลัก ชัดเจน สมจริงจนส่งผ่านความรู้สึกมาถึงคนดูได้จนจุกอก ชี้ชวนให้เราให้ความสำคัญกับสิ่งละอันพันละน้อยในชีวิตและความสัมพันธ์กับคนรอบตัวในชีวิตรวมไปถึงผู้คนต่าง ๆ ที่เราได้พานพบ ชอบความละเอียดอ่อนของตัวละครและการวางโครงเรื่องในแต่ละตอนที่มีกลิ่นอายการสืบสวนนิด ๆ ให้ชวนติดตาม แถมยังมีเพลงคลาสสิกประกอบในแต่ละตอนที่เข้ากันและถ่ายทอดอารมณ์หรือความหมายลึก ๆ ในแต่ละตอนได้เป็นอย่างดี

WandaVision
ตัวบทค่อยปอกเปลือกตัวละคร Wanda ที่รับบทโดย อลิซาเบธ โอลเซ่น (Elizabeth Olsen) ที่ละชั้นจนผู้ชมสัมผัสได้จริง ๆ ว่า เธอเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก และอ้างว้างมากเพียงไร ส่งผลทำให้ตัวละครตัดสินใจแก้แค้นสังคม ไม่ต่างจากคนที่ถูกสังคมกดดันจนระเบิดความแค้นออกมา แม้ว่าจะไม่ตั้งใจทำร้ายใคร แต่ก็ต้องมีคนโดนลูกหลง และยากมากที่จะมีใครเข้าใจ

Vincenzo
ซีรีส์สะท้อนเรื่องราวความอยุติธรรมของคนที่อยู่ภายใต้ระบบ ผ่านการเล่าเรื่องด้วยดาร์กคอมเมดี้ ที่เรียกได้ว่าเปิดหัวเรียกเสียงฮาโบ๊ะบ๊ะกันตั้งแต่สองอีพีแรก แต่พอเข้าสู่อีพีที่ 3 เป็นต้นไป ก็สามารถเร่งเครื่องเดินหน้าความเข้มข้น โดยยังคงแทรกความโบ๊ะบ๊ะสไตล์โอเวอร์ไปตลอดทาง ผสมความจิกกัด เสียดสี และเรื่องราวสุดเซอร์ไพรส์ที่เดาทางได้ยาก รวมทั้งตัวละครทนายขี้เก๊กที่แสดงโดย ‘ซงจุงกิ’ ก็ถือว่าเอาอยู่และสอบผ่านได้อย่างสบาย ๆ

My Name
แม้พล็อตของ My Name จะไม่ได้ใหม่อะไรมาก แต่การปรากฎตัวของ ฮานโซฮี ในฐานะแอ็กชันสตาร์สาวสวยก็ยากล่ะที่เราจะมองข้ามเพราะทุกนาทีคือสายตาหนุ่ม ๆ ก็ไม่อาจละจากเธอ แต่พอเจอฉากแอ็กชันก็ลุ้นกันหืดขึ้นคอ แถมดรามาและปมต่าง ๆ ที่ซีรีส์ปูมายังขมวดจบตอนท้ายได้โคตรสะใจ

Mare of Easttown
ซีรีส์ค่อย ๆ เดินเรื่องไปอย่างเนิบช้า พาผู้ชมไปศึกษาสภาวะทางอารมณ์ของตัวละครที่เป็นตัวแทนชาวบ้านธรรมดาตามเมืองเล็ก ๆ โดยค่อยเพิ่มปมดราม่าที่ไร้ทางแก้ให้ตัวละครทีละนิด และสามารถปล่อยหมัดฮุกในตอนท้ายได้ตรงเป้า ที่สำคัญคือทีมนักแสดงและงานสร้างมีความเป็นธรรมชาติมาก ๆ

Hawkeye
อะไรก็เป็นไปได้ในจักรวาล MCU ยังคงเป็นคำกล่าวที่ใช้ได้ และยิ่งตอกย้ำให้เห็นชัดในซีรีส์ต้อนรับคริสต์มาสเรื่องนี้ ที่คลุมเนื้อเรื่องด้วยบรรยากาศแบบคริสต์มาสและการเล่าเรื่องแบบซีรีส์ครอบครัว แต่มันก็ยังสามารถเชื่อมโยงกับเหตุการณ์หลัง ‘Avengers: Endgame (2019)’ ได้อย่างกลมกลืน ผ่านเรื่องราวที่เล่าอย่างสบาย ๆ ไม่ซับซ้อน ผสมกับการแทรกมุกตลกเข้ามาให้ได้ยิ้มเป็นระยะ และมีเจ้าน้องหมาโกลเดนรีทรีฟเวอร์ตาเดียวที่ชื่อว่า ‘Lucky’ หรือ ‘Pizza Dog’ มาสร้างสีสันอีกต่างหาก แม้ว่า ณ ตอนนี้จะยังไม่จบ แต่ก็เป็นซีรีส์ที่เหมาะจะดูกับครอบครัว บูสต์ตัวเองให้รู้สึก Festive ขึ้นอีกครั้งในจังหวะฉลองเทศกาลปลายปีแบบนี้

Shadow and Bones
เป็นซีรีส์แฟนตาซีที่สมบูรณ์พร้อมทั้งดรามาวัยรุ่นและสเปเชียลเอฟเฟกต์ตระการตา ที่สำคัญทำออกมาแล้วหาจุดบ้งแทบไม่เจอ แถมยังแจ้งเกิดดาราหน้าใหม่อย่าง เจสซี เมย์ ลี (Jessie Mei Li) และ อาร์ซี เรโนซ์ (Archie Renaux) ที่มีใบหน้าเก๋ไก๋และหล่อเหลาแบบคนยุโรปผสมเอเซียนำทัพเหล่านักแสดงหน้าตาดีมากมายแบบดูไปยิ้มไป และรับรองได้เลยว่าจะต้องมีคนรอซีซัน 2 กันทั่วโลกแน่นอน