สัปดาห์นี้หนังโด่งดังจากเทศกาลหนังเยอะมาก หนังสนุกหลายเรื่องครับ แต่ละค่ายต่างรีบปล่อยหนังเล็กกันสัปดาห์นี้ ก่อนที่โปรแกรมใหญ่อย่าง Captain America: Civil War จะเปิดตัวสัปดาห์หน้านี้แล้ว Green Room คืออีกหนึ่งหนังที่โด่งดังหลังจากไปฉายโชว์ในคานน์ และผ่านเทศกาลประกวดหนังโตรอนโต้มา ผลงานเขียนบทและกำกับเรื่องที่ 3 ของ เจเรมี ซอลเนียร์ อดีตช่างควบคุมกล้องภาพยนตร์ที่หันมาเอาดีเป็นผู้กำกับหลัง Blue Ruin (2013) เรื่องก่อนหน้าที่ได้รับเสียงชื่นชมไปมากอยู่ กลับมารอบนี้ เจเรมี่ เพิ่มดีกรีความโหดดิบมากขึ้นไปอีก
Green Room คือชื่อเรียกห้องพักนักดนตรีหรือนักแสดงก่อนขึ้นโชว์บนเวที ตัวเอกของเรื่องคือนักดนตรีพังค์ร็อค 4 คน วงของพวกเขามีรถตู้ 1 คันขับตระเวณเล่นตามร้านเล็ก ๆ จนวันหนึ่งได้มาเล่นในคลับที่อยู่ในป่า เป็นร้านสำหรับพวกนีโอนาซีขาโหด หลังโชว์เสร็จหนึ่งในสมาชิกวงดันลืมมือถือไว้ในห้องพักนักดนตรี เมื่อกลับเข้าไปเอาก็ดันไปเห็นเหตุการณ์ร้ายที่ทางร้านต้องการปกปิด จึงขังทั้ง 4 ไว้ในห้อง กับอีก 1 สาวที่อยู่ในเหตุการณ์ ผู้จัดการร้านส่งลูกน้องร่างยักษ์อีกคนถือปืนเข้าไปควบคุมสถานการณ์ภายในห้อง
ด้วยสถานการณ์ตึงเครียดดำเนินอยู่ในห้องเล็ก ๆ กับเวลาแค่คืนเดียว ชวนให้ไปคิดถึงบรรยากาศหนังอย่าง Evil Dead (1981) และ Saw (2004) ที่ Green Room สามารถสร้างสถานการณ์เครียดกดดันออกมาได้ไม่แพ้หนังขึ้นหิ้งอย่าง 2 เรื่องข้างต้น หนังใช้เวลาปูเรื่องแค่ 20 นาที หลังจากนั้นก็โยนคนดูเข้าสู่สภาวะตึงเครียดสุด ๆ 6 คนในห้องเล็ก ๆ กลางป่า ข้างนอกมีแต่ฝูงคนแปลกหน้าขาโหดพร้อมอาวุธเต็มมือ ที่ไม่รู้จะมาไม้ไหน ต้องคิดตามอ่านเกมให้ทัน ระดมสมองกันคิดหาทางเอาชีวิตรอดจากห้องนี้ให้ได้
หลาย ๆ จุด ที่ทำให้ Green Room เป็นหนังที่ทั้งลุ้นทั้งสนุกทั้งเครียด
- หลังโดนขังในห้องหนังก็เดินหน้าใส่สถานการณ์ยาว ๆ แบบไม่ให้ได้พัก ดูแล้วเหนื่อยเลย
- หนังสามารถสร้างบรรยากาศชวนลุ้นให้เราได้เอาใจช่วยทั้ง 5 คนให้รอดชีวิต เป็นหนังทริลเลอร์ที่ลุ้นระทึกได้อย่างกับดูหนังสยองขวัญ เห็นเก้าอี้ข้าง ๆ นั่งชันเข่าเอามือปิดหน้าอย่างกับดูหนังผีเลย หนังยังคงการเดินเรื่องคล้าย ๆ กับหนังผีโรคจิต โจทย์เริ่มต้นมีเหยื่อ 5 คน โดนเก็บไปทีละคน ก็เดากันไปว่าสุดท้ายจะเหลือใครรอดหรือไม่
- หนังเล่นกับอารมณ์คาดหวังคนดูแล้วก็รังแกคนดูได้แรงมาก หลายครั้งหลายตอนที่หยอดความหวังมาให้เราดีใจ เสร็จแล้วก็ทำลายมันทิ้งซะ ยิ่งทำให้สถานการณ์ถูกบีบให้เครียดมากขึ้นไปอีก
- ฉากตกใจมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่มีฉากเคลื่อนกล้องช้า ๆ หรือดนตรีปูบรรยากาศให้ได้ลุ้นล่วงหน้า และแบบนี้แหละ มันโคตรได้ผล ร้อง”กรี๊ด”กันทั้งโรง
- โหดแบบไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ ไม่คิดว่าหนังจะโหดขนาดนี้ และฉากโหดเกิดโดยน้ำมือคนที่ไม่คิดว่าจะโหดได้ บอกไว้ก่อนนะว่าภาพค่อนข้างอี๋แหยะเลยล่ะ แล้วโคลสอัพให้ดูใกล้ ๆ อีกด้วย
- เป็นเกมวัดกึ๋น เมื่อเหยื่อไม่มีอาวุธ แต่ข้างนอกอาวุธหนักครบมือ ทั้ง 5 คนจึงต้องใช้มันสมองคิด ประยุกต์ข้าวของใกล้มือมาเป็นอาวุธ และการวางแผนหลอกล่อเพื่อเอาชีวิตรอด
- การพลิกบทบาทมารับบบทร้ายของ แพทริค สจ๊วต ดารารุ่นเก๋าที่แฟนหนังรู้จักเขาจากบท กัปตัน ฌอง ลุค พิคาร์ด ใน Star Trek และ โปรเฟซเซอร์เอ็กซ์ จาก X-Men แพทริค เล่าว่าเขาได้อ่านบทนี้ตอนอยู่ที่บ้านในอังกฤษ บทมันน่ากลัวมาก ขนาดที่ว่าเขาอ่านแล้วถึงกับต้องลุกไปล็อคบ้านเปิดระบบรักษาความปลอดภัย นั่งดื่มวิสกี้แล้วอ่านต่อ เมื่ออ่านจบเขาบอกตัวเองทันทีว่าเขาอยากเล่นเรื่องนี้ บทร้าย ๆ แบบนี้มันท้าทายอาชีพการแสดงของเขามาก
เป็นความสามารถของผู้กำกับอย่างแท้จริง ที่ทำหนังได้สนุก ตื่นเต้น ชวนลุ้นกันแบบนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยที่ไม่ต้องใช้ดาราขายชื่อ สเปเชี่ยลเอฟเฟ็คต์ และโลเกชั่นกว้างขวางใหญ่โต เป็นข้อพิสูจน์อย่างดีว่าถ้าบทดี ผู้กำกับเก่ง หนังก็สนุกได้โดยไม่ต้องใช้ทุนสร้างสูง หนังประสบความสำเร็จจากปากต่อปากตั้งแต่ยังไม่ออกฉายในวงกว้าง สามารถเรียกคะแนนนักวิจารณ์ในต่างประเทศได้อย่างสวยงาม นักวิจารณ์ 77 คน ให้บวก 68 คนให้ลบเพียง 9 คน หนังเข้าฉายบ้านเรา วันที่ 21 เมษายน นี้ ในอเมริกาจะเข้าฉายวันที่ 29 เมษายน เป็นหนังน้อยเรื่องครับที่ถูกใจทั้งคนดูและนักวิจารณ์ เป็นอีกเรื่องที่ยืนยันว่าสนุกจริง ไม่ควรพลาดครับ