‘One for the Road’ หรือในชื่อไทย ‘วันสุดท้ายก่อนบายเธอ’ ฉายแล้ววันนี้ และหลายคนก็คงอินกับเรื่องราวซึ้ง ๆ ของมิตรภาพและการไถ่บาปของคนใกล้ตายจนอดบอกต่อไม่ได้ และไฮไลต์หนึ่งที่หนังยกมาเป็นข้อมูลเพื่อดึงดูดคอหนังคงหนีไม่พ้นการได้ หว่องกาไว (Wong Kar Wai) ผู้กำกับหนังเหงาสุดติสท์มานั่งแท่นโปรดิวเซอร์ และแน่นอนว่าในฐานะแฟนหนังหว่องกาไว เราก็อดเมินสูตรคอกเทลเล็ก ๆ ในเรื่องราวของ ‘One for the Road’ ที่ผู้สร้างได้แอบ ‘กระทำความหว่อง’ เพิ่มรสชาติให้หนังไม่ได้
แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าบทความนี้เหมาะกับผู้ที่ดู ‘One for the Road’ มาแล้วเท่านั้นนะครับ
Alice Dance – แทงโก้สุดท้ายก่อนบายเธอ
หนึ่งในจุดเด่นของหนังหว่องกาไวคงหนีไม่พ้นบรรดาดนตรีประกอบหนังที่มักเป็นเพลงในจังหวะแทงโก้ และเป็นเรื่องราวในพาร์ตของอลิซตัวละครของพลอย หอวังนี่เองที่หนังกำหนดให้เธอเป็นครูสอนเต้นและหนังก็เน้นให้อู๊ด (รับบทโดยไอซ์ซึ – ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์) กับอลิซได้เต้นรำในจังหวะแทงโก้ก่อนจากลา ซึ่งใครได้ดูคงลบภาพการเต้นแทงโก้ร่วมกันของ ไหล่เยิ่วไฝ่ว์ (รับบทโดย เหลียงเฉาเหว่ย)กับห่อโปวเหว่ง (รับบทโดย เลสลี จาง)จากหนัง ‘Happy Together’ หรือกระทั่งการนำเพลงจังหวะแทงโก้มาประกอบในฉากการเดินสวนกันของคู่ชู้ทางใจในหนัง ‘In the Mood for Love’ ได้ยากเต็มที โดยเฉพาะอย่างยิ่งอารมณ์ในจังหวะเต้นที่เต็มไปด้วยความถวิลหาทว่าอาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
ส่วนคาแรกเตอร์ของอลิซเองด้วยความที่เป็นตัวละครที่น่าจะมีเอเนอร์จีที่สุดตัวหนึ่งและลุคสาวผมแดงก็อดไม่ได้ที่เราจะเอาเธอไปเทียบเคียงคาแรกเตอร์สาวผมแดงในหนังของหว่องกาไว 2 เรื่องอย่างสาวใส่วิกผมทองลึกลับที่รับบทโดยหลินชิงเสีย ในหนัง ‘Chunking Express’และสาวผมทองที่รับบทโดยคาเรน ม็อกในหนัง ‘Fallen Angels’ ยิ่งอลิซเป็นตัวการที่ทำให้อู๊ดต้องกลับเมืองไทยทั้งที่สัญญาว่าจะทำบาร์ร่วมกับ บอส (รับบทโดยต่อ – ธนภพ ลีรัตนขจร) ก็ยิ่งทำให้คาแรกเตอร์สาวผมแดงของอลิซเป็นตัวประจุไฟชั้นดีที่เล่าถึงความเจ็บปวดชั้นต้นอันเป็นบทโหมโรงที่หว่องกาไวใช้ในหนังดังของเขาได้เป็นอย่างดี
Noona’s Tear – น้ำตาสารภาพบาป
ในพาร์ตที่เล่าถึงความฝันที่ถูกผลักดันด้วยอดีตอันเจ็บปวดอย่าง “Noona’s Tear” ได้ ออกแบบ ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง มารับบทหนูนา อีกหนึ่งแฟนเก่าของอู๊ดที่มีความฝันอยากเป็นนักแสดงแต่กลับถูกเขาทำลายและเหยียบย่ำมันก่อนที่เธอจะตะกายดาวด้วยตัวเอง จะว่าไปหากบอกว่าตัวละครหนูนาได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวละครไหนของหนังหว่องกาไวก็คงจะไม่แฟร์นัก แต่หากจะกล่าวว่าตัวละครหนูนาของออกแบบน่าจะเป็นหนึ่งในตัวละครผู้ถูกกระทำในหนังหว่องกาไวก็คงพอฟังขึ้นอยู่บ้าง
โดยเราจะยกหนังของหว่องกาไวมาเทียบเคียงด้วยกัน 2 เรื่องในประเด็นนี้ได้แก่ ‘Days of Being Wild’ และ ‘Happy Together’ โดยในเรื่องแรกเราจะพบผู้ถูกกระทำและผู้หลงในวังวนความรักของเพลย์บอยหนุ่มอย่าง ยัดดี้ ตัวละครของเลสลี่ จาง ถึง 2 คนได้แก่ เหลียงฟุงหยิง รับบทโดย คารินา หลิว และ ชั่นไหลเจิน รับบทโดย จางม่านอวี้ ที่ทั้งคู่ได้ทิ้งความฝันเพื่อตกหลุมรักชายคนหนึ่งไม่ต่างจากหนูนาเลย และเหมือนหว่องกาไวจะยังโหดร้ายไม่พอเพราะเขาได้มอบบท ห่อโปวเหว่ง ให้ เลสลี จาง ได้มาทำร้ายคนรักหนุ่มอย่าง ไหล่เยิ่วไฝ่ว์ ที่รับบทโดย เหลียงเฉาเหว่ย อีกทีใน ‘Happy Together’ อีกด้วย ที่สำคัญคือฉากทิ้งท้ายของตัวละครนี้เราจะเห็นหนูนาเดินออกจากเซตถ่ายละครเพื่อร้องไห้สุดชีวิตไม่ให้ใครเห็นซึ่งดูแล้วก็นึกถึงฉากระบายความในใจของ ไหล่เยิ่วไฝ่ว์ ไม่น้อยเลยทีเดียว
และทิ้งท้ายอีกนิดหากใครจำได้บทพูดในละครที่หนูนาเล่นจะมีประโยคที่มีเนื้อความว่า “ความรักของคุณเหมือนกรงขัง” ซึ่งแน่นอนว่ามันแทบจะอ้างอิงกับความสัมพันธ์อันน่าอึดอัดบอกใครไม่ได้ระหว่าง เจ้ามู่หวัน (เหลียงเฉาเหว่ย) คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ กับ ชั่นไหลเจิน (จางม่านอวี้) เลขาบริษัทชิปปิ้งนำเข้าส่งออกสินค้า ใน ‘In the Mood for Love’ ที่มีฉากถ่ายภาพทั้งคู่หลังลูกกรงเพื่อเน้นย้ำสภาวะดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
After The Rain – มูฟออนหลังน้ำตาหลั่งริน
แม้มีเวลาไม่มากแต่ตัวละครพี่รุ้งของ นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา ก็สร้างภาพจำแฟนเก่าที่เลือกหนทางมูฟออนไปจากอู๊ดได้ชวนจุกในอกไม่น้อยและที่สำคัญยังเป็นแฟนเก่าคนสุดท้ายที่เขาต้องทำมิชชั่นก่อนตายอีกด้วย และจากคาแรกเตอร์ของรุ้งที่ดูเป็นสาวติสท์มีความคิดที่ดูเป็นผู้ใหญ่แล้ว เอาจริง ๆ ก็ยากเหมือนกันที่จะนำตัวละครผู้หญิงหรือผู้ชายในหนังหว่องกาไวเรื่องไหนมาเทียบเคียงแต่กระนั้นเราก็ยังแอบเห็นร่องรอยหว่อง ๆ ที่ปรากฎกับตัวละครนี้จนได้
หากสังเกตดี ๆ ในพาร์ตของรุ้งจะพูดถึงกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงแบบไม่มีวันหวนกลับ ซึ่งแม้เราจะไม่สามารถเทียบรุ้งได้กับตัวละครไหนแต่ก็เทียบกับอารมณ์ร่วมจากหนังหว่องกาไวที่ค่อนข้างแหวกแนวอย่าง ‘2046’ ได้แบบไม่ขัดเขินยิ่งเราเอาวัยที่ล่วงเลยอย่างอู๊ดอย่างวัย 20 ที่เขาได้พบรักกับพี่รุ้งกับเลข 46 ที่อาจหมายถึงช่วงวัยปัจจุบันของพี่รุ้ง (อันนี้เดาแบบเทียบเคียงนะครับ ไม่มีตรรกะใด ๆ รองรับทั้งสิ้น)
ซึ่งการที่พี่รุ้งเลือกที่จะไม่เจอหน้าและปิดม่านเพื่อไม่ให้อดีตของเธอกลับเข้ามาก็ทำให้สภาวะของอู๊ดไม่ต่างจากในหนัง ‘2046’ ที่ว่าด้วยอุปสรรคอย่าง ‘เวลา’ ที่แตกต่างกันทั้งอดีตคนรักที่เจ้ามู่หวันยังคงอาลัยอาวรณ์แต่ไม่อาจได้พบเจอและชะตากรรมของมนุษย์กับหุ่นยนต์บนขบวนรถไฟสาย 2046 ในนิยายของ เจ้ามู่หวัน ตัวละครของเหลียงเฉาเหว่ยเท่าใดนัก
New York Sour – จุดเริ่มต้นมิตรภาพ ความเจ็บปวด ความทรงจำ
ด้วยความที่เป็นเครื่องดื่มที่มีอยู่แล้ว และหนังก็นำมันมาแนะนำให้ตัวละครบอสได้รู้จักกับโลกของเหล้าและความรัก ดังนั้นก็คงไม่ผิดหากจะเป็นเครื่องดื่มประจำตัวหนุ่ม ๆ ทั้ง 2 คนเพราะ ‘ความเปรี้ยว’ ผสมความขมก็กลายเป็นคอมบิเนชันอันเป็นภาพแทนของสองหนุ่มที่พัฒนาความสัมพันธ์จากความผิดบาปจนกลายเป็นมิตรภาพระหว่างทางบนท้องถนน
ในรายของอู๊ดกับมิชชั่นก่อนตายในการเดินทางเพื่อคืนของแฟนเก่าพร้อมบอกขอโทษนั้น หากจะพูดถึงตัวละครที่ถูกลงโทษด้วยความผิดบาปของตัวเองอย่างมหันต์ก็คงหนีไม่พ้น ห่อโปวเหว่ง (รับบทโดย เลสลี จาง) ใน ‘Happy Together’ ที่ทั้งรักและร้ายกับ ไหล่เยิ่วไฝ่ว์ (รับบทโดย เหลียงเฉาเหว่ย) จนในที่สุดก็ได้รู้ว่าคำขอโทษของเขาไม่อาจเดินทางไปถึงคนรักได้อีกแล้ว ซึ่งก็เหมือนกับอู๊ดที่เขาได้ทำความผิดกับคนรักไว้มากมายและในช่วงท้ายที่หนังเริ่มเฉลยก็ทำให้เห็นว่าเป็น ‘New York Sour’ นี่แหละที่พาเขาและบอสให้มาเป็นเพื่อนกัน
ในรายของบอส อาจเทียบเคียงได้กับตัวละครนายตำรวจรหัส 223 ในหนัง ‘Chunking Express’ ที่นิวยอร์กนอกจากจะเป็นเครื่องดื่มแก้วแรกที่ได้ดื่มแล้วยังทำให้เขารู้จักทั้งความรักและการสูญเสียความไร้เดียงสาในเรื่องความรักอีกด้วย ดังนั้นหากสัปปะรดกระป๋องหมดอายุช่วยทำให้นายตำรวจรหัส 223 ตาสว่างในเรื่องความรัก ‘New York Sour’ ก็คือเครื่องดื่มที่ทำให้บอสได้เติบโตและก้าวผ่านความเจ็บปวด
Pattaya Sour – พัทยา..ลาก่อน
‘Pattaya Sour’ เครื่องดื่มที่ปริม ตัวละครของ วี-วิโอเล็ต วอร์เทียร์ คิดขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนของความรักระหว่างเธอกับบอส และเป็นตัวละครปริมจริง ๆ ที่มาขโมยหัวใจคนดูไม่ต่างจากสองตัวละครสำคัญอย่าง อาเฟย (รับบทโดยเฟย์ หว่อง) ใน ‘Chunking Express’ และ ชาร์ลี (รับบทโดย หยางไฉ่หนี) หญิงสาวสติไม่ดีที่ทำให้ชีวิตของนักโทษใบ้อย่าง ห่อจือม่อ (รับบทโดย ทาเคชิ คาเนชิโร) มีสีสันและความอบอุ่น
Chemo-Therapy – แก้วนี้..บำบัดใจ
มาว่ากันที่ตัวละครที่คนดูหลายคนเซอร์ไพร์สมากนั่นคือตัวละคร คุณตั๊ก ที่นำแสดงโดย หญิง รฐา โพธิงาม ที่บอกได้เลยว่านี่มันคือภาคต่อของตัวละคร ชั่นไหลเจิน รับบทโดย จางม่านอวี้ ใน ‘In the Mood for Love’ ได้แบบเนียนสนิทมากทั้งการแต่งงานกับเศรษฐี หรือการต้องห่างเหินกับบอส และใช้คำว่าพี่สาวมาเป็นตัวกั้นกลางความสัมพันธ์ที่แท้จริง
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส