เมื่อพูดถึงชีวิตคนเราก็เหมือนกับกราฟชีวิตที่มีความสุขความทุกข์ขึ้นลงผสมกันไป เพราะคงไม่มีใครมีความสุขตลอดเวลาหรือจมกับความทุกข์แบบไม่มีความสุข ขณะที่บางคนก็ไม่รู้ว่าชีวิตตัวเองจะเดินไปทางไหนทำอย่างไร จนต้องไปปรึกษาเหล่า ‘Life Coach’ หรือคนที่มาบอกคุณว่าตัวคุณนั้นมีคุณค่าต้องเดินไปทางไหนทำอย่างไร เพื่อให้ตัวเองเดินไปบนทางที่ถูกต้องทำให้กราฟชีวิตของคุณพุ่งขึ้นไม่ตกลง เพราะการเปลี่ยนแนวคิดของตัวเอง แต่ก็ไม่ใมใช่ทุกคนที่จะมีเวลาไปดูเหล่า ‘Life Coach’ มาสอนหรือชอบฟังอะไรแบบนี้ เมื่อเป็นอย่างนั้นเราเลยเสนออนิเมะที่เป็นประหนึ่ง ‘Life Coach’ ที่ช่วยบอกคุณว่าต้องทำอย่างไรเมื่อคุณรู้สึกท้อจนกราฟชีวิตตก การ์ตูนเหล่านี้จะเป็นประหนึ่งผู้ชี้นำทางชีวิตแบบปั่น ๆ ให้ได้สนุกเฮฮาตามแบบอนิเมะ เพื่อไม่ให้คุณเครียดและเข้าใจในสิ่งที่ควรเป็นได้ง่ายกว่าฟังคน ๆ เดียวพูด มาดูกันว่าจะมีการ์ตูนเรื่องไหนที่จะชี้นำทางชีวิตคุณแบบปั่น ๆ ได้บ้างมาดูไปพร้อมกันเลย
คำเตือน เนื้อหาในบทความบางอันก็เอาไปใช้ได้บางอันก็อย่าไปหาทำ เพราะเป็นเพียงมุกปั่น ๆ เท่านั้น โปรดใช้จักรยานในการปั่นอย่าไปถีบเดี๋ยวพังขอบคุณครับ
ทุกอย่างต้องมีการวางแผนคิดวิเคราะห์แยกแยะ จากเรื่อง Ya Boy Kongming!
เริ่มต้นอนิเรื่องแรกที่เหมาะสำหรับการเป็น ‘Life Coach’ ให้คนที่มีความฝัน ไม่ใช่เฉพาะคนที่อยากเป็น ‘idol’ เท่านั้นแต่รวมถึงทุกคนไม่ว่าจะเป็นคุณที่กำลังนั่งอ่านนอนอ่านหรือปลดทุกข์และกำลังบทความนี้อยู่ คุณก็สามารถมีความฝันเป็นของตัวเองได้ ด้วยการไปตามหา จูกัดเหลียง (Zhuge Liang) หรือ “ขงเบ้ง” ที่กลับชาติมาเกิดให้เจอแล้วขอให้เขาปั้นเราให้ประสบความสำเร็จ ที่แม้คุณฝันอยากจะเป็น ‘idol’ หรือคนรวยมังกรหลับคนนี้ก็สามารถทำได้เหมือนในอนิเมะเรื่อง ‘Ya Boy Kongming’ หรือชื่อไทยอย่าง “ขงเบ้ง เจาะเวลามาปั้นดาว” กับเรื่องราวในอนิเมะที่เกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิด แบบทั้งตัวและจิตใจของขงเบ้งที่มาในญี่ปุ่น จนไปได้ยินเสียงร้องเพลงของสาวน้อย เอโกะ สึกิมิ (Eiko Tsukimi) จนขงเบ้งหมายมั่นว่าจะปั้นสาวน้อยให้เป็นนักร้องดังให้ได้ด้วยกลยุทธ์ที่ตนมี ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงมันไม่เหมือนในการ์ตูนที่จู่ ๆ เราจะไปเจอคนแบบนี้ในชีวิตจริง แต่เราสามารถหาคนที่ชอบและรู้เรื่องสามก๊ก หรือเราเองที่ไปศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วคิดค้นเอากลยุทธ์ที่มีในนิยายเรื่องนี้มาปรับใช้ในชีวิตจริง ประหนึ่งว่าถ้าเจอเหตุการณ์นี้เราก็งัดกลยุทธ์นี้มาใช้เพื่อให้สิ่งที่ต้องเจอผ่านไปได้ด้วยดี หรือถ้าคุณขี้เกียจไปอ่านสามก๊กเพราะมีคนบอกว่า “ใครที่อ่านสามก๊กครบสามจบคบไม่ได้” ถ้าอย่างนั้นก็ไปหาอนิเมะเรื่องนี้มาดู แล้วคุณจะรู้ว่าทุกอย่างในชีวิตเราควรวางแผนให้ดีคิดให้รอบคอบ ไม่ใช่มัวแต่คิดว่าฉันทำไม่ได้ไม่ไหวหรอกแบบที่เอโกะเป็น ซึ่งทุกอย่างมันมีความเป็นไปได้เสมอตราบเท่าที่ไม่ 100% เราก็ยังมีโอกาสเสมอเพียงแค่คิดให้รอบคอบก็พอ นั่นคือสิ่งที่อนิเมะเรื่องนี้บอกกับเรา
ความพยายามที่ไม่ได้มาง่าย ๆ จากเรื่อง Back Street Girls
ยังอยู่กับการตามความฝันที่คราวนี้สำหรับคุณผู้ชายที่มีความฝันและอยากเป็น ‘idol’ สาวน้อยไปร้องเต้นบนเวทีแบบสาว ๆ ‘idol’ ที่เราชอบสิ่งเหล่านี้ก็สามารถเป็นจริงได้ เพราะในยุคนี้มีการยอมรับเพศที่สามสี่ห้ามากขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหนหน้าตาอย่างไรคุณก็สามารถเป็นอย่างที่ฝันได้ เหมือนอย่าง 3 หนุ่มยากูซ่าที่โชคชะตาฟ้าสั่งสวรรค์สร้างนรกถีบส่งให้ถูกจับแปลงเพศเป็นสาวน้อยที่ดันออกมาน่ารักด้วย ในอนิเมะเรื่อง ‘Back Street Girls’ หรือชื่อไทยน่ารัก ๆ ว่า “ไอดอลสุดซ่า ป๊ะป๋าสั่งลุย” ที่บอกเล่าความน่ารักที่สุดแสนรันทดของสามหนุ่มที่ต้องมาเป็น ‘idol’ ที่คนไม่รู้ว่าทั้งสามสาวน่ารักนั้นคือผู้ชาย จนกลายเป็นเรื่องราวโหดป่วนฮาไปเสียอย่างนั้น เพราะดูเหมือนทั้งสามคนจะชอบการเป็นแบบนี้ไปซะงั้น ซึ่งถ้าเรามองเรื่องนี้ในมุมของ ‘Life Coach’ และตัดเรื่องความฝันที่อยากเป็น ‘idol’ ไป เราก็ควรดูทั้ง 3 คนนี้เป็นตัวอย่างว่า กว่าที่พวกเขาจะมาเป็น ‘idol’ ได้นั้นพวกเธอ (เขา) ต้องผ่านการฝึกร้องเพลงใต้น้ำตกเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อเปลี่ยนเสียงผู้ชายเป็นเสียงผู้หญิงแบบ 100% รวมถึงการฝึกร่างกายด้วยการไปวิ่งหลบระเบิด ปีนเชือกอดอาหารเพื่อให้ร่างกายพร้อมกับการเต้นและจับมือสุดโหด รวมถึงการล้างสมองด้วยการดูเรื่องราวของ ‘idol’ สามวันสามคืนแบบไม่ต้องนอนเพื่อให้รู้ถึงจิตวิญญาณของสาวน้อย ที่เห็นว่าบ้าบอแบบนี้ตามเนื้อเรื่องสามสาวโด่งดังมีแฟนคลับมากมาย ที่กว่าจะมีวันนี้พวกเธอ (เขา) ต้องผ่านสิ่งต่าง ๆ มามากมาย ก็เหมือนกับคุณที่นอนรอกระดิกนิ้วเท้าแล้วบ่นว่าเมื่อไหร่จะรวยชาตินี้ก็นอนกระดิกนิ้วเท้าต่อไป เพราะถ้าไม่ขยันไม่ทำงานไม่รู้จักอดทนแบบสามสาวก็คงไม่ประสบความสำเร็จแน่นอน ส่วนใครที่อยากหาอนิเมะกาว ๆ ปั่น ๆ เรื่องนี้ขอแนะนำเลย
ถ้าอยากมีแฟนมีเพื่อนแบบไหนก็จงไปอยู่ในสถานที่นั้น ไปดู Sono Bisque Doll wa Koi wo Suru
มีใครบางคนที่ก็ไม่รู้ว่าใครกล่าวเอาไว้ว่า “ถ้าอยากมีแฟนมีเพื่อนแบบไหนก็จงไปอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่ไปหาสาวเรียบร้อยแต่งตัวมิดชิดในร้านเหล้า หรือไปหาสาวแต่ตัวน่ารัก ๆ ในวัด” รวมถึงคนที่บอกว่าตัวเองมีแฟนมีเพื่อนที่ไม่ชอบอนิเมะจนกลายเป็นแกะดำในกลุ่ม นั่นก็เพราะคุณไปอยู่ในกลุ่มคนที่ผิดก็เหมือนไปรอรถไฟที่สนามบิน ดังนั้นจงเปลี่ยนความคิดใหม่ตั้งแต่ตอนนี้ เพราะถ้าคุณชอบอนิเมะสะสมของเล่นรวมถึงการเล่นเกมก็จงไปหาคนที่ชอบแบบนี้ เพราะในทุกวงการแม้แต่ในวงการที่ไม่น่าจะมีสาวๆ น่ารัก ๆ อย่างการเพาะกายหรือเตะฟุตบอลก็มีสาวสวยน่ารักอยู่ ดังนั้นถ้าชอบอะไรก็ไปอยู่ตรงนั้นแบบเดียวกับที่ โกโจ วาคานะ (Gojo Wakana) ไอ้หนุ่มเย็บผ้าที่เย็บ (ผ้า) อยู่ดี ๆ ก็ได้ไปเข้าวงการคอสเพลย์ไปเสียอย่างนั้น ในเรื่อง ‘Sono Bisque Doll wa Koi wo Suru’ หรือชื่อไทยอย่าง “หนุ่มเย็บผ้ากับสาวนักคอสเพลย์” ที่เป็นการเปิดประตูจากหนุ่มผู้ไม่มีเพื่อนคบเพราะวัน ๆ เอาแต่มองตาเยิ้มใส่ตุ๊กตาที่มีแต่หัว จนเขาได้เข้าวงการตัดชุดในนักคอสเพลย์จนกลายเป็นเรื่องราวความรักขึ้นมา เรียกว่าหนุ่ม ๆ ต่างอิจฉาตานี่จนอยากไปเรียนเย็บผ้าเพื่อว่าจะได้เจอสาวคอสเพลย์มาขอให้ช่วยบ้าง ที่ในความเป็นจริงคงไม่มีแบบนั้น แค่เราจะบอกว่าถ้าอยากมีแฟนเพื่อนที่ชอบแบบเดียวกันก็ไปตรงนั้นซะ อย่ามัวแต่มโนจิ้นไปวัน ๆ จนสุดท้ายก็เป็นแค่ฝันเท่านั้นเข้าใจไหมไอ้ทิด
เราสามารถเปลี่ยนตัวเองได้เสมอแม้จะผ่านอะไรมาก็ตาม จากเรื่อง Gokushufudo
คุณเคยคิดว่าตัวเองไร้ค่าบ้างไหม ประมาณว่าตัวคุณนั้นเกิดมาก็เป็นแค่ไอ้ขี้แพ้ทำอะไรก็แย่ไม่ประสบความสำเร็จ แฟนก็ไม่เคยมีสาวน่ารัก ๆ ก็ไม่เคยคุยด้วย ได้แต่โพสต์รูปสาว ๆ ในอนิเมะไปวัน ๆ แล้วมโนว่าคนนี้เป็นแฟนเรา ถ้าอย่างนั้นคุณก็เดินไปที่ตู้จดหมายหน้าบ้านหรือกองจดหมายที่ส่งมาคุณ ก็จะพบว่าตัวเองมีทั้งค่าน้ำค่าไฟค่าโทรศัพท์รายเดือนและค่าของเล่นที่มัดจำเอาไว้ที่ร้านออกแล้ว เพียงเท่านี้คุณก็มีค่าแล้วในชีวิต (ใช่ที่ไหนกัน) สิ่งที่เราจะบอกก็คือ (กรุณาอ่านแบบสำเนียง ‘Life Coach’ ที่ดูมีวิชาการ) ตัวคุณนั้นไม่ได้ไม่มีค่าตัวคุณมีค่าเสมอ โดยเฉพาะค่าไฟกับค่าอินเทอร์เน็ตที่ถ้าไม่จ่ายคุณจะถูกตัดไฟตัดอินเทอร์เน็ตจนดูอนิเมะเรื่องโปรดไม่ได้ (ยังจะเล่นมุกซ้ำอีก) ดังนั้นจงรู้ไว้ว่าคุณมีค่าเสมอแม้แต่คนที่เคยมีอดีตที่ไม่ดีอย่างการทิ้งขยะนอกถัง หรือโกหกพ่อแม่ว่าจะไปทำรายงานกับเพื่อนแต่ขอเงินไปเที่ยว ทุกคนล้วนแต่เคยทำผิดมาแล้วทั้งนั้น เหมือนอย่างอนิเมะเรื่อง ‘Gokushufudo’ หรือชื่อไทยอย่าง “พ่อบ้านสุดเก๋า” ที่บอกเล่าเรื่องราวของอดีตยากูซ่าในตำนานที่ลามือจากวงการมาเป็นพ่อบ้านเต็มเวลา ที่อดีตของสุดยอดยากูซ่าในตำนานก็ยังมาหลอกหลอนแต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยน ทัตสึ (Tatsu) เจ้าของฉายา “ทัตสึคนอมตะ” ให้กลับไปเป็นแบบเดิมได้ เพราะถ้าเราตั้งมั่นว่าจะเปลี่ยนตัวเองยังไงก็สามารถทำได้เสมอตลอดเวลา อย่าเอาอย่างอื่นมาอ้างเพราะถ้าเราอ้างก็แปลว่าเราไม่อยากทำ ดังนั้นดูทัตสึพ่อบ้านเต็มเวลาคนนี้เป็นตัวอย่าง และเริ่มเปลี่ยนตัวเองเสียตั้งแต่ตอนนี้ และอย่าลืมไปเสียค่าไฟค่าอินเทอร์เน็ตละเราเตือนคุณแล้ว
อยากมีเพื่อนที่ดีก็ควรทำตัวดี ๆ ด้วยใจ จากเรื่อง Ousama Ranking
มีใครก็ไม่รู้เคยบอกเอาไว้ว่า “ถ้าเราเอาใจแลกใจสุดท้ายก็จะได้ใจอีกฝ่ายมา” คำพูดนั้นจะบอกว่าจริงมันก็แค่ครึ่งเดียว เพราะถ้าคุณยึดติดกับละครคุณธรรมที่ดูตามสื่อต่าง ๆ แล้วหวังว่าการให้ใจของคุณนั้นจะทำให้คนที่เกลียดคุณหันมาชอบคุณ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย ใครที่เกลียดไม่ชอบคุณเขาก็ยังคงไม่ชอบคุณอย่างนั้น เหมือนคนที่คุณรักและตะโกนว่า “ฉันจะปกป้องเธอเองเพราะเธอคือคนที่ฉันรัก” ต่อหน้าปีศาจที่จะกินเธอ แต่พอสาวเจ้าบอกว่า “เราคิดกับนายแค่เพื่อน” คุณก็คงจะเดินหนีทิ้งสัตว์ประหลาดกินคนที่คุณรัก พร้อมความเสียใจที่เราพร้อมยอมตายเพื่อปกป้องเธอ เหมือนเราเอาตัวไปบังกระสุนคนที่เกลียดเรา เขาก็คงบอกว่ามายุ่งทำไมคนจะตายมาบังกระสุนเพื่อ ส่วนคนที่คุณรักขนาดซ้อมเราจนเข้าโรงพยาบาล คุณก็ยังแก้ตัวแทนว่าเขาตบยุงที่เกาะเราแค่ตบแรงไปหน่อยเท่านั้น เหมือนอย่างเรื่อง ‘Ranking of Kings’ หรือชื่อไทยว่า “อันดับพระราชา” ที่บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าชายที่เป็นใบ้แม่ตายพ่อก็ตายน้องชายต้องการขึ้นเป็นพระราชา ซึ่งใครที่ดูเรื่องนี้มาแล้วจะอุทานออกมาว่า “สรุปเราไว้ใจใครได้บ้าง” เพราะทุกคนนั้นพร้อมจะหักหลังกันเอง จะมีแค่ โบจิ (Bojji) เจ้าชายน้อยผู้เป็นใบ้ที่จริงใจกับทุกคนอย่างใจจริง แต่สิ่งที่เจ้าชายได้คือการหักหลังซ้ำไปซ้ำมา แต่เจ้าชายก็ยังจริงใจอยู่แบบนั้นไม่เคยคิดร้ายตอบ ที่ดูเหมือนคนโง่แต่ถ้าเราจริงใจจริง ๆ และมองว่าเราไม่คิดร้ายใส่ใคร เราก็จะไม่มีความคิดด้านลบมองแต่สิ่งดี ๆ เสมอ ส่วนอีกฝ่ายจะคิดยังไงก็เรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับเรา คนที่มีความสุขก็คือโบจิไม่ใช่คนพวกนั้นที่มัวแต่คิดเรื่องร้าย ๆ แค่เราไม่ไปยุ่งกับคนเหล่านั้น หรือถ้าต้องยุ่งในฐานะเพื่อนร่วมงานพอถูกแซะถูกแกล้งก็เฉย ๆ ไป คนพวกนี้เขาทำได้ไม่นานถ้าเราไม่เล่นด้วยก็เบื่อไปเอง (มั้ง) เหมือนการตบมือข้างเดียวไม่ดังแต่เอามือตบหน้าจะดัง ใครที่อยากมีความสุขไม่อยากเครียดจนผมร่วงก็คิดดีแบบโบจิเอาไว้ บอกเลยอนิเมะเรื่องนี้ของดี แล้วคุณรู้ว่าคนเราไม่ได้เลวทุกคนแค่เลวมากเลวน้อยเลวแสดงออกรึเปล่าเท่านั้น
ปัจจุบันเป็นตัวกำหนดอนาคต จาก Tokyo Revengers
คุณเคยได้ยินคำว่า ‘ปัจจุบันเป็นตัวกำหนดอนาคต’ ไหม คำ ๆ นี้มันหมายถึงสิ่งที่คุณทำในตอนนี้จะส่งผลถึงอนาคตข้างหน้า อย่างการโกหกแม่ว่าจะเอาเงินไปทำรายงานแต่แอบไปเที่ยวกับเพื่อน หรือโกหกภรรยาว่าเกมเครื่องนี้ราคาแค่ 1,000 บาทแต่ซื้อมาจริง 20,000 บาท ที่ปัจจุบันนี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของคุณ ถ้าแม่กับแฟนรู้ว่าคุณโกหกคุณอาจจะหลับไปวูบเดียวมาตื่นที่โรงพยาบาล หรือทั้งคู่อาจจะไม่รู้เรื่องนี้ก็ได้ ซึ่งนั่นคือตัวกำหนดอนาคตของคุณ ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำนายอนาคตตัวเองได้ว่าจะไปซ้ายรึขวาตามแต่การกระทำของเรา แต่คนส่วนมากกลับไม่คิดไม่สนใจ และบอกว่าหมอดูทำนายถูกทั้งที่ก็ไม่รู้ว่ามันจริงไหม เหมือนอย่างที่ไอ้กาก ทาเคมิจิ ฮานางากิ (Takemichi Hanagaki) ทำนั่นคือการไปเปลี่ยนอดีตเพื่อให้อนาคตกลับมาดี แต่ยิ่งเขาสามารถย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนอดีตอนาคตก็ยิ่งมั่ว เพราะความขี้แพ้ที่มัวแต่คิดถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและคิดแต่ตัวเอง จนลืมไปว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะมีอะไรตามมา ซึ่งถ้าใครไม่เคยดูอนิเมะเรื่องนี้จะเกี่ยวกับชายที่บังเอิญย้อนเวลากลับไปในอดีต เพื่อหาทางเปลี่ยนอนาคตในการช่วยแฟนเก่าที่อนาคตจะโดนฆ่าตายเขาจึงไปเปลี่ยนอดีตที่ยิ่งเปลี่ยนยิ่งเลวร้าย ดังนั้นถ้าคุณได้ดูเรื่อง ‘Tokyo Revengers’ ก็อย่าไปเอาแบบตัวละครในเรื่องนี้เป็นตัวอย่าง เพราะทุกคนมักจะทำแบบไม่คิดถึงผลที่ตามมา อย่ามาอ้างว่าเป็นนักเลงเลือดร้อนลุยคือลุย แต่พอบาดเจ็บตายขึ้นมามันคุ้มไหม หรือตัดสินใจทำอะไรแบบไม่คิด หรือการไปจองเกมของเล่นรัว ๆ พอของออกมาพร้อมกันแล้วไม่มีเงินจ่ายจนต้องกินมาม่าตลอดเดือน ดังนั้นฟัง ‘Life Coach’ นะว่าอย่ากินมาม่าเยอะเดี๋ยวเป็นโรคไต ซื้อไข่มาต้มพร้อมหุงข้าวดีกว่า ประหยัดไฟและเงินเพราะได้ไข่สุกพร้อมข้าวแถมลดความอ้วนด้วย
เราสามารถเป็นคนพิเศษได้โดยที่ไม่ต้องมีพลังแบบในอนิเมะเพียงแค่เปลี่ยนตัวเอง จาก Dr. Stone
เอาละเราชี้แนะแนวทางกันมาพอประมาณแล้ว คราวนี้มาดูวิธีการเปลี่ยนตัวเองจากคนธรรมดาให้เป็นคนที่ดูฉลาดดูดีบ้าง โดยที่คุณไม่ต้องรอให้อสูรมาฆ่าล้างครอบครัวจนไปเข้าหน่วยพิฆาตอสูร ไม่ต้องไปหานิ้วคนตายอายุพันปีมากลืนเพื่อจะได้พลัง หรือหาหมาเลื่อยแล้วให้มันสละชีวิตช่วยเรา คุณก็สามารถเป็นคนพิเศษได้ในแบบของคุณ เพียงแค่คุณเปลี่ยนตัวเองจากเดิมมาเป็นคนใหม่ได้ ยกตัวอย่างเด็กชาย อิชิงามิ เซ็นกุ (Ishigami Senku) จากเรื่อง ‘Dr. Stone’ เด็กชายธรรมดาที่แค่ชอบวิทยาศาสตร์และจำสิ่งที่ตัวเองเรียนรู้ได้ขึ้นหัวสมอง จนเมื่อโลกจู่ ๆ ก็ถูกแสงสีเขียวทำให้มนุษย์กลายเป็นหินไปถึง 3,000 ปี จนแม้แต่พลาสติกก็ย่อยสลายไปแล้ว พอมนุษย์เริ่มกลับมาทุกคนก็ต้องเริ่มจากไม่มีอะไรเลย ซึ่งสิ่งที่เซ็นกุมีคือความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ใคร ๆ ก็สามารถรู้ได้ จนสามารถเปลี่ยนโลกที่ไม่มีอะไรเลยให้กลับมาได้ เหมือนกับตัวคุณที่เปลี่ยนจากชายหนุ่มบ้าน ๆ สวมเสื้อรัด ๆ กับกางเกงขาสั้นนั่งอยู่หน้าคอมดูอนืเมะ ก็ลองลุกขึ้นมาออกกำลังกายลดหุ่นเปลี่ยนการแต่งตัวและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เพื่อเข้าใจผู้คนสังคมแบบที่เซ็นกุทำ คุณก็สามารถเป็นคนใหม่ได้โดยที่ไม่ต้องได้รับพลังจากตัวประหลาดที่ให้คุณเป็นแม่มด หรือรอโดนตีหัวจับกรอกยาจนกลายเป็นเด็ก คุณก็สามารถเป็นคนใหม่ได้นับตั้งแต่วินาทีนี้ และอย่างอ้างนั่นอ้างนี่เพราะถ้าคุณมีข้ออ้างแปลว่าลึก ๆ แล้วคุณไม่อยากทำนั่นเอง
อย่าไปอินกับชีวิตในอนิเมะมากเกินไปโดยเฉพาะเรื่อง Kanojo Okarishimasu
ปิดท้ายกับการเตือนสติด้วยการลูบหน้าเบา ๆ ที่ไม่ใช่การตบ กับการบอกคุณว่าเราสามารถดูอนิเมะได้ทุกเรื่องชอบทุกอย่าง และสามารถเอาสิ่งต่าง ๆ เรานั้นมาปรับใช้ได้ แต่บางอย่างก็อย่าไปเอามาใช้อย่างพระเอกของเรื่อง ‘Kanojo Okarishimasu’ หรือชื่อไทยอย่าง “สะดุดรักยัยแฟนเช่า” ที่บอกเล่าเรื่องราวของ คิโนชิตะ คาซึยะ (Kinoshita Kazuya) ชายผู้ไม่เอาถ่ายเอาแก๊สเอาไม้ขีดหรืออะไรเลยในชีวิต แถมยังใช้เงินเก่งโทษทุกอย่างยกเว้นตัวเองและทำตัวงี่เง่า แต่เขากลับโคตรโชคดีที่มีสาว ๆ มารักมาชอบ ขนาดแฟนเก้าที่เลิกไปแล้วยังกลับมา จนหลายคนคิดมโนไปเองว่าถ้าเราทำตัวแบบนี้สาว ๆ ต้องชอบแน่ ๆ เพราะขนาดพระเอกในเรื่องนี้ยังมีสาว ๆ มาชอบเลย ที่ต้องบอกเลยว่า “อย่าหาทำ” เพราะในโลกแห่งความจริงถ้าคุณนิสัยแบบนี้ต่อให้หล่อปานมาริโอ้รวมร่างณเดชน์ก็ไม่มีใครเอาคุณ และเช่นกันต่อให้คุณสวยน่ารักโมเอะโลลิขนาดไหนก็มีคนชอบ (อ้าว) แต่เขาจะชอบแค่รูปลักษณ์ของคุณไม่ได้รักคุณที่เป็นคุณ ดังนั้นถ้าจะให้คนรักคุณก็ต้องทำตัวให้น่ารักและควรทำมันจากใจอย่างไปแกล้งทำ เมื่อนั้นโลกจะคัดคนที่ชอบในสิ่งที่คุณทำเข้ามา และเตะคนที่ไม่ชอบคุณออกไปเอง ซึ่งการเป็นตัวเรามันก็ดีแต่การเข้าใจคนอื่นก็เป็นส่วนสำคัญเพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกจำไว้
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ ‘Life Coach’ ฉบับอนิเมะที่เราหยิบยกมานำเสนอหวังว่าจะถูกใจกัน โดยการยกเรื่องราวของอนิเมะเหล่านี้มาเป็นตัวอย่าง หวังว่าคุณจะเข้าใจในสิ่งที่บทความสื่อมากขึ้น ซึ่งถ้าใครสนใจอนิเมะเรื่องไหนก็ไปหามาดูกันได้ตามช่องทางถูกลิขสิทธิ์ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ทางช่องทางเหล่านั้นซื้ออนิเมะดี ๆ มาให้เราดูฟรี ๆ (แต่เสียค่าอินเทอร์เน็ต) แล้วคุณจะรู้ว่าความปั่น ๆ กาว ๆ ที่บทความนี้บอกมันมีสาระอยู่ ลองเอาไปปรับใช้หรือคิดตามดู แล้วคุณจะรู้ว่าอนาคตที่สดใสรอคุณอยู่ถ้าคุณเริ่มเปลี่ยนมุมความคิดตัวเอง ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับในวงการอนิเมะก็รอติดตามกันได้ หรือจะไปอ่านบทความเฮฮากับมุก 5 บาท 10 บาทก็ไปย้อนอ่านดู ชอบไม่ชอบอย่างไรก็มาบอกกันได้ เพราะที่แบไต๋มีครบจบเพื่อความบันเทิงเพื่อคุณ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส