ชายอเมริกันคนหนึ่งกำลังทดสอบความรักในเนื้อสัตว์ของตัวเอง ด้วยการกินเนื้อดิบ ปลาดิบ ไข่ดิบ หรืออาหารสัตว์ดิบ ๆ ในทุกวัน เพื่อดูว่าตัวเองจะทนได้นานแค่ไหน ซึ่งจนถึงตอนนี้เขาได้กินอาหารดิบ ๆ มาร่วม 78 วันแล้ว แถมยังไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ อีกด้วย
เขาได้บันทึกเรื่องราวเหล่านี้ ผ่านบัญชี Instagram ของตัวเองในชื่อ ‘@rawmeatexperiment’ และมาพร้อมสโลแกนที่ว่า “ผมจะกินเนื้อดิบทุกวันจนกว่า ผมจะตายจากแบคทีเรีย” แม้จะดูเป็นเรื่องไม่ถูกสุขลักษณะเท่าไหร่นัก แต่ปัจจุบันก็มีผู้ให้ความสนใจจำนวนมาก จนผู้ติดตามในบัญชีของเขาเพิ่มขึ้นกว่า 100,000 คนแล้ว
ในโพสต์แรก เขาฉีกสเต๊กเนื้อและกัดตรงส่วนที่เป็นไขมัน ขณะที่สุนัขของเขามองตามตาปริบ ๆ นอกจากนี้เขายังเพลิดเพลินกับการกินเนื้อวัวอย่างมาก โดยในวันที่ 33 เขาบอกกับผู้ติดตามใน Instagram ว่า “เนื้อนี่ไม่ต้องเคี้ยวหรอก คุณก็แค่เอามันยัดใส่ปากแล้วกลืนเข้าไปเลย”
เมื่อถูกถามว่าการกินเนื้อดิบดีอย่างไร ชายหนุ่มนิรนามคนนี้ตอบกลับชาวเน็ตว่า “ดี ผมชอบมากจนถึงตอนนี้ และผมรู้สึกว่าไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะหยุดกินแบบนี้เลย” แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า เนื้อที่ปรุงสุกอร่อยกว่าเนื้อดิบจริง ๆ “แต่เนื้อปรุงสุกนี่มีรสชาติดีกว่าเนื้อดิบ ๆ นิดหน่อยนะ”
มีชาวเน็ตคนหนึ่งถามเขาว่า ทำไมถึงหันมากินเนื้อดิบ ซึ่งเจ้าตัวก็ให้เหตผลว่า ก่อนหน้านี้เขากินอาหารที่ทำจากพืชซะส่วนใหญ่ แต่ต่อมากลับมีปัญหาด้านสุขภาพ เขาจึงตัดสินใจหันมากินแต่เนื้อสัตว์ดิบ ๆ แทน ซึ่งเขาคิดว่ามันเป็นหนึ่งในกระบวนการรักษาของร่างกายอย่างหนึ่ง
“เมื่อผมเริ่มกินสเต๊กเนื้อดิบ ๆ และไข่สดเป็นอาหารเช้า แทนที่จะกินเบเกิลหรือสมูทตี้ มันทำให้ผมรู้สึกอิ่มเกือบทั้งวันและร่างกายก็ทรงตัว ผมแทบไม่รู้สึกเวียนหัวจากการทานคาร์โบไฮเดรตมากไป แถมความเจ็บปวดของผมก็เริ่มหายไปด้วย”
ทฤษฎีของชายคนนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีหญิงวัย 56 ปี เปิดเผยว่าเธอรู้สึกมีสุขภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม หลังจากปฏิเสธวิถีชีวิตแบบวีแกน และหันมากินเนื้อดิบและเครื่องในดิบแทน
อ้างอิง:
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส