เมื่อพูดถึงของวิเศษในโลกของการ์ตูนที่ให้พรกับผู้ขอได้แบบสุดโกง หลายคนคงจะคิดถึงตะเกียงวิเศษในเรื่อง ‘Aladdin’ ที่มาพร้อมพรวิเศษ 3 ข้อ กับอีกหนึ่งของวิเศษที่หลายคนรู้จักนั่นคือ ‘Dragon Ball’ ที่มีพลังตรงข้ามกับตะเกียงวิเศษ ที่สามารถชุบชีวิตคนตายแบบหมู่ไปจนถึงการเสกให้คนเป็นอมตะแถมขอได้เรื่อย ๆ นับเป็นของสุดโกงที่เป็นที่มาของเรื่อง ‘Dragon ball’ ที่ต้นเหตุของการต่อสู้ ที่เกือบทุกครั้งจะมีลูกแก้วมังกรทั้ง 7 ลูกนี้มาเกี่ยวด้วยเสมอไม่ทางตรงก็ทางอ้อม และถ้าคุณเป็นแฟนการ์ตูนเรื่องนี้ต้องทราบแน่ ๆ ว่าลูกแก้วมังกรในซีรีส์นี้นั้นมันมีมากกว่า 1 ชุดที่เราเห็น แต่จริง ๆ แล้วมันมีกี่ชุดกันแน่ แล้วใครเป็นคนสร้างลูกแก้วพวกนี้ขึ้นมา และลูกแก้วมังกรที่แท้จริงอยู่ที่ไหน แล้วการขอพรในแต่ละชุดมีข้อจำกัดอะไรบ้างเรามาค้นหาคำตอบของเรื่องราวนี้กัน ที่บอกเลยว่าเมื่ออ่านจบคุณจะรู้ว่าจักรวาลซีรีส์ ‘Dragon Ball’ นั้นยิ่งใหญ่และซับซ้อนกว่าที่เราคิดมากมายนัก
จุดกำเนิดลูกแก้วมังกรจากปลายปากกา Toriyama Akira
เริ่มต้นเรามาทำความรู้จักและที่มาที่ไปของลูกแก้วมังกรจากเรื่อง ‘Dragon Ball’ กันก่อนว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร จากคนที่สร้างการ์ตูนเรื่องนี้อย่างอาจารย์ โทริยามะ อากิระ (Toriyama Akira) ที่ให้ข้อมูลน่าสนใจมากมายว่าโลกของ ‘Dragon Ball’, ‘Dr. Slump’, ‘Nekomajin’ และ ‘Jaco the Galactic Patrolman’ ต่างก็อยู่ในจักรวาลเดียวกันในชื่อ ‘Earth Dragon World’ หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ ‘Planet 4032-877’ ที่เรามาทราบภายหลังว่ามันคือจักรวาลที่ 7 จากทั้งหมด 12 จักรวาลที่ถูกสร้างขึ้นมาโดย ‘Zeno’ เทพเจ้าผู้อยู่สูงสุดในจักรวาล ‘Dragon Ball’ และลูกแก้วมังกรนั้นจะมีเพียงในจักรวาลนี้เท่านั้น โดยที่มาของลูกแก้วให้พรนั้นอาจารย์โทริยามะได้ไอเดียมาจากตำนาน ‘Hakkenden’ ที่กล่าวถึงลูกแก้วทั้ง 8 ลูกที่มาพร้อมกับเด็กชาย 8 คนตามตำนานญี่ปุ่นโบราณ แต่อาจารย์ตัดเหลือแค่ 7 ลูกและเพิ่มการขอพรให้คนที่รวบรวมครบจะสมความปรารถนา ก่อนจะผูกเรื่องราวของตำนานไซอิ๋วลงไปจนกลายมาเป็นเรื่อง ‘Dragon Ball’ ที่เรารู้จัก
คนสร้างลูกแก้วมังกรที่สร้างหายนะให้จักรวาล
หลังจากที่มาที่ไปของต้นกำเนิดลูกแก้วมังกรในชีวิตจริงไปแล้ว คราวนี้มาดูเรื่องราวการสร้างลูกแก้วมังกรในฉบับการ์ตูนกันบ้างว่าใครเป็นคนสร้างขึ้นมาแน่ ซึ่งถ้าจะถามว่าใครเป็นคนสร้างขึ้นมาเป็นคนแรก เราก็ต้องย้อนกลับไปที่ลูกแก้วมังกรที่เป็นต้นแบบแรกที่เรียกว่า ‘Super Dragon Balls’ ที่ถูกสร้างขึ้นมาจาก ‘Dragon God Zalama’ สิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเกือบเทียบเท่า ‘Zeno’ เพราะเขาคือสิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกมิติของการ์ตูนเรื่องนี้ โดยลูกแก้วมังกรทั้ง 7 ลูกนั้นจะกระจายไปอยู่ในจักรวาลที่ 6 และ 7 ที่ในภายหลังชาว ‘Namek’ ที่ชื่อ กะตะ (Katas) ได้ตัดเศษเสี้ยวของของแก้วทั้ง 7 มาสร้างเป็นลูกแก้วมังกรของตนเอง ซึ่งคนที่สามารถสร้าง ‘Dragon Balls’ ได้นั้นต้องเป็นลูกหลานของกะตะที่ได้รับพลังจาก ‘Dragon God Zalama’ เท่านั้น ซึ่งเราก็เห็นอยู่หลายคนในซีรีส์ อย่างเทพเจ้าสูงสุด หรือจะเป็น เด็นเด้ (Dende) โดยเทพเจ้ามังกรที่มาจาก ‘Dragon Balls’ นั้นจะขึ้นอยู่กับพลังและเงื่อนไขที่ผู้สร้างลูกแก้วเป็นคนคิดขึ้น อย่างขอพรได้ 2 ข้อชุบชีวิตได้แค่ทีละครหรือชุบชีวิตทีละหลาย ๆ คนได้ และจำนวนลูกแก้วก็ไม่จำเป็นต้องมีถึง 7 ลูกเสมอไป เพราะบางที่มีแค่ 2 ลูกก็สามารถสร้าง ‘Dragon Balls’ ได้ ตามแต่พลังของคนสร้างที่จะมีมากน้อยแค่ไหน
ลูกแก้วมังกรทั้ง 7 ชุดในจักรวาล Dragon Ball
เชื่อว่าหลายคนที่เคยอ่านหรือดูซีรีส์ ‘Dragon Ball’ คงจะทราบว่าลูกแก้วมังกรที่ใช้ขอพรนั้นจริง ๆ ไม่ได้มีแค่ชุดเดียวบนโลก แต่ยังมีอีกชุดที่อยู่ดาว ‘Namek’ จนหลายคนคิดว่าลูกแก้วมังกรคงจะมีเพียงเท่านี้ ซึ่งถ้ามองตามซีรีส์หลักก็อาจจะใช่ แต่จักรวาล ‘Dragon Ball’ นั้นไม่ได้มีแค่จักรวาลเดียว แถมในหลาย ๆ จักรวาลที่เราพูดมาก็ดันถูกรวมเป็นเนื้อเรื่องเดียวกัน นี่ยังไม่นับภาคต่ออย่าง ‘Dragon Ball GT’ และ ‘Dragon Ball Super’ ที่เป็นภาคต่อ เมื่อเป็นแบบนั้นเราจึงได้เห็นลูกแก้วมังกรอีกหลาย ๆ แบบออกมา ที่จนถึงตอนนี้ลูกแก้วมังกรก็มีถึง 7 ชุดไปแล้ว และนี่คือลูกแก้วมังกรทั้งหมดในซีรีส์ ‘Dragon Ball’ ที่เรารวบรวมมา
Earth Dragon Balls (Dragon Ball)
เริ่มต้นลูกแก้วมังกรชุดแรกที่เป็นที่มาของเรื่องราวการต่อสู้ของเด็กชายมีหาง ที่ต้องออกมาจากป่าเพราะต้องการติดตามลูกแก้ว 4 ดาวที่เป็นตัวแทนของคุณปู่ ที่ถูกหญิงสาวปริศนาขอยืมไปเพื่อใช้ขอพร ซึ่งจากข้อมูลจะเรียกลูกแก้วชุดนี้ว่า ‘Earth Dragon Balls’ ตัวลูกแก้วมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 7.5 ซม. โดยแต่ละลูกจะมีดาวกำกับอยู่ข้างใน ที่สร้างโดยพระเจ้าที่เป็นลูกหลานของกะตะที่ถูกส่งมายังโลกในอดีต และผู้ใดที่รวบรวมลูกแก้วครบทั้ง 7 ลูกจะต้องเรียกเทพเจ้ามังกรที่ชื่อ เชนรอน (Shenron) ออกมาเพื่อขอพรที่ตัวเองต้องการได้ 1 ข้อ แต่ก็มีข้อแม้ในการขอเช่นไม่สามารถขอให้ชุบชีวิตคนที่ตายตามธรรมชาติได้ และจะไม่สามารถชุบชีวิตคนที่ฟื้นจากการขอพรไปได้อีก (ชุบชีวิตได้ครั้งเดียว) นอกจากนี้ก็ยังมีข้อจำกัดอีกมากมาย อย่างเปลี่ยนมนุษย์ดัดแปลงเป็นมนุษย์ไม่ได้ และไม่สามารถฆ่าคนที่มีพลังมากกว่าตน เช่นขอพรให้ฆ่า ซง โกคู (Son Goku) เทพเจ้ามังกรไม่สามารถทำได้เพราะโกคูมีพลังมากกว่าตน แต่ถึงอย่างนั้นก็มีข้อดีตรงที่สามารถชุบชีวิตหมู่ได้ ซึ่งพรข้อแรกในซีรีส์ที่ถูกขอก็คือกางเกงในผู้หญิง ก่อนจะถูกเพิ่มพลังโดยเด็นเด้ให้สามารถขอพรได้เป็นสองข้อ และต้องรอ 1 ปีเพื่อจะขอพรได้ใหม่เพราะตอนนั้นลูกแก้วมังกรจะกลายเป็นหิน
Minus Energy (Dragon Ball GT)
คุณเคยสงสัยบ้างไหมว่าทำไมเมื่อขอพรไปแล้วทำไมต้องรอเวลา 1 ปีเพื่อจะขอพรใหม่ได้ นั่นก็เพราะลูกแก้วมังกรที่ให้พรไปนั้นจะมีพลังด้านลบติดมาด้วย นั่นจึงเป็นที่มาของ ‘Minus Energy’ หรือลูกแก้วมังกรด้านลบ ที่เป็นลูกแก้วอีกหนึ่งชุดที่มีรูปแบบคล้ายกับ ‘Earth Dragon Balls’ โดยลูกแก้วชุดนี้จะทำหน้าที่ดูดซับความปรารถนาด้านลบของคนที่ขอพรมาใส่ในลูกแก้ว ที่จะสะสมได้เพียง 100 ปีลูกแก้วก็จะกลายเป็นสีดำและแตกสลาย จึงต้องมีการปัดเป่าความชั่วร้ายออกไปจากลูกแก้ว นั่นจึงเป็นการตอบคำถามที่ว่าทำไมต้องใช้เวลา 1 ปีกว่าจะขอพรได้อีก ก็เพราะพระเจ้าต้องการเวลาปัดเป่าความชั่วร้ายออกไปจากลูกแก้ว ซึ่งเอาจริง ๆ การปัดเป่าความชั่วร้ายมันใช้เวลามากกว่านั้น แต่พระเจ้าที่สร้างลูกแก้วมังกรคิดว่ากว่าที่คนจะรวบรวมลูกแก้วมังกรครบ 7 ลูกคงใช้เวลานานกว่า 1 ปีแน่ ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วพระเจ้าคิดผิด เพราะหลังจากที่มีอุปกรณ์ที่เรียกว่า ‘Dragon Radar’ ลูกแก้วมังกรก็ถูกขอพรรัว ๆ จนลูกแก้วดูดซับความชั่วเยอะเกินไปจนร้าว และเมื่อโกคูมาขอพรจากลูกแก้วนี้ให้โลกกลับมาเป็นปกติเพราะถูก ‘Super 17’ ทำลายในภาค ‘Dragon Ball GT’ จึงทำให้มังกรที่สั่งสมความชั่วร้ายทั้ง 7 ตัวออกมาสร้างความวุ่นวายนั่นเอง
Black Star Dragon Balls (Dragon Ball GT)
ลูกแก้วมังกรในภาค ‘Dragon Ball GT’ ยังไม่หมดเท่านี้ ยังมีลูกแก้วมังกรอีกแบบที่เป็นที่มาของเรื่องราวในภาคนี้ กับ ‘Black Star Dragon Balls’ ลูกแก้วมังกรที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนกับลูกแก้วมังกรบนโลกทั้งสองแบบก่อนหน้านี้ทุกอย่าง จะต่างกันตรงที่ดาวข้างในของลูกแก้วจะเป็นสีดำ โดยคนที่สร้างลูกแก้วชุดนี้คาดว่าจะเป็นพระเจ้าคนก่อนไม่ก็เป็นชาว ‘Namek’ ที่เคยมาบนโลกที่น่าจะเป็นลูกหลานของกะตะเหมือนกัน และฝากลูกแก้วให้พระเจ้าคนก่อนเก็บไว้ หรืออาจจะเป็นตัวกะตะเองก็ได้ (ข้อมูลไม่ได้บอกเอาไว้ชัดเจน) และเมื่อรวบรวมครบ 7 ลูกก็สามารถเรียก ‘Ultimate Shenron’ ที่เป็นสีแดงออกมาได้ พร้อมความปรารถนาที่ไม่มีขีดจำกัด (ความจริงก็มีแต่ไม่ได้พูดถึงในเรื่อง) โดยความพิเศษของลูกแก้วนี้คือมันจะไม่กลายเป็นหินเมื่อขอพร แต่ดวงดาวที่ใช้ขอพรจะถูกทำลายภายใน 1 ปีถ้าไม่รวบรวมลูกแก้วกลับมาที่ดาวดวงนั้น และที่แย่ไปกว่านั้นคือลูกแก้วทั้ง 7 นั้นได้กระจัดกระจายไปทั่วจักรวาลจนเราไม่รู้ว่ามันไปอยู่ที่ดาวดวงไหนบ้าง โดยเรื่องราวนี้จะเป็นช่วงต้นของ ‘Dragon Ball GT’ ที่ตัวร้ายเก่าอย่าง พิลาฟ (Pilaf) แอบมาขอพรลูกแก้วมังกรชุดนี้ในวังของพระเจ้า และตอนขอพรพิลาฟที่เห็นโกคูจึงพูดว่า “ไอ้เด็กเมื่อตอนนั้น” ออกมา จนทำให้ ‘Ultimate Shenron’ คิดว่านั่นคือการขอพร โกคูจึงกลายเป็นเด็กจนเกิดเรื่องราวการตามหาลูกแก้วมังกรในภาคนี้นั่นเอง
Dark Dragon Balls (Dragon Ball Heroes)
แค่เห็นชื่อก็รู้เลยว่าลูกแก้วมังกรชุดนี้ไม่ธรรมดา เพราะชื่อ ‘Dark Dragon Balls’ จะเป็นลูกแก้วมังกรสีแดงดาวข้างในสีดำ ที่ความพิเศษของลูกแก้วนี้คือการเรียก ‘Dark Shenron’ ออกมาเพื่อให้พร แต่พรที่ให้นั้นจะยิ่งใหญ่ร้ายแรงและส่งผลไปยังมิติเวลาอื่น ๆ อีกด้วย แถมลูกแก้วมังกรชุดนี้ยังกระจัดกระจายไปยังมิติเวลาอื่น ๆ ซึ่งคนที่จะรวบรวมลูกแก้วได้ครบต้องเดินทางไปในช่วงเวลาที่กำหนดถึงจะได้ลูกแก้วมา โดยคนที่สร้างลูกแก้วและมังกรด้านลบขึ้นมาก็คือ ‘Xeno Dende’ หรือเด็นเด้ในโลกที่ชั่วร้าย ที่สร้างลูกแก้วมังกรชุดนี้ขึ้นมาจากความต้องการของกลุ่ม ‘Dark Empire’ ที่เราจะได้เห็นการเดินทางข้ามเวลาและการต่อสู้ของโกคูในมิติอื่นที่เราไม่เคยเห็นในซีรีส์ปกติอีกด้วย ใครที่สนใจอยากรู้เรื่องราวก็ไปหาซีรีส์ ‘Dragon Ball Heroes’ มาดู ภาคนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สนุกใช้ได้เลย
Namekian Dragon Balls (Dragon Ball Z)
มาต่อกันที่ลูกแก้วมังกรที่หลายคนคุ้นเคยอย่าง ‘Namekian Dragon Balls’ ที่เป็นหนึ่งในการต่อสู้ครั้งใหญ่ของซีรีส์ ‘Dragon Ball’ ที่จากข้อมูลบอกว่าขนาดของลูกแก้วมังกรชุดนนี้นั้นเท่ากับลูกบาสเกตบอล ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยผู้เฒ่าสูงสุด คุรุ (Grand Elder Guru) ที่เป็นหนึ่งในลูกหลานของกะตะ จึงสามารถสร้างลูกแก้วมังกรจากเศษของ ‘Super Dragon Ball’ ได้ โดยการขอพรนั้นต้องใช้ภาษาของชาว ‘Namekian’ ในการพูดคุยกับเทพเจ้ามังกร และจะสามารถขอพรอะไรก็ได้ 2 ข้อโดยมีข้อแม้ว่าถ้าจะชุบชีวิตคนที่ตายจะทำได้แค่ทีละคนเท่านั้น แต่สามารถชุบคนที่ตายไปแล้วกี่ครั้งก็ได้ และเมื่อขอไปแล้วต้องรอเวลา 130 วันตามเวลาโลกในการให้ลูกแก้วกลับมาพร้อมใช้งาน และเพราะลูกแก้วชุดนี้จึงทำให้ชาว ‘Namekian’ ถูกฆ่าเกือบหมดดวงดาวถึงสองครั้ง (ครั้งล่าสุดในภาค ‘Dragon Ball Super’ ที่ก็ตายยกดาว) จนต้องเรียกว่าของนำพาหายะมากกว่าของนำโชคแล้วแบบนี้
Super Dragon Balls (Dragon Ball Super)
และก็มาถึงต้นฉบับของลูกแก้วมังกรของจริง ที่เป็นต้นแบบให้ลูกแก้วมังกรทุกลูกในซีรีส์นี้ ที่เรียกว่า ‘Super Dragon Balls’ ที่เราได้อธิบายไปในตอนต้นว่าลูกแก้วชุดนี้ถูกสร้างขึ้นมาจาก ‘Dragon God Zalama’ กับพลังในการขอพรได้ 1 ข้อแต่จะไม่มีข้อจำกัดใด ๆ จะขออะไรก็ได้ไม่มีข้อแม้ ซึ่งถ้าคุณจะตามหาลูกแก้วชุดนี้คุณต้องเป็นมากกว่าโกคูแต่คุณต้องเป็นคนระดับเทพเจ้าเท่านั้นที่จะรวบรวมได้ เพราะขนาดของลูกแก้วชุดนี้มีขนาดเท่าดวงจันทร์ของโลก แถมลูกแก้วทั้ง 7 ลูกยังกระจัดกระจายไปยังจักรวาลที่ 6 และ 7 ที่คนธรรมดาไม่สามารถเดินทางข้ามไปมาได้ และถ้าคุณโชคดีสามารถรวบรวมได้คุณก็ต้องใช้ภาษาเทพที่เรียกว่าภาษา ‘Divine’ ในการขอพร โดยตอนขอพรเราก็จะถูกเทพเจ้ามังกรกินเข้าไปในร่างเพื่อเข้าสู่มิติพิเศษที่เราจะพูดคุยกับเทพเจ้ามังกรได้ เพราะเขามีขนาดใหญ่กว่า 12 จักรวาลรวมกัน นั่นก็หมายความว่าตัวเราในสายตาเทพเจ้ามังกรเล็กจนเทพเจ้ามังกรมองไม่เห็นเรา ส่วนคำขอที่ถูกใช้จากลูกแก้วชุดนี้ก็มีการสร้างโลกขึ้นมาในจักรวาลที่ 6 นอกจากนี้ก็มีการให้พรตัวร้ายเป็นอมตะ ส่วนอีกข้อก็เป็นการสลับร่างตนเองกับโกคูในอีกมิติคู่ขนานจนเป็นเรื่องราวในภาค ‘Dragon Ball Super’ ส่วนข้อเสียคือเมื่อขอพรไปแล้วต้องรอเวลา 1 ปีกว่าที่ลูกแก้วจะขอพรได้ใหม่
Cereal Dragon Balls (Dragon Ball Super)
ปิดท้ายกับการหลุดขอบจักรวาลของภาค ‘Dragon Ball Super’ กับลูกแก้วมังกรชุดที่ 7 ในซีรีส์ ที่คราวนี้มันจะมีเพียง 2 ลูกเท่านั้นกับลูกแก้วมังกรที่เรียกว่า ‘Cereal Dragon Balls’ ที่ตัวขนาดลูกแก้วจะเล็กเท่าลูกปิงปองซึ่งสร้างโดยลูกหลานของกะตะที่สร้างขึ้นมาจากเศษเสี้ยว ‘Super Dragon Ball’ ที่ตามเนื้อเรื่องมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่ามีลูกแก้วนี้อยู่ ซึ่งความสามารถของลูกแก้วชุดนี้ก็คล้าย ๆ กับชุดหลักที่เราได้เห็น แต่พลังในการให้พรจะมากน้อยกว่าของแบบ 7 ลูกไหม และมีข้อจำกัดอะไรนั้นตอนนี้ข้อมูลยังไม่เปิดเผย โดยเมื่อเรารวมลูกแก้วครบ 2 ลูกก็จะเรียกเทพเจ้ามังกร โทรอนโบ (Toronbo) ออกมาให้พร ซึ่งเป็นเรื่องราวล่าสุดที่เกิดขึ้นในมังงะตอนนี้ ที่บอกเลยว่าจักรวาลนี้เริ่มไปไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเราสงสัยว่าตอนนี้ยังมีลูกหลานของกะตะเหลืออีกไหม และพวกเขาจะสร้างลูกแก้วมังกรมาอีกรึเปล่าคงต้องรอดูกันต่อไป
ก็จบกันไปแล้วกับการรวบรวมข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับลูกแก้วมังกรทั้ง 7 ชุดที่อยู่ในจักรวาล ‘Dragon Ball’ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเรื่องราวในซีรีส์ ‘Dragon Ball’ มากขึ้น ที่แม้ตอนนี้เรื่องราวของมังงะในภาค ‘Super’ จะไปไกลมาก ๆ จนเรียกว่ากู่ไม่กลับ แต่ถ้าเราเปิดใจอ่านดี ๆ เราจะได้เห็นกลิ่นอายความเป็น ‘Dragon Ball’ อยู่ครบเหมือนที่เราเคยดูเมื่อในสมัยเด็กเลย ลองเปิดใจหามามังงะมาอ่านหรือหาอนิเมะภาค ‘Super’ มาดูแล้วคุณจะรู้ว่า ‘Dragon Ball’ ยังไงก็คือ ‘Dragon Ball’ ที่เรารู้จักอยู่ดี แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมหลายคนถึงยังชื่นชอบซีรีส์นี้อยู่ และเราก็หวังว่าในอนาคตคงไม่มีลูกแก้วมังกรชุดที่ 8 ออกมาอีกแล้วนะ เพราะแค่นี้ก็สร้างหายนะให้จักรวาลซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้จบแล้ว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส