เดินทางมาถึงช่วงที่ 3 ของเรื่องราวการต่อสู้ของนักล่าอสูรของสองพี่น้องเด็กกำพร้า จากเด็กชายผู้รักสงบขายถ่านเลี้ยงครอบครัวกับน้องสาวผู้แสนดีแต่ถูกทำให้เป็นปีศาจ ที่ทั้งคู่ต้องออกเดินทางพร้อมกับเพื่อนบ้าพลังหัวหมูป่ากับเด็กชายขี้กลัวผู้เก่งกาจ ที่ทั้งหมดได้ผ่านการต่อสู้สูญเสียมาอย่างมากมาย จนมาถึงเรื่องราวของหมู่บ้านช่างตีดาบ ที่เป็นบทส่งท้ายส่วนสำคัญของเรื่อง ก่อนจะเข้าสู่เรื่องราวหลักในช่วงสุดท้าย ซึ่งคนที่อ่านมังงะมาแล้วน่าจะทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้วว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่สำหรับคนที่ดูแต่อนิเมะเรื่องราวในคราวนี้จะเป็นการต่อสู้ที่ต่อเนื่องสนุกน่าติดตาม พร้อมกับการเฉลยปมหลาย ๆ อย่างที่เราสงสัยในคราวนี้ แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นเรามาทำความรู้จักเรื่องราวตัวละคร และสิ่งที่จะเกิดขึ้นเพื่อเป็นการปูทางให้คนที่ดูแค่อนิเมะได้รู้จักตัวละครเหล่านี้มากขึ้น โดยเนื้อหาในบทความนี้จะไม่มีการสปอยล์เรื่องราวในอนิเมะ แต่เป็นการแนะนำข้อมูลเบื้องต้นเป็นน้ำจิ้มเพื่อให้คุณดูอนิเมะภาคนี้สนุกมากขึ้น จะมีเรื่องราวอะไรน่าสนใจของ ‘Kimetsu no Yaiba Swordsmith Village’ หรือ “ดาบพิฆาตอสูร สู่หมู่บ้านช่างตีดาบ” บ้างนั้นมาดูไปพร้อมกันเลย
เรื่องราวเบื้องต้นของดาบพิฆาตอสูรตอนสู่หมู่บ้านช่างตีดาบ
ถ้าใครที่ติดตามเรื่องราวของดาบพิฆาตอสูรหรือ ‘Kimetsu no Yaiba’ มาตลอดจะทราบดีว่าตอนนี้เรื่องราวของอนิเมะได้ก้าวเข้ามาสู่ช่วงที่ 3 ของเรื่องราวจากทั้งหมด 4 ช่วงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในคราวนี้เรื่องราวของดาบพิฆาตอสูรหรือ ‘Kimetsu no Yaiba Swordsmith Village’ หรือในชื่อภาษาไทยที่คนอ่านมังงะคุ้นเคยนั่นคือ “ดาบพิฆาตอสูร สู่หมู่บ้านช่างตีดาบ” ที่จะบอกเล่าเรื่องราวของการไปตีดาบใหม่ของน้องหัวบาก คามาโดะ ทันจิโร่ (Kamado Tanjiro) และน้องสาวสุดน่ารัก คามาโดะ เนสึโกะ (Kamado Nezuko) ที่สูญเสียดาบ (อีกแล้ว) จากการต่อสู้กับ อาคาสะ (Akaza) ในศึกรถไฟสู่นิรันดร์ ที่คราวนี้สองพี่น้องต้องไปที่หมู่บ้านช่างตีดาบเพื่อไปขอร้องให้ ฮากาเนะซึกะ โฮตารุ (Haganezuka Hotaru) หรือใครก็ได้ตีดาบใหม่ให้ เพราะน้องบากเราใช้ดาบเปลืองมาก ๆ จนช่างตีดาบไม่อยากทำให้ และหมู่บ้านนี้ก็เป็นความลับที่แม้แต่คนของหน่วยพิฆาตอสูรเองก็ไม่รู้จัก เพื่อป้องกันจากเหล่าอสูรมาทำลายฐานที่มั่นนี้ และในคราวนี้เรื่องราวของหมู่บ้านต่างตีดาบจะเฉลยปมต่าง ๆ ที่ค้างคาในหลาย ๆ ส่วนออกมา อย่างเพลงดาบที่ทันจิโร่เอามาจากท่ารำของพ่อสมัยเด็กว่ามาจากไหน และบุคคลปริศนา สึกิคุนิ โยริอิจิ (Tsugikuni Yoriichi) ตัวละครที่ถูกปูทิ้งเอาไว้ในคราวก่อนคือใคร เพื่อเป็นการปูเนื้อหาก่อนก้าวเข้าสู่ช่วงสุดท้ายในองก์ที่ 4 ในตอนปราสาทไร้ขอบเขตที่จะมาหลังจากนี้ ที่บอกเลยว่าห้ามพลาด
หมู่บ้านช่างตีดาบของเหล่านักล่าอสูร
คราวนี้เรามาทำความรู้จักกับเรื่องราวของหมู่บ้านช่างตีดาบ ที่เป็นความลับจากบุคคลภายนอกที่มีอายุมากกว่า 300 ปี ซึ่งคนนอกที่จะมายังหมู่บ้านแห่งนี้ต้องผ่านการขี่หลัง ‘Kakushi’ เหล่าคนรับใช้ที่ปิดหน้าให้แบกมาเป็นทอด ๆ ตลอดทาง แถมยังต้องปิดตาปิดหูเพื่อกันคนนอกรู้ว่าหมู่บ้านนี้อยู่ที่ไหน เพราะถ้าเหล่าอสูรรู้ว่าหมู่บ้านช่างตีดาบนี้อยู่ที่ไหนอาจจะนำพาหายนะมาสู่หมู่บ้าน รวมถึงการขาดคนที่จะมาตีดาบ ‘Nichirin’ ซึ่งเป็นแร่เหล็กที่ได้อาบแสงแดดตลอดทั้งปีบนภูเขาโยโกะ ซึ่งต้องใช้ช่างตีดาบผู้มากประสบการณ์และรู้จักเหล็กชนิดนี้ดีจึงจะสามารถตีออกมาได้ นอกจากนี้ผู้คนในหมู่บ้านช่างตีดาบทุกคนต้องสวมหน้ากากที่เรียกว่า ‘Hyottoko’ หรือหน้ากากตัวตลกตลอดเวลา เพื่อปกปิดตัวตนในการป้องกันคนตามมาในหมู่บ้าน (ถ้ารู้ว่าถูกตามก็ถอดหน้ากากคราวนี้คนตามก็ไม่รู้แล้วว่าใคร) นอกจากนี้ก็ยังมีบ่อน้ำพุร้อนและโรงฝึกดาบสำหรับเหล่านักรบที่จะมาฝึกได้ระหว่างรอดาบใหม่ เพราะดาบบางเล่มนั้นจะถูกสร้างตามที่นักล่าอสูรต้องการ ที่ไม่ใช่แค่ดาบธรรมดาแต่เป็นดาบรูปทรงพิเศษตามที่นักล่าอสูร (โดยเฉพาะเสาหลัก) ต้องการ เมื่อทำเสร็จจึงต้องมีการทดลองใช้ว่าเข้ามือไหม นักล่าอสูรเลยต้องมารอเตรียมตัวที่นี่ ซึ่งก็มี โทกิโตะ มุอิจิโร่ (Tokito Muichiro) และ คันโรจิ มิตซูริ (Kanroji Mitsuri) สองเสาหลักที่มาทำดาบพอดี จึงเกิดเป็นเรื่องราวในคราวนี้นั่นเอง
Haganezuka Hotaru ช่างตีดาบผู้รักดาบเป็นชีวิตจิตใจ
นอกจากตัวละครหลักที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้วในซีรีส์ดาบพิฆาตอสูร ก็มีตัวละครสมทบที่มีบทบาทมากขึ้นในภาคนี้ หนึ่งในนั้นก็คือช่างตีดาบผู้รักดาบยิ่งกว่าคน อย่าง ฮากาเนะซึกะ โฮตารุ ชายผู้ตีดาบให้กับทันจิโร่ที่พอนายหัวบากเอาไปใช้ก็ทำหัก ตีให้ใหม่ก็ทำหักอีกซ้ำไปซ้ำมา จนพี่แกเอามีดไล่ฟันทันจิโร่แบบเอาเป็นเอาตาย (พี่แกเอาจริงนะนั่นว่าไป) ที่กว่าจะทำให้พี่แกสงบลงได้ ด้วยการให้กินขนมมิทาราชิดังโงะหรือกดจุดหัวเราะพี่แกก็จะหยุดบ้า และพอมาถึงในภาคหมู่บ้านช่างตีดาบ ฮากาเนะซึกะก็งอนไม่อยากตีดาบให้ทันจิโร่แล้วเพราะเขาไม่ถนอมรักษาดาบทีเขาตีขึ้นมาด้วยใจ จนทันจิโร่ต้องมาที่หมู่บ้านนี้เพื่อหาช่างตีดาบคนใหม่มาตีดาบให้เพื่อไปสู้ศึกต่อไป แต่ในตอนปกติฮากาเนะซึกะจะเป็นคนขี้เล่นไม่ค่อนจริงจัง แต่พอพูดถึงเรื่องดาบเขาจะเป็นมาเป็นคนจริงจังและมุ่งมั่นในการตีดาบมาก ๆ ขึ้นมาทันที แถมในคราวนี้ (แอบบอกใบ้) เราจะได้เห็นหน้าภายใต้หน้ากากของฮากาเนะซึกะด้วย แต่จะเป็นช่วงไหนนั้นไม่บอกไปดูเอาเอง
Kanroji Mitsuri ผู้ใช้ปราณความรัก
อีกหนึ่งตัวละครที่เคยปรากฏตัวแบบผ่าน ๆ ตอนที่ประชุมเสาหลัก กับสาวสวยผมชมพูผู้เป็นถึงเสาหลักแห่งความรัก คันโรจิ มิตซูริ ผู้คิดค้นวิชาและปราณต่อสู้ของตัวเองขึ้นมาจากการเรียนรู้วิชาดาบเพียงแค่ 6 เดือน และใช้เวลาไม่นานในการไต่เต้าจนมาเป็นเสาหลักที่เรียกว่าอัจฉริยะก็ได้ แต่เห็นแบบนี้มิตซูริกับเป็นหญิงสาวผู้โหยหาความรักมองโลกในแง่ดี และเธอได้ผ่านการดูตัวมาแล้วหลายต่อหลายครั้งแต่หนุ่ม ๆ ก็ไม่สนใจเธอเลย เพราะตัวของมิตซุรินั้นมีมวลมัดกล้ามเนื้อที่ต่างกับคนทั่วไปจนเธอมีพลังช้างสาร (ต่อยความตายได้ในหมัดเดียวถ้าจะทำ) จนไม่มีผู้ชายคนไหนยอมรับเป็นเจ้าสาว เมื่อเป็นอย่างนั้นมิตซูริจึงเปลี่ยนพลังที่มีทุ่มเทในการล่าอสูรเพื่อทำประโยชน์แทน และด้วยท่วงท่าการต่อสู้บวกกับปราณของเธอนั้นไม่เหมาะกับดาบธรรมดาทั่วไป มิตซูริจึงต้องมาตีดาบใหม่เพื่อให้เหมาะกับเธอ ส่วนชุดที่เราได้เห็นนั้นคือเครื่องแบบของนักล่าอสูรจริง ๆ ที่ผู้หญิงใส่กัน (อ้างอิงตามข้อมูลในหนังสือ) ส่วนชุดที่ โคโช ชิโนบุ (Kocho Shinobu) ใส่นั้นเป็นเครื่องแบบของผู้ชายเข้าใจตรงกันนะ
Tokito Muichiro ผู้ใช้ปราณหมอก
“ท้องฟ้าวันนี้สวยจัง คนพวกนี้เขาคุยอะไรกันไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” นั่นคือประโยคคิดในใจของเสาหลักหมอก โทกิโตะ มุอิจิโร่ ชายผู้เป็นอัจฉริยะของอัจฉริยะในอัจฉริยะอีกที เพราะมุอิจิโร่นั้นเรียกรู้วิชาดาบจากไม่เป็นเลยจนเป็นนักดาบที่ขึ้นเป็นเสาหลักและคิดค้นปราณของตัวเองได้ในเวลาเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น (นั่นรวมเวลาจากจุดเริ่มต้นมาเป็นเสาหลัก) และเห็นน้องเอ๋อ ๆ เหม่อลอยไม่สนสี่สนแปดอะไรแบบนี้นั้น น้องเขามีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมมาก ๆ ที่สามารถรับสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่นอกขอบเขตการรับรู้ปกติของคนทั่วไปได้ อย่างการแยกแยะรัศมีที่เปล่งออกมาจากตัวคนกับปีศาจ ไปจนถึงจุดตายในตัวคนว่าต้องฟันไปตรงไหนถึงจะทำลายอีกฝ่ายให้ตายได้ในดาบเดียวหรือไร้ทางตอบโต้คืน แถมยังมีวิชาดาบเพลงดาบที่เรียกว่าหนือมนุษย์จนคนทั่วไปตามไม่ทัน นอกจากนี้ภายใต้หน้ากากที่นิ่งเฉยไร้ความรู้สึกและไม่รับรู้อะไรนั้น มันมีหน้ากากแห่งความโกรธเกลียดชังที่รุนแรงซ่อนอยู่พร้อมกับอดีตที่ไม่อาจลบหายไปจากตัวตนและสายเลือดที่มุอิจิโร่ต้องแบกเอาไว้ และคราวนี้เราจะได้เห็นเสาหลักหมอกต่อสู้แบบเต็ม ๆ ตาที่คุณจะหลงรักตัวละครนี้แน่นอน
Shinazugawa Genya ชายผู้กลืนกินอสูร
ใครยังจำหนุ่มน้อยหน้าโหดที่จิกหัวหนุ่มน้อย (น้องเป็นผู้ชายนะ) ในช่วงสอบหน่วยพิฆาตอสูรได้บ้าง เพราะหลังจากเหตุการณ์ในตอนนั้นเราก็แทบไม่เห็น ชินาซุกาวะ เก็นยะ (Shinazugawa Genya) ปรากฏตัวออกมาอีกเลย จนมาถึงช่วงหมู่บ้านช่างตีดาบที่เราจะได้เห็นเขามาร่วมต่อสู้ทดแทนนายหัวหมูกับหนุ่มน้อยสายฟ้าที่จะไม่มีบทในภาคนี้ ซึ่งนิสัยของเก็นยะนั้นจะเป็นพวกปากร้ายใจดีหน้าโหดแต่ตะมุตะมิมาก ๆ ซึ่งทันจิโร่เราดูออกตั้งแต่แรกเห็นแล้วเลยพยายามมาตีสนิทด้วย โดยตัวเก็นยะนั้นเป็นน้องชายแท้ ๆ ของ ชินาซุกาวะ ซาเนมิ (Shinazugawa Sanemi) เสาหลักวายุ ที่พี่น้องคู่นี้ได้สูญเสียครอบครัวไปกับอสูรจนนำพาให้สองพี่น้องมาร่วมกับหน่วยพิฆาตอสูร ซึ่งตัวพี่ชายอย่างซาเนมินั้นดูท่าจะเกลียดน้องชายตัวเองมาก ๆ ส่วนน้องชายนั้นก็รักและอยากไปยืนข้างพี่ชายให้ได้ คราวนี้เราจะได้เห็นเขาร่วมต่อสู้พร้อมกับพลังพิเศษที่นักล่าอสูรคนอื่น ๆ ไม่มี พร้อมกับอาวุธแบบพิเศษที่บอกเลยว่าคราวนี้สนุกแน่นอน (ไม่อยากบอกเยอะไปรอดูเอาเอง)
Hantengu อสูรข้างขึ้นอันดับที่ 4
เปลี่ยนมาดูฝั่งอสูรข้างขึ้นที่จะมีบทบาทในตอนหมู่บ้านช่างดีดาบกันบ้าง ที่คราวนี้ทางฝั่งอสูรก็ไม่โง่พอที่จะส่งมาทีละครแบบคราวก่อน ๆ เพราะประมาทเหล่าเสาหลักเกินไป คราวนี้เลยส่งอสูรระดับข้างขึ้นอันดับที่ 4 กับ 5 ลงมือเองเลยทีเดียว หนึ่งในนั้นคือ ฮันเตงกู (Hantengu) อสูรสุดขี้ขลาดขี้กลัวที่ไม่ว่าจะดูมุมไหนอสูรตัวนี้ก็ไม่น่ามาอยู่อันดับที่ 4 ของอสูรข้างขึ้นได้เลย แต่ในความขี้กลัวนั้นอาจจะซ่อนอะไรเอาไว้ก็ได้ (ไปรอดูเอาเอง) ส่วนประวัติของฮันเตงกูนั้นถ้าจะให้สรุปสั้น ๆ เกี่ยวกับตัวละครตัวนี้ก็คือคนชั่วที่เลวบริสุทธิ์เลวแบบหาจุดขาวไม่เจอ ชนิดที่ว่าตัวเองทำผิดทำเลวทำชั่ว แต่ก็ยังยืนยันว่าตัวเองไม่ผิดไม่ได้ทำทั้งที่หลักฐานคามือตรงหน้า เรียกว่าทำชั่วแล้วไม่ยอมรับและมองว่าทุกคนที่ว่ามันคือคนผิดคนชั่ว คนที่ใส่ร้ายตนคือคนที่อิจฉามันและคิดใส่ร้ายมัน (เชื่อซิคนแบบนี้ในสังคมมีจริงแถมเยอะด้วย) ส่วนพลังของฮันเตงกูนั้นจะเป็นอะไรก็ไปรอชมเอา ที่บอกเลยว่าไม่แน่จริงคงไม่มาอยู่อันดับที่ 4 ของอสูรข้างขึ้นหรอก
Gyokko อสูรข้างขึ้นอันดับ 5
ปิดท้ายกับอสูรข้างขึ้นอันดับที่ 5 ที่เมื่อเห็นครั้งแรกทุกคนจะอุทานเป็นเสียงเดียวกันว่า “ตัวไล๊” ออกมาเลยทีเดียว โดยอสูรตนนี้มีชื่อว่า เกียกโกะ (Gyokko) อสูรผู้ชอบไหรักไหและฟังเพลงลำไยไหทองคำ (ไม่ใช่และ) โดยตัวของเกียกโกะนั้นจัดเป็นอสูรโรคจิตที่เอามนุษย์มาทำเป็นงานศิลปะที่บิดเบี้ยวดูสยอง โดยปกติพี่แกจะชอบอยู่ในไหและสามารถเคลื่อนย้ายตัวเองไปอยู่ในไหนต่าง ๆ ได้ กับพลังที่เกี่ยวกับน้ำและปลา แบบรักน้ำรักปลารักเกียกโกะ ที่เขาจะเป็นคู่มือให้กับมุอิจิโร่ที่บอกเลยว่าฝีมือสูสีสู้กันอย่างสนุกบอกเลย ส่วนอดีตของเกียกโกะนั้นเริ่มจากชีวิตของตัวเองที่อยู่หมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ที่วันหนึ่งเขาได้เห็นศพพ่อแม่ตัวเองที่ตายในสภาพแหลกเหลวมาเกยตื้น ซึ่งแทนที่พี่แกจะเสียใจแต่เกียกโกะกับสนใจและมองในแง่ของงานศิลปะ นับจากนั้นเกียกโกะก็เริ่มจับคนมายัดใส่ไหเพื่อทำงานศิลปะ จนเมื่อตนเองได้กลายเป็นอสูรรูปร่างจึงบิดเบี้ยวตามสภาพจิตใจของนาง แต่ตัวเกียกโกะมองว่าตนเองก็เป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่งเหมือนกัน บอกเลยว่าโรคจิตสมเป็นอสูรข้างขึ้นจริง ๆ แบบนี้ต้องชื่นชม มุซัน (Muzan) จริง ๆ ที่เข้าใจหาคนมารวมทีมโรคจิตไม่แพ้หัวหน้าบอกเลย
เป็นอย่างไรกันบ้างกับการป้ายยาทำความรู้จักเบื้องต้น เกี่ยวกับเนื้อหาเรื่องราวตัวละครดาบพิฆาตอสูรตอนสู่หมู่บ้านช่างตีดาบที่คุณควรรู้ก่อนชมภาพยนตร์ และจะตามมาด้วยซีรีส์ที่จะฉายทางทีวีปกติในอีกไม่ช้า ที่คราวนี้เรื่องราวจะสนุกเข้มข้นและเปิดเผยเนื้อหาที่ค้างคาเอาไว้ในช่วงก่อน ๆ หลายส่วน และทิ้งปริศนาใหม่ให้คุณได้คิดตามในบทต่อไป ที่ถ้าเปรียบเทียบตอนหมู่บ้านช่างตีดาบเหมือนคลื่นยักษ์ลูกแรกที่มากระทบเราจนล้ม ตอนปราสาทไร้ขอบเขตที่เป็นภาคต่อจากหมู่บ้านช่างตีดาบ มันก็คือโคตรคลื่นที่จะซัดใส่คุณรัว ๆ จนไม่ได้พักจนจบเรื่องกันเลยทีเดียว (อ้างอิงตามในมังงะ) ดังนั้นห้ามพลาดตอนนี้บอกเลย ส่วนใครที่ยังไม่เคยดูดาบพิฆาตอสูรตอนไหนมาก่อนและได้มาเห็นบทความนี้ ก็ขอแนะนำให้ไปหามาดูที่บอกเลยว่าของดี ไม่อย่างนั้นลูกเด็กเล็กแดงคงไม่ร้องขอให้พ่อแม่ซื้อดาบเสื้อคลุมแต่งเป็นหน่วยนพิฆาตอสูรหรอกถ้าอนิเมะไม่สนุกขนาดนี้
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส