หลังจากต้องรอกันมานานถึง 2 ปี ‘The Witcher’ ซีซัน 2 ก็ได้ฉายบน Netflix อย่างเป็นทางการ ซึ่งคนที่ได้รับชมไปแล้วส่วนใหญ่ก็ชมว่าสนุกและตื่นเต้นขึ้น รวมถึงรอคอยซีซัน 3 กันอย่างใจจดใจจ่อ บทความนี้ Beartai BUZZ จึงอยากพาทุกคนไปเตรียมตัวให้พร้อมก่อนดู ‘The Witcher’ ซีซัน 3 ว่าเราได้รู้อะไรไปบ้างในซีซันล่าสุด รวมถึงประเด็นต่าง ๆ ที่อาจได้เห็นในซีซันต่อไป
หลังจากจบซีซัน 2 เราได้เห็นว่า Geralt (รับบทโดย เฮนรี คาร์วิลล์ – Henry Cavill), Yennefer (รับบทโดย อันยา คาร์โลตา – Anya Charlota) และ Ciri (รับบทโดย เฟรยา อัลลัน – Freya Allan) จะได้ออกเดินทางร่วมกัน และฝึกฝน Ciri ให้สามารถควบคุมพลังที่อยู่ภายในตัวเธอได้ เนื่องจากมีกลุ่มคนถึง 3 ฝ่ายที่อยากจะได้ตัวเธอ นั่นคือเหล่าเอลฟ์ นิลฟ์การ์ด (Nilfgaard) และสภาผู้วิเศษ เพราะเธอคือกุญแจสำคัญสู่พลังอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นแก่นเรื่องหลักใน ‘The Witcher’ ซีซัน 3 นอกจากนี้เรื่องราวส่วนใหญ่ยังจะอิงมาจากหนังสือนิยายเล่ม The Time of Contempt เป็นหลักด้วย
การทำงานร่วมกันระหว่าง Geralt กับ Yennefer
หลังจาก Yennefer สูญเสียพลังไป เธอออกตามหา Ciri เพื่อที่จะนำพลังกลับมา แต่การกลับมาในครั้งนี้ของ Yennefer นั้นไม่ได้ประสงค์ดีต่อ Ciri เท่าไรนักทำให้ Geralt ไม่พอใจในเรื่องนี้ ความรู้สึกของเขาแม้จะรักเธอแต่ก็พร้อมจะฆ่าได้ทุกเมื่อ จนสุดท้ายเมื่อ Yennefer ได้พลังกลับคืนมา พร้อม ๆ กับที่ Geralt รู้ว่า Ciri ต้องเจอกับอะไรบ้าง Geralt จึงตัดสินใจให้ Yennefer เป็นผู้ฝึกสอน Ciri เพื่อให้เธอเรียนรู้การใช้พลัง
ทางด้านนักแสดงอย่างคาร์วิลล์ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Netflix เอาไว้ถึงการทำงานร่วมกันของ Geralt และ Yennefer ว่า “มันเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างรุนแรงที่พวกเขาต้องกลับมาเจอกัน การให้อภัยเป็นเรื่องยากครับ แต่พัฒนาการความสัมพันธ์ที่แท้จริงจะเริ่มจากซีซันนี้เพราะเขา (Geralt) รู้แล้วว่าบางอย่างก็ทำเองคนเดียวไม่ได้”
ใน ‘The Witcher’ ซีซัน 3 ทั้งคู่ต้องมาทำงานร่วมกัน ความสัมพันธ์ระหว่าง Yennefer และ Geralt จะได้ Ciri เข้ามาช่วยเติมเต็มในสิ่งที่หายไป ส่วน Yennefer เองก็จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เธอจะสัมผัสได้ว่าการใช้ชีวิตของ Geralt และ Ciri นั้นห่างไกลจากตัวเธอพอสมควร
“มันเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ เธอมักจะทำอะไรคลุมเครือเสมอ เพราะเธอใช้ชีวิตตามกฎเกณฑ์มาโดยตลอด เธอคงไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ” คาร์โลตากล่าว “เธอต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หลังจากนี้มากขึ้นและแน่นอนว่ามันยาก”
ส่วนตัวละครที่ครองใจใครหลายคนอย่างนักกวี Jaskier (รับบทโดย โจอี้ เบตย์ – Joey Batey) นั้นยังไม่มีการระบุแน่ชัดว่าเขาจะมีบทบาทอะไรในซีซัน 3 หรือไม่ แต่จากการให้สัมภาษณ์ของเบตย์ เขากล่าวว่าตัวละครของเขามักจะสร้างปัญหาอยู่ตลอดไม่ว่าเขาจะร่วมเดินทางไปกับใครก็ตาม
บทบาทของเอลฟ์และการมาของ ‘The Witcher: Blood Origin’
ในซีซัน 2 เนื้อหาหลักจะมาจากนิยายเล่ม Blood of Elves ที่เหล่าเอลฟ์มีบทบาทมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ลอเรน ชมิตต์ ฮิสส์ริช (Lauren Schmidt Hissrich) เผยว่าเนื้อเรื่องของเอลฟ์นั้นถูกตีความใหม่ให้แตกต่างออกไปจากหนังสือ
“ฉันรู้ว่าซีซัน 3 จะมีการเปิดตัวกองทัพเอลฟ์ในนามของนิลฟ์การ์ดแต่พวกเขาไม่ได้ถอดแบบออกมาจากหนังสือซะทีเดียว ส่วนโครงเรื่องที่รุนแรงและมืดมนนั้นยังคงอยู่” ฮิสส์ริชกล่าว
เอลฟ์จะมีเข้ามามีบทบาทสำคัญใน ‘The Witcher: Blood Origin’ ที่จะเข้าฉายในปี 2022 โดยฮิสส์ริชเสริมว่ามินิซีรีส์เรื่องนี้จะเข้ามาเสริมเรื่องราวและบอกเล่าสิ่งที่ผู้สร้างอยากนำเสนอให้ผู้ชมเข้าใจมากขึ้น
The Wild Hunt กำลังมา
แม้ว่าจะยังไม่มีการเปิดเผยเรื่องราวของ The Wild Hunt จนกว่าจะถึงเนื้อเรื่องในนิยายเล่ม The Time of Contempt แต่ The Wild Hunt ฉบับซีรีส์ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างในซีซัน 2 แล้วเพราะในช่วงตอนจบ พวกเขาขี่ม้ามาหา Ciri และบอกว่าเธอเป็นของพวกเขา
ฮิสส์ริชยอมรับว่ามีการวางโครงเรื่องเกี่ยวกับภูติใน Mörhogg ไว้เยอะพอสมควร เพื่อวางแผนให้พวกเขาปรากฎตัวในเร็ว ๆ นี้ “เมื่อพวก The Wild Hunt มาหา Ciri และบอกว่าเธอเป็นพวกของเขา สิ่งที่เราหวังก็คือ ทำให้ผู้ชมเชื่อว่า Ciri มีประวัติความเป็นมาที่น่าค้นหาอีกมาก ทั้งเชื้อสายของเธอ สายเลือดของเธอ เพราะสิ่งที่พวกเรารู้มีแค่ Calanthe ซ่อนตัวเธอเอาไว้และความเกี่ยวข้องกับ Lara Dorren ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้จะเริ่มเปิดเผยหลังจากนี้”
การเฉลยปริศนา เปลวไฟสีขาวแห่งนิลฟ์การ์ด
ในที่สุดเราก็ได้รู้กันแล้วว่าเปลวไฟสีขาวคือใคร เขาก็คือ Ehmyr พ่อของ Ciri นั้นเอง ด้านฮิสส์ริกให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันไม่คิดว่านิลฟ์การ์ดจะคิดว่าตัวเองชั่วร้าย พวกเขาคิดว่าตัวเองกำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง พวกเราต้องการสร้างเรื่องราวให้ผู้ชมเข้าใจนิลฟ์การ์ดมากกว่านี้ ซึ่งมันจะเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่เจาะลึก Ehmyr ให้มากขึ้น”
เบตย์ยังเข้ามาช่วยเสริมอีกว่า “เนื้อเรื่องเหล่านี้ถูกเปิดเผยแล้วในหนังสือ ส่วนในซีรีส์น่ะเหรอ…พวกเราคงเก็บความลับนานเกิน 2 ซีซันไม่ได้หรอกครับ”
เป็นที่รู้กันว่าองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างและเส้นเรื่องราวของตัวละครบางตัวในซีซัน 2 เริ่มแตกต่างจากฉบับนิยายมากขึ้น แฟนเกมและนิยายบางส่วนอาจไม่พอใจ แต่ผู้ชมส่วนใหญ่นั้นเอ่ยปากชม ‘The Witcher’ ซีซัน 2 อย่างมาก และที่แน่ ๆ รอติดตามความสนุกในซีซัน 3 กันต่อได้เลยเร็ว ๆ นี้ รวมถึงมินิซีรีส์ภาคแยก ‘The Witcher: Blood Origin’ ที่จะเข้าฉายในปี 2022 ด้วย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส