[รีวิวอนิเมะ] “Dragon Ball Super: Super Hero” นี่แหละบรรยากาศที่แฟน ๆ ดราก้อนบอลคิดถึง !!
Our score
8.5

[รีวิวอนิเมะ] “Dragon Ball Super: Super Hero” นี่แหละบรรยากาศที่แฟน ๆ ดราก้อนบอลคิดถึง !!

จุดเด่น

  1. มีกลิ่นอายเก่า ๆ ของดราก้อนบอลอยู่ครบถ้วน ดูแล้วนึกถึงช่วงเซลเกม
  2. บาลานซ์ฉากแอ็กชันกับสตอรี่ได้อย่างกลมกล่อม
  3. ตัวละครใหม่มีมิติและจะทำให้คุณหลงรัก
  4. มีแฟนเซอร์วิสเพียบ
  5. มุกตลกทำออกมาได้ดี มีชั้นเชิงในการเล่นและยังคงความเป็นดราก้อนบอลอยู่ครบถ้วน

จุดสังเกต

  1. งานภาพอาจจะทำให้ไม่ชินในช่วงแรก ๆ ให้อารมณ์เหมือนดูคัตซีนเกม
  2. เนื้อเรื่องคาดเดาได้ง่ายตามสูตรสำเร็จของดราก้อนบอล

ผมคือ 1 ในแฟนดราก้อนบอลที่ติดตามมาตั้งแต่ช่วงต้นจนถึงภาค Super ล่าสุด ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าในเส้นเรื่องหลักสเกลพลังค่อนข้างจะเริ่มหลุด ๆ ไปจากความเป็นการ์ตูนดราก้อนบอลที่เรารู้จักกันตามปกติพอสมควร ถึงขั้นมีผู้อ่านหลายคนเลิกตามต่อเพราะกลิ่นอายหรือบรรยากาศเก่า ๆ เริ่มเลือนหายไปเพราะตัวละครใหม่ ๆ ที่ใส่เพิ่มเข้ามา

มาวันนี้ในที่สุดวันที่แฟน ๆ ดราก้อนบอลรอคอยก็มาถึง Dragon Ball Super: Super Hero นี่แหละคือผลงานล่าสุดของซีรีส์ดราก้อนบอลที่เราต้องการ กลิ่นอายเก่า ๆ ตัวละครที่ถูกลืมหลายตัวได้กลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้งนึง และก็เป็นครั้งแรกหลังจากจบภาคเซลเกมเลยมั้งที่โกคูและเบจิต้าไม่ได้เป็นตัวเอกของเรื่อง แต่เนื้อเรื่องทั้งหมดในภาคนี้จะได้ โกฮัง และ พิกโกโร่ เข้ามาเป็นเดอะแบกของเรื่องแทน

Dragon Ball Super: Super Hero New Trailer – Battle Now (2022)

เรื่องย่อ

สำหรับในภาค Super Hero จะเป็นการดำเนินเนื้อเรื่องต่อจากภาค Broly มาสักพักนึง โดยสตอรี่หลัก ๆ ของภาคนี้จะเริ่มต้นที่ กองทัพเรดริบบ้อนที่เคยถูกโกคูทำลายไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ได้มาเจนต้าเข้ามาสืบทอดกิจการต่อและยังคงมีเป้าหมายเดิมนั่นก็คือการครองโลก เค้าจึงได้ขอความช่วยเหลือจาก ดร.เฮโด้หลายชายของ ดร.เกโรอัจริยะที่เก่งกาจไม่ได้เป็นรองปู่ของตัวเองเลย

โดยเป้าหมายแรกของการกำเนิดใหม่ของกองทัพเรดริบบ้อนคือการกำจัดเสี้ยนหนามสำคัญที่เคยทำลายกองทัพของเค้ามาแล้วอย่างโกคู หรือในอีกมุมนึงในปัจจุบันคือคนที่มีความสัมพันธ์กับ บริษัทแคปซูล คอร์ป ทั้งหมดตั้งแต่บลูม่ายันมิสเตอร์ซาตานเลยทีเดียว

และเป้าหมายแรกที่โดนเพ่งเล็งก็คือ พิกโกโร่ กองทัพเรดริบบ้อนได้ส่งมนุษย์ดัดแปลงแกมม่า 2 ที่มีความสามารถและพลังเทียบเท่ากับนักรบซูเปอร์ไซย่าให้มาจัดการพิกโกโร่ ทำให้พิกโกโร่ต้องไปตามโงฮังให้มาช่วยปกป้องโลกจากการรุกรานโลกในครั้งนี้ เพราะเบจิต้ากับโกคูมัวแต่ไปฝึกวิชากับท่านบิลล์อยู่ เมื่อโลกตกอยู่ในอันตรายก็ต้องให้คนบนโลกปกป้องกันเองซะแล้วงานนี้!!

*รีวิวนี้ไม่มีสปอยล์เนื้อเรื่องครับผม จะเป็นความรู้สึกหลังดูจบล้วน ๆ

โบ๊ะบ๊ะ อากิระ สไตล์

จากภาคที่แล้วที่โดนคนดูบ่นว่าแอ็กชันเยอะเกินไปมาก ดูฉากแอ็กชันเยอะจนเลี่ยน มาภาคนี้ถือว่ามีการปรับบาลานซ์ระหว่างฉากต่อสู้และฉากพูดคุยเดินเรื่องออกมาได้ค่อนข้างดีขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่รู้สึกว่ามีอะไรน้อยไปกว่ากัน สำหรับการเดินเรื่องของภาคนี้จัดว่าเป็นอะไรที่เรียบง่าย ดูง่าย ไม่ค่อยมีอะไรหนัก ๆ หรือดราม่าอะไรสักเท่าไหร่เมื่อเทียบกับภาคอื่น ๆ แต่สิ่งที่ผมชอบสุด ๆ ก็คงจะเป็นมุกตลกที่หากคุณเป็นแฟนการ์ตูนของ อ.อากิระ โทริยามะ เมื่อเห็นก็น่าจะเข้าใจฟิลลิ่งนั้นดีเลย โบ๊ะบ๊ะกันแทบทั้งเรื่อง จนบางครั้งก็ลืมไปเลยว่านี่เป็นการ์ตูนแอ็กชัน

ด้วยความที่เป็นการ์ตูนที่แฟนการ์ตูนรู้จักตัวละครในเรื่องกันดีอยู่แล้ว มุกตลกส่วนใหญ่ก็จะเล่นกับตัวละครเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีตัวชง ตัวตบ ตัวโดน ครบรส และเชื่อเลยว่าแฟนการ์ตูนต้องมีหลุดฮาหลายฉากเลย

เคมี พิกโกโร่ และ โกฮัง ที่แสนคิดถึง

สำหรับในเรื่องนี้การได้กลับมาดู 2 ตัวละครอย่าง พิกโกโร่ และ โกฮัง ต้องจับมือมาช่วยกันกู้โลกด้วยกันอีกครั้งนี่เป็นอะไรที่ดีงามมาก ๆ คิดถึงบรรยากาศแบบนี้สุด ๆ เรียกว่าเป็นการนำตัวละครที่หลัง ๆ ไม่ค่อยมีบทกลับมาแบกเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม จากตอนแรกก่อนดูคิดว่าถ้าโกคูกับเบจิต้าไม่โผล่มาดราก้อนบอลคงจะจืดชืดแน่ ๆ แต่ผิดคาดมาก เพราะการจับคู่ของ 2 ตัวละครนี้คือเป็นอะไรที่ลงตัวแบบสุด ๆ และเป็นบรรยากาศที่น่าคิดถึงและแปลกใหม่มาก ๆ สำหรับดราก้อนบอลยุคนี้

และถึงแม้ภายในเรื่องตัวละครหลัก ๆ อย่าง โกคู กับ เบจิต้า จะถูกลดบทบาทลงไปเยอะมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่โผล่มาให้แฟน ๆ หายคิดถึงเลย ก็ต้องแอบสปอยล์นิดนึงว่า 2 ตัวละครนี้มีฉากเซอร์วิสแฟน ๆ ด้วยนะครับผม โดยเฉพาะเอนด์เครดิต ดูจบก็อย่าเพิ่งลุกออกจากโรงกันล่ะ

นอกจากนี้ตัวละครขโมยซีนอีกตัวละครนึงที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ ปังจัง ลูกของโกฮังก็ทำออกมาได้น่ารักเกินต้านมาก ๆ นี่น่าจะเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ได้เห็นตัวละครนี้ออกมาโลดแล่นเด่น ๆ อยู่ในการ์ตูนเรื่องดราก้อนบอล (ถ้าไม่นับภาค GT) ถ้าพิกโกโร่เป็นตัวชงมุก ปังจังนี่แหละเป็นตัวตบมุกในเรื่องที่บันเทิงมาก ๆ

ตัวละครใหม่ที่ดูจบคุณจะลืมไม่ลง

เมื่อพูดถึงตัวละครใหม่แกะกล่องที่เพิ่มเข้ามาในจักรวาลดราก้อนบอล ตอนดูตัวอย่างคืออีหยังวะมาก ๆ แต่พอดูจบผมบอกเลยว่าไม่มีใครที่จะไม่ชอบตัวละครเหล่านี้แน่นอน โดยเฉพาะตัวละครแกมม่า 1 และ 2 ที่มีการวางสตอรี่และบทออกมาค่อนข้างดีและมีซีนประทับใจมากมายให้น่าจดจำ เรียกได้ว่าต่อให้นำตัวละครเหล่านี้ก้าวขาเข้าสู่จักรวาลหลักก็คงไม่มีแฟนดราก้อนบอลคนไหนติดใจแน่นอน

ฉากต่อสู้แปลกตา แต่แปลกใหม่

สำหรับในเรื่องของงานภาพยอมรับเลยว่าไม่ชินมาก ๆ ในช่วงแรก เพราะภาคนี้จะเป็นการใช้เทคนิค 3D เซลเฉดทั้งเรื่องทำให้บรรยากาศของภาคเก่า ๆ ที่เน้นเป็นภาพแบบ 2D หายไปหมดเลย แรก ๆ คุณจะรู้สึกเหมือนกับนั่งดูคัตซีนจากเกมมากกว่านั่งดูอนิเมะ แต่พอคุณเริ่มปรับตัวจนชินตาแล้วนี่ถือว่าเป็นก้าวใหม่ของฉากแอ็กชันในการ์ตูนดราก้อนบอลเลยก็ว่าได้ เพราะมุมกล้อง แสง สี เสียง ความลื่นไหล คือจัดหนักจัดเต็มจริง ๆ ต่อสู้กันแต่ละทีคือขนลุก มันมาก

สรุปแล้วนี่เป็นการ์ตูนดราก้อนบอลที่มอบความบันเทิงกับคุณตลอดการดูเลย มีเนื้อหาย่อยง่าย มีฉากน่าจดจำเยอะ อาจจะไม่ใช่ดราก้อนบอลที่ต่อสู้สาดพลังหนักเท่าภาคอื่น แต่โดยรวมก็เป็นภาคที่ดูสนุกได้ตลอดทั้งเรื่อง มีมุขตลกสไตล์ อ.อากิระ เก่า ๆ สมัยเขียนอาลาเล่ให้ได้คิดถึง เปลี่ยนบรรยากาศการเดินเรื่องจากปกติจะเน้นไปที่ โกคู และ เบจิต้า เป็นใช้ โกฮัง และ พิกโกโร่ แทน ซึ่งก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ย มทำให้คิดถึงบรรยากาศดราก้อนบอลสมัยช่วงเซลเกมเลย โดยรวมถ้าคุณเป็นแฟนการ์ตูนเรื่องนี้แนะนำให้คุณไปดูเลยครับ นี่จะเป็นอีก 1 The Movie ของซีรีส์ดราก้อนบอลที่คุณจะต้องหลงรักมันแน่นอน

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส