ไซมอน เลอไวฟ์ (Simon Leviev) นักต้มตุ๋นจากภาพยนตร์สารคดีทาง Netflix อย่าง ‘Tinder Swindler’ ตกเป็นจำเลยสังคม หลังถูกแฉเรื่องราวการหลอกลวงเงินจำนวนนับล้านเหรียญ จากสาว ๆ ที่เขาพบบน Tinder ซึ่งนอกจากเลอไวฟ์แล้ว ชายผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการหลอกลวงในครั้งนี้ด้วย ก็คือบอดี้การ์ดของเขานามว่า ‘ปีเตอร์’
ในสารคดีเลอไวฟ์มักจะนำภาพที่บอดี้การ์ดของเขาถูกทำร้ายร่างกาย ส่งไปให้ผู้หญิงที่เขากำลังจะหลอก พร้อมทำท่าทีเดือดร้อน ก่อนจะอาศัยจังหวะขอยืมเงินของพวกเธอ
ล่าสุดหลังสารคดีกลายเป็นกระแสไปทั่งโลก บอดี้การ์ดปีเตอร์คนนี้ก็ได้ออกมายื่นฟ้อง Netflix พร้อมเรียกร้องเงินค่าชดเชยมูลค่า 5.5 ล้านเหรียญ หรือราว 178 ล้านบาท
ตามจดหมายที่ออกโดย โจแอนนา ปาราเฟียโนวิช (Joanna Parafianowicz) ทนายความของปีเตอร์ ระบุว่า เธอกำลังดำเนินคดีทางกฎหมายกับ Netflix พร้อมเรียกร้องให้สตรีมมิงเจ้าดัง ‘ยุติการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล’ โดยต้องออกมาขอโทษลูกความของเธอ และลบสารคดีดังกล่าวทิ้งซะ
ในจดหมายปาราเฟียโนวิช อ้างว่าลูกความของเธอขาดโอกาสในการแสดงความคิดเห็น และไม่ได้ยินยอมให้ใช้ภาพของเขาในสารคดี นอกจากนี้บอดี้การ์ดปีเตอร์ยังขอเงินจำนวน 3.3 ล้านเหรียญ เพื่อเป็นค่าชดเชยความเสียหายที่เขาได้รับจากสารคดีเรื่องนี้ พร้อมยังขออีก 2.2 ล้านเหรียญ เป็นค่าชดเชยจากการที่เขาไม่สามารถประกอบวิชาชีพของผู้เชี่ยวชาญในการคุ้มครองต่อไปได้
ปาราเฟียโนวิชอ้างว่าบอดี้การ์ดปีเตอร์ ไม่ได้มีส่วนร่วมในการหลอกลวงใด ๆ พร้อมทั้งบอกว่า ไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคล เช่นสิทธิ์ในรูปภาพ หรือสิทธิ์ในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล อีกทั้งยังแจ้งว่าทาง Netflix จะต้องชดเชยค่าเสียหายทั้งหมดภายใน 7 วัน หลังคดีความถูกตัดสินอีกด้วย
“ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวของลูกความของฉัน ไม่เคยมีการฟ้องร้องเขาเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้นในนั้น เขาไม่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกิจของไซมอน เลอไวฟ์ อย่างไรก็ตาม จากผู้ชมจำนวนมาก ทำให้เขาดูเหมือนมีความเกี่ยวข้องกับเลอไวฟ์
“การที่ Netflix ผลิตเรื่องนี้ออกมา ไม่ได้ขออนุญาตลูกความของฉันในการเผยแพร่ภาพของเขา หรือแสดงความคิดเห็นของเขาในคดีนี้เลย ลูกความของฉันสูญเสียการไม่เปิดเผยตัวตน ภายในเวลาเพียงวันเดียวหลังสารคดีเผยแพร่ นั่นรวมถึงทำให้เขาอาจไม่สามารถทำงานเป็นบอดี้การ์ดได้อีก”
ปาราเฟียโนวิชกล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้บอดี้การ์ดปีเตอร์อยู่ในสภาพจิตใจที่ไม่ดีนัก แต่ทั้งเขาและเธอเชื่อว่า ในท้ายที่สุดจะได้รับความเป็นธรรม และมองว่ายักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Netflix ได้ทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของเขา
อ้างอิง:
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส