เหตุการณ์หลุดคิวในตอนจบของการแสดงพักครึ่งบนเวทีในศึกซูเปอร์โบลว์ในปี 2004 ของเจเน็ต แจ็กสัน (Janet Jackson) และจัสติน ทิมเบอร์เลก (Justin Timberlake) กลายเป็นเหตุการณ์สุดอื้อฉาวในวงการบันเทิงที่ทุกคนยังโจษจันกันถึงอยู่ในทุกวันนี้ แต่ยิ่งไปกว่านั้น เหตุผิดพลาดที่เกิดขึ้นบนเวทีขณะนั้น กลายเป็นต้นกำเนิด YouTube 

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2004 ในการแสดงพักครึ่งซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 38 (Super Bowl XXXVIII) ซึ่งศิลปินในปีนั้นคือ เจเน็ต แจ็กสัน และจัสติน ทิมเบอร์เลก สมทบด้วยพี. ดิ๊ดดี้, เนลลี่ และเจสสิกา ซิมป์สัน ในเพลงสุดท้ายที่ทิมเบอร์เลกขึ้นร้องเพลงฮิต “Rock Your Body” และมีแจ็กสันมาร่วมแสดง ฉากสุดท้ายที่ทิมเบอร์เลกร้องว่า “Cause I bet I’ll have you naked by the end of this song.” เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อทิมเบอร์เลกกระชากเสื้อเกาะอกหนังข้างหนึ่งของแจ็กสันออกจนหลุด เผยให้เห็นหน้าอกขวาอันเปลือยเปล่าของเธอแบบเต็ม ๆ เป็นเวลาหนึ่งวินาที ต่อสายตาของผู้ชมการถ่ายทอดสดหลายล้านคนทั่วโลก

สืบเนื่องจากเหตุการณ์นี้ นอกจากคำว่า “Janet Jackson” จะกลายเป็นชื่อที่ถูกค้นหาบนกูเกิลภายในหนึ่งวันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ (ถึงขั้นบันทึกลงในกินเนสส์บุ๊ก) ยิ่งไปกว่านั้นเหตุการณ์นี้ยังนำไปสู่การสร้างกฎใหม่ในการเซนเซอร์ โดยกำหนดให้การถ่ายทอดสดออกอากาศช้าลง 5 วินาทีเพื่อจะได้เซนเซอร์หรือตัดสัญญาณได้ทันเวลาในกรณีที่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น

จากกรณีผิดพลาดนี้ส่งผลให้ช่อง CBS ผู้ทำการถ่ายทอดสดถูกหน่วยงานควบคุมสื่อของรัฐบาลสหรัฐ (FCC) ปรับเป็นเงิน 550,000 เหรียญ, สถานี MTV ที่รับหน้าที่เป็นผู้จัดโชว์พักครึ่งถูกแบนไปตลอดกาล, เจเน็ต แจ็กสัน และจัสติน ทิมเบอร์เลก ถูกสอบสวนและออกมาขอโทษผ่านสื่อ โดยทั้งคู่อ้างว่าเป็น “เหตุผิดพลาดจากเครื่องแต่งกาย” เพราะตามคิวแล้ว ทิมเบอร์เลกต้องดึงเกาะอกหนังสีดำออก เพื่อให้เห็นบราสีแดงด้านใน แต่ดันหลุดติดมือออกมาทั้งหมด (หลายกระแสสงสัยว่าเป็นเหตุจงใจ เนื่องจากแจ็กสันสวมห่วงกงจักรครอบหัวนมของเธอไว้ ทำให้ดูเหมือนจงใจ) 

หลังจากเหตุการณ์นี้ทุกเพลงและทุกมิวสิกวิดีโอแจ็กสัน ถูกขึ้นแบล็กลิสต์ในสถานีวิทยุและโทรทัศน์ทั่วอเมริกาและทั่วโลก เธอถูกปลดจากการไปร่วมงานแกรมมี่ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน และชื่อเสียงในวงการดนตรีของเธอก็เหมือนจะค่อย ๆ เงียบลง ขณะที่ทิมเบอร์เลก ผู้ที่กระชากบราของแจ็คสัน กลับได้รับเชิญมาแสดงเดี่ยวอีกครั้งในโชว์พักครึ่งซูเปอร์โบวล์ในปี 2018 ซึ่งถูกมองว่าไม่ยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ทิมเบอร์เลกออกมาแสดงความรู้สึกผิดและขอโทษแจ็กสัน เมื่อกลางปีที่ผ่านมา

จาเว็ด คาริม (Jawed Karim) ผู้ร่วมก่อตั้ง YouTube บอกว่าเหตุการณ์นี้ทำให้เขาเกิดไอเดียในการสร้างเว็บไซต์แชรคลิปวิดีโอ เพราะในตอนนั้นมีการเสิร์ชหาชื่อเจเน็ต แจ็กสัน มากเป็นประวัติการณ์ เพื่อค้นหาคลิปวิดีโอของเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุให้คาริมและทีมสร้างเว็บไซต์ YouTube ขึ้นในปี 2005

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส