เมื่อพูดถึงความสนุกของมังงะอนิเมะ ‘JoJo’s Bizarre Adventure’ หรือชื่อไทยอย่าง “โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ” หลายคนต้องคิดถึงพลังที่เรียกว่า ‘Stands’ ที่เป็นจุดขายของเรื่องนี้ จนมีคนกล่าวไว้ว่า “ถ้าโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษไม่มี ‘Stands’ การ์ตูนเรื่องนี้คงถูกตัดจบไปตั้งแต่ภาค 2 แล้ว” และนอกจากความแปลกใหม่ที่สนุกของการใช้ ‘Stands’ แล้ว เสน่ห์อีกอย่างของการ์ตูนเรื่องนี้คือการต่อสู้ชิงไหวพริบของตัวละครที่สู้กันสุดสนุก เพราะพลัง ‘Stands’ ในเรื่องนี้ก็มีเงื่อนไขในการใช้ซับซ้อน จนบางครั้งแม้คุณจะอ่านมังงะดูอนิเมะวนซ้ำไปซ้ำมาคุณก็ยังคงงงว่าไอ้พลังนี้มันคืออะไรทำงานยังไง โดยเฉพาะพลัง ‘Stands’ ของพวกระดับหัวหน้าที่ยิ่งดูยิ่งอ่านยิ่งงง ยิ่งอ่านซ้ำกดกลับไปดูใหม่ก็ยังงงเข้าไปอีก วันนี้เราเลยไปหาข้อมูลพลัง ‘Stands’ ของตัวละครเหล่านี้มานำเสนอ ด้วยการอธิบายแบบง่าย ๆ บ้าน ๆ ให้คุณได้เข้าใจพลังเงื่อนไขเหล่านี้กัน จะมีพลัง ‘Stands’ ที่เข้าใจยากเงื่อนไขซับซ้อนตัวไหนบ้างนั้นมาดูไปพร้อมกันเลย
The World หยุดเวลาแต่ในโลกที่เวลาหยุดก็ต้องใช้อากาศหายใจ จาก JoJo’s Bizarre Adventure Stardust Crusaders
เริ่มต้นตัวละครแรกที่หลายคนคงจะต้องสงสัยกัน ๆ ว่าความสามารถของ ‘The World’ พลัง ‘Stands’ ที่มีความสามารถในหยุดเวลานั้นทำงานอย่างไรมีข้อจำกัดเรื่องไหนบ้าง แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นเรามาทำความรู้จักเจ้าของ ‘Stands’ ผู้มีความสามารถหยุดเวลาอย่าง ดิโอ แบรนโด (Dio Brando) กันก่อน โดยเริ่มจากตัวดิโอนั้นคือผีดิบที่โดนตัดคอไปแล้วไม่ตายในโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษภาคแรก และได้ท่อนล่างตั้งแต่คอลงไปของ โจนาธาน โจสตาร์ (Jonathan Joestar) มา เลยทำให้ดิโอกลายเป็นผู้ใช้ ‘Stands’ ไปด้วย และการตื่นของดิโอก็เป็นการปลุก ‘Stands’ ลูกหลานเหลนโหลนลูกป้าฝั่งพ่อที่เป็นหลานน้าของตาข้างบ้านที่มีเลือดโจสตาร์อยู่ในตัวทุกคนให้ตื่นขึ้นมา และพลัง ‘Stands’ ของดิโอก็ชื่อว่า ‘The World’ ที่มีความสามารถในการหยุดเวลาที่หลายคนสงสัยว่า ไอ้การหยุดเวลานี่มันหยุดทั้งโลกเลยไหมหรือแค่ที่ตรงนั้นอย่างเดียว ซึ่งทางอาจารย์ผู้เขียนก็ไม่ได้บอกไว้ในจุดนี้ แต่เมื่อดูจากชื่อ ‘The World’ ก็น่าจะหมายถึงหยุดเวลาทั้งโลก (เป็นเพียงการคาดเดา) ซึ่งดิโอสามารถหยุดเวลาได้ 5 วินาทีที่เรียกว่านานมาก ๆ (ลองคิดถึงเวลา 5 วินาทีในเกม) และในโลกของเวลาที่หยุดนั้นอากาศรอบตัวก็จะหยุดด้วย ซึ่งตัวดิโอที่เป็นผีดิบนั้นไม่ต้องใช้อากาศหายใจเลยอยู่ในโลกหยุดเวลาได้ แต่ ‘The World’ พลัง ‘Stands’ ของพี่แกกลับต้องใช้อากาศในการหายใจในโลกที่หยุดเวลา ที่อาจารย์คนเขียนบอกว่าไอ้แท่ง ๆ ข้างหลัง ‘The World’ คือถังออกซิเจน (รูปประกอบด้านล่าง) และดิโอสามารถหยุดเวลากี่ครั้งก็ได้แต่ต้องใช้เวลาในการรวบรวมพลังหลายวินาทีอาจจะสิบวินาทีหรือไม่กี่วินาทีในการหยุดเวลาครั้งต่อไป แต่จะใช้หยุดเวลาแบบต่อเนื่องเลยไม่ได้ แล้วแต่สภาพร่างต้นเป็นตัวกำหนดความต่อเนื่องในการหยุดเวลา เรียกว่าเป็นตัวที่มีพลังสุดโกงตัวหนึ่งในซีรีส์โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษเลยทีเดียว แต่เงื่อนไขการใช้ก็ค่อนข้างจุกจิกพอ ๆ กัน
Gold Experience Requiem ทุกอย่างจะย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นแม้แต่ความตาย จาก JoJo’s Bizarre Adventure Golden Wind
ถ้าคุณคิดว่า ‘The World’ โกงแล้วมาดูของลูกชายดิโออย่าง จอร์โน่ จิโอวานน่า (Giorno Giovanna) ลูกชายแท้ ๆ ของดิโอ แต่จิตใจของลูกชายปีศาจตนนี้กลับรักความถูกต้องเพราะมีสายเลือดโจสตาร์ในตัว ซึ่ง ‘Stands’ ที่ชื่อยาว ๆ อย่าง ‘Gold Experience Requiem’ ตัวนี้เป็นร่างพัฒนาร่างที่ 2 จากตัวเดิมที่ชื่อ ‘Gold Experience’ ที่มีความสามารถในการสร้างสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ จากสิ่งของ อย่างเปลี่ยนกระเป๋าเป็นกบและถ้าเราทะลึ่งไปเตะกบตัวนั้นเราก็จะโดนเตะคืน แต่แรงเตะนั้นจะแรงกว่าที่กบโดนหลายเท่า รวมถึงการให้พลังอีกฝ่ายจนประสาทสัมผัสคน ๆ นั้นไปเร็วกว่าความจริง อธิบายง่าย ๆ คือจิตความคิดต่อไปแล้วแต่ตัวยังอยู่กับที่และตอนโดนโจมตีก็จะช้านานกว่าเดิมเพราะจิตค่อย ๆ กลับมา สรุปสั้น ๆ ง่าย ๆ คือเจ็บช้าเจ็บนานเจ็บจี๊ดเจ็บไม่รู้ลืมที่นานเป็นชั่วโมงทั้งที่จริง ๆ มันผ่านไปไม่กี่วินาที จนเมื่อจอร์โน่แต่ในฉบับภาษาไทยเรียก “โจรูโน” ได้ถูกธนูแทง (ในจักรวาลโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษถ้าไม่มีพลัง ‘Stands’ แต่เกิดก็เกิดจากการโดนธนูปัก) ซึ่งจอร์โน่ก็ได้พลังจากสายเลือดโจสตาร์ทำให้เขามี ‘Stands’ ที่พอมาถึงช่วงท้ายของเรื่องพวกตัวเอกเอาชนะพลังของตัวร้ายไม่ไหว ตอนนั้นเองปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นเมื่อธนูเลือกผู้ได้รับพลังเพิ่ม จนทำให้จอร์โน่ได้รับพลังใหม่เป็น ‘Gold Experience Requiem’ ที่มีความสามารถสุดงงจนต้องไปหาข้อมูลมาบอกกัน เริ่มจากอย่างแรกคือพลังป้องกันที่สมบูรณ์แบบที่พลังทุกรูปแบบบนโลกจะไม่สามารถทำอะไรได้ แม้จะตัดทอนเวลาหยุดเวลาก็ทำอะไรจอร์โน่ไม่ได้ และเมื่อคน ๆ นั้นดวงซวยโดน ‘Gold Experience Requiem’ สะกิดใส่ด้วยหมัด คน ๆ นั้นก็จะกลับไปเริ่มต้นจากศูนย์ ที่หมายถึงการตายซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ หรือพูดง่าย ๆ คือเกิดโตตายอย่างรวดเร็ว และตายแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะโดนรถชนตายโดนแทงสะดุดยอดหญ้าคอหักตายซ้ำไปซ้ำมา แถมตอนเกิดเป็นคนใหม่จิตความทรงจำยังเป็นคนเดิม และเวลาก็จะผ่านไปเร็วมากแบบพอตายจากชาตินี้ก็มาเกิดใหม่ทันที และมารู้สึกตัวอีกทีตายอีกแล้วแบบนี้ซ้ำ ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด รวมถึงความเจ็บปวดก่อนตายที่รับรู้เต็ม ๆ เจอแบบนี้ตายดีกว่าพลังพี่โหดเกิน
Made in Heaven พลังในการเร่งเวลาทุกอย่างรอบตัวไปจนโลกแตกสร้างโลกใหม่ จาก JoJo’s Bizarre Adventure Stone Ocean
เหมือนจะเป็นการเกทับกันเองว่าพลัง ‘Stands’ ของใครจะโหดกว่ากัน เพราะการหยุดเวลาของดิโอก็ว่าโหดแล้วมาเจอของจอร์โน่ที่สามารถป้องกันตัวเองในเวลาที่หยุดได้ และทำให้ศัตรูตายซ้ำตายซากวนลูปไม่รู้จบก็ว่าโกงจนไม่มีใครสู้ได้แล้ว คราวนี้มาดูพลังที่โกงกว่ายิ่งใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ นั่นคือพลังที่สร้างมาจากสวรรค์อย่าง ‘Made in Heaven’ ที่ผู้ใช้พลังนี้ก็คือบาทหลวง เอนริโก ปุชชี (Enrico Pucci) เพื่อนกูรักมึงวะของดิโอ ที่ในสมัยวัยรุ่นปุชชีได้เป็นเพื่อนสนิทมาก ๆ กับดิโอ (คนอ่านคิดว่าน่าจะสนิทกันเกินกว่าเพื่อน) ที่ดิโอได้บอกถึงหนทางไปสวรรค์ที่ถ้าทำตามเงื่อนไขครบก็จะได้พลังของพระเจ้ามา จนเมื่อปุชชีทำตามเขาก็ได้พลังนี้มาจริง ๆ โดยก่อนหน้านี้พลัง ‘Stands’ ของบุชชีมีชื่อว่า ‘Whitesnake’ กับความสามารถในการช่วงชิงความทรงจำและพลัง ‘Stands’ ของคน ๆ นั้นมาในรูปแบบของแผ่น ‘CD’ จนเมื่อปุชชีได้พลัง ‘Made in Heaven’ มาเขาก็เกือบจะกลายเป็นพระเจ้า เพราะพลังของ ‘Stands’ ตัวนี้คือการเร่งเวลาให้ผ่านไปเร็วมาก ๆ จนคนอื่น ๆ ทั่วโลกไม่สามารถมองความเร็วของบุชชีทันจนเหมือนเขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็ว แต่ความจริงแล้วโลกทั้งโลกต่างหากที่ถูกเร่งเวลาจนคนปกติตามไม่ทัน และที่บอกว่า ‘Made in Heaven’ โกงสุดในเรื่อง ก็เพราะเมื่อบุชชีใช้พลังโลกจะหมุนเร็วแบบสุด ๆ เร็วขนาดที่เร่งเวลาไปจนถึงวันที่โลกระเบิดทุกสิ่งมีชีวิตตายหมดยกเว้นบุชชี และเศษดินในจักรวาลก็รวมตัวสร้างโลกใหม่มีสิ่งมีชีวิตวัฒนาการขึ้นมาใหม่อีกครั้งในไม่กี่วินาที และวิญญาณคนที่ตายก็จะกลับมาเกิดใหม่ในร่างเดิมแต่ไม่มีความทรงจำนั้น ๆ เหลืออยู่ จะมีแค่บุชชีกับคนที่พี่แกอยากให้เป็นพยานในการเปลี่ยนโลกครั้งนี้เท่านั้นที่จำทุกอย่างได้ เรียกว่าเป็นพลังที่มีไว้เพื่อลบเนื้อเรื่องเก่าทิ้งของคนเขียนเพื่อจะสร้างจักรวาลใหม่ขึ้นมาก็ได้ แต่เห็นว่าโคตรโกงแบบนี้ก็มีจุดอ่อนมาก ๆ อยู่ เพราะถึงพลัง ‘Stands’ จะเป็นพระเจ้า แต่คนใช้ก็คือมนุษย์ที่ตายได้นั่นคือข้อเสียเดียวของพลังนี้
King Crimson ผู้เห็นอนาคตลบล้างเวลา จาก JoJo’s Bizarre Adventure Golden Wind
หลังจากที่ได้เจอพวกตัวที่มีพลังโคตรโกงโคตรโหดระดับเทพ ๆ ไปแล้ว คราวนี้มาดูพลังแบบพวกบ้าน ๆ แต่ก็โคตรโกงอยู่ดีกับพลังในการเห็นอนาคต 10 วินาทีข้างหน้าและยังสามารถลบล้างเวลาที่จะเกิดขึ้นได้ อย่าง ‘King Crimson’ ชายผู้อยู่จุดสูงสุดของวงการอาชญากรที่ทำการค้ายาและไม่มีใครรู้ตัวตนของชายคนนี้ ซึ่งคนที่พยายามจะรู้ว่าชายคนนี้คือใครก็จะต้องไปคุยกับรากมะม่วงทุกคน โดยร่างจริงของพี่แกนั้นมีชื่อว่า ไดอาโวโล (Diavolo) ผู้เป็นเจ้าของ ‘Stands King Crimson’ และที่หลายคนสงสัยว่าทำไมพี่แกถึงมีพลังสองอย่างในคน ๆ เดียวเพราะตามปกติ ‘Stands’ หนึ่งตนจะมีความสามารถเดียว (คนใช้ในเรื่องประยุกต์ใช้จนมันดูเหมือนมีหลายแบบ) แต่ของไดอาโวโลคือมี 2 อย่างชัดเจน นั้นคือมองเห็นอนาคต 10 วินาทีข้างหน้าและตัดทอนเวลา ซึ่งการมีพลังสองอย่างนี้ก็เพราะไดอาโวโลมี 2 ตัวตนในร่างเดียว โดยในร่างปกติไดอาโวโลจะให้ วินนะเกอะ ดอปปีโอ (Vinegar Doppio) ตัวตนอีกร่างควบคุม โดยที่ดอปปีโอไม่รู้เลยว่าตัวเองก็คือไดอาโวโลแต่คิดว่าตัวเองเป็นลูกน้องที่สนิทกับบอส ซึ่งดอปปีโอนี่ละคือเจ้าของพลังในการเห็นอนาคต (หน้าเล็ก ๆ ที่แปะบนหัว ‘King Crimson’ ที่ทั้งคู่คือคน ๆ เดียวกัน) ซึ่งไอ้พลังเห็นอนาคตนี่พอเข้าใจได้ แต่ไอ้พลังตัดทอนเวลานี่มันชวนงงแบบสุด ๆ ที่ถ้าใครได้อ่านหรือดูมังงะอนิเมะมาแล้วจะยิ่งงงมากขึ้นไปอีก จนต้องมีคนมาคิดวิเคราะห์แยกแยะกันเลย โดยเริ่มจากการตัดทอนเวลาที่จะให้ยกตัวอย่างการปาเงินใส่หน้าไดอาโวโล วินาทีนั้นไดอาโวโลใช้ ‘King Crimson’ ตัดเวลาช่วงที่เงินโดนหน้าตัวเองออกไป ช่วงเวลาที่เงินโดนหน้าไดอาโวโลจะไม่เกิดขึ้น และพอเวลากลับมาเดินปกติคนปาก็จะไม่เห็นตอนเงินปาโดนหน้าไดอาโวโล แต่จะเห็นเงินหล่นลงพื้น เพราะไดอาโวโลตัดช่วงเวลาที่เงินโดนหน้าทิ้งไปนั้นทิ้งไป และในช่วงเวลาที่ไดอาโวโลกำลังตัดต่อเวลาพี่แกจะโจมตีศัตรูไม่ได้ ทำได้แค่ตัดต่อช่วงเวลาและเปลี่ยนสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น ที่แค่นี้ก็โคตรโกงแล้วมาเห็นอนาคตล่วงหน้าอีกยิ่งโคตรโกงบอกเลย แต่สุดท้ายฝ่ายตัวเอกก็ชนะด้วยวิธีที่โกงกว่า
Bites the Dust ระเบิดย้อนเวลาวนลูบเพื่อปกปิดตัวตน จาก JoJo’s Bizarre Adventure Diamond Is Unbreakable
หนึ่งในสิ่งที่ตัวร้ายในจักรวาลโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษชอบเป็นมากที่สุด ก็คือการไร้ตัวตนในสังคมแต่อยากมีอำนาจอยู่เบื้องหลัง และไม่ต้องการให้ใครรู้การมีตัวตนของตัวเองจนพยายามทำทุกอย่างเพื่อปกปิดตัวเองเหมือนอย่าง คิระ โยชิคาเงะ (Kira Yoshikage) ที่ไม่ใช่ญาติกับ คิระ ยามาโตะ (Kira Yamato) และไม่ได้เป็นอะไรกับ ยางามิ ไลท์ (Yagami Light) ที่พี่คิระคนนี้เขาแค่ต้องการใช้ชีวิตปกติ อย่างการไประเบิดสาวสวย (ต้องมือสวยถึงจะถูก) เพื่อเอามือมาเป็นตุ๊กตาเป็นแฟนเป็นคนรัก (โรคจิตใช้ได้เลย) พอมือเริ่มเน่าก็จะไปหามือใหม่ (ชีวิตธรรมดามากเพ่) โดยพลังของคิระก่อนหน้านี้คือ ‘Killer Queen’ พลังในการสร้างระเบิดเพียงแค่ ‘Killer Queen’ ไปจับโดนสิ่งนั้นก็สามารถเปลี่ยนเป็นระเบิดได้ แต่จะทำได้แค่ครั้งละตูมเท่านั้น ซึ่งเวลาที่พี่แกอยากได้มือใครก็ระเบิดตัวคน ๆ นั้นจะเป็นฝุ่นให้เหลือแค่มือ จนเมื่อช่วงท้ายเรื่องคิระเราก็ได้พลังใหม่จากการโดนธนูปักรอบสอง จน ‘Killer Queen’ ได้พลังใหม่มาเพิ่มในชื่อ ‘Bites the Dust’ ที่พลังนี้จะเป็นการส่ง ‘Stands’ ตัวเองไปสิงคนที่ต้องการ และพอมีใครรู้จักหรือพยายามตามหาคิระจากคน ๆ นี้ ‘Bites the Dust’ ก็จะทำงาน โดยการบึ้มคนที่รู้จักคิระตายจนหมด ส่วนคนที่โดน ‘Bites the Dust’ สิงก็จะถูกย้อนเวลากลับมา 1 ชั่วโมงก่อนเกิดระเบิด และเมื่อเวลาย้อนกลับมา 1 ชั่วโมงพอครบเวลาที่คน ๆ นั้นโดนระเบิดตายคราวก่อน เมื่อถึงเวลาคน ๆ นั้นก็จะตายอยู่ดี (อ้าว) เรียกว่าถ้าตายแล้วก็ตายซ้ำ ๆ วนไป ที่จะมีแค่คนที่ถูก ‘Bites the Dust’ สิงเท่านั้นที่รู้เห็นทุกอย่าง เรียกว่าเป็นการปกปิดตัวตนได้สุดติ่ง แต่มันก็มีข้อเสียตรงที่คิระจะไม่รู้ตัวเรื่องวนลูบเวลาที่ย้อนกลับ 1 ชั่วโมง และเมื่อคิระใช้ ‘Bites the Dust’ ตัวเองจะไม่มี ‘Killer Queen’ คุ้มครองตัว และพอ ‘Bites the Dust’ สิงใคร ‘Bites the Dust’ จะปกป้องคน ๆ นั้นแม้แต่คิระก็ทำร้ายคนที่ถูก ‘Bites the Dust’ สิงไม่ได้ เรียกว่าโกงใช้ได้เลย และเชื่อว่าหลายคนที่เคยอ่านเคยดูมาแล้วคงจะงงหวังว่าคราวนี้จะได้คำตอบกัน
Manhattan Transfer อ่านกระแสลมเพื่อยิงปืนระยะไกลกับความฝันวนลูบ จาก JoJo’s Bizarre Adventure Stone Ocean
เชื่อว่าหลายคนที่ได้อ่านและดู ‘JoJo’s Bizarre Adventure Stone Ocean’ ในช่วงต้นเรื่องคงจะต้องงุนงงสงสัยแน่ ๆ ว่าไอ้ความสามารถของ ‘Stands Manhattan Transfer’ นั้นมันคืออะไรกันแน่ ซึ่งสำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องราวของโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษภาคนี้จะเกี่ยวกับการอยู่ในคุก และช่วงที่ ‘Stands Manhattan Transfer’ ออกมาก็คือช่วงต้นเรื่องที่เราจะได้เห็นชายตาบอดนามว่า จอห์นกัลลี เอ (Johngalli A) ได้ปล่อยพลัง ‘Stands’ ที่เหมือนกระดิ่งลอยไปตามลม (รูปประกอบข้างล่าง) ส่วนตัวเองก็เปลี่ยนไม้เท้าคนตาบอดเป็นปืนยิงระยะไกล (คนตาบอดยิงฆ่าเป้าหมายระยะไกล) โดยพลังของ ‘Manhattan Transfer’ คือการอ่านกระแสลมที่ทำให้จอห์นกัลลี เอมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ผ่าน ‘Stands’ ที่เป็นพลังพื้นฐานทั่วไปที่ ‘Stands’ ทุกคนมี แต่พลังที่แท้จริงของ ‘Manhattan Transfer’ คือการสะท้อนกระสุนที่เจ้าตัวสามารถยิงปืนจากมุมอับระยะไกลเป็นกิโลได้ด้วยการให้ ‘Manhattan Transfer’ สะท้อนกระสุนเด้งไปมาจนมาถึงเป้าหมาย แต่ที่หลายคนงงคือแล้วทำไมตัวเอกในห้องเยี่ยมนักโทษถึงโดนความสามารถเชื้อราที่ทำให้ฝันวนลูบไม่รู้จบด้วย ซึ่งหลายคนคิดว่านั่นคือพลังของ ‘Manhattan Transfer’ ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่ แต่ความสามารถเชื้อราฝันวนลูบนั้นคือพลังของ ‘Whitesnake’ ที่ขโมยจากคนอื่นเอามาใช้กับตัวเองเพื่อสนับสนุนจอห์นกัลลี เอเท่านั้น ใครที่เคยงงก็น่าจะถึงบางอ้อกันก็คราวนี้ละ
D4C แทรกช่องว่างระหว่างวัตถุเพื่อเปลี่ยนตัวเองในมิติคู่ขนานที่ไม่มีวันสิ้นสุด จาก Steel Ball Run
คราวนี้กระโดดมาที่ภาคในมังงะกันบ้างกับภาคใหม่ในชื่อ ‘Steel Ball Run’ ที่ตัวร้ายคนนี้ก็มีพลังชวนงงละน่าสนใจไม่แพ้ตัวอื่น ๆ ที่คราวนี้ศัตรูเป็นถึงประธานาธิบดีคนที่ 23 ของสหรัฐอเมริกานามว่า ฟันนี่ วาเลนไทน์ (Funny Valentine) กับพลังสุดโกงที่ฆ่าเท่าไหร่พี่แกก็ไม่ตาย ที่ไม่ใช่พลังในการรักษาตัวเองแต่เป็นพลังในการเปลี่ยนตัวเองจากโลกคู่ขนานมาได้ไม่รู้จบ ที่เรียกพลัง ‘Stands’ นี้ว่า ‘D4C’ ที่ย่อมาจาก ‘Dirty Deeds Done Dirt Cheap’ ที่แปลแบบบ้าน ๆ อ้อม ๆ ว่า “ไอ้เรื่องชั่ว ๆ มันทำกันง่ายนัก” (เรียก ‘D4C’ แบบเดิมดีและ) โดยความสามารถที่ดูโคตรโกงนี้จะทำได้เมื่อวาเลนไทน์เกิดอยากเปลี่ยนตัวเองเป็นตัวเองในร่างใหม่ งงรึเปล่าถ้างงก็ไปอ่านอีกรอบก็ยังงงเหมือนเดิม (ล้อเล่น) ที่แปลแบบบ้าน ๆ ก็หมายถึงพอวาเลนไทน์บาดเจ็บโดนมีดบาดนิ้ว พี่แกก็แค่ใช้ ‘D4C’ เปลี่ยนตัวเองในมิติคู่ขนานมา และย้ายจิตความคิดตัวเองไปใส่ในวาเลนไทน์มิติอื่น ทีนี้วาเลนไทน์ตัวหลักก็จะไม่โดนมีดบาด แต่วาเลนไทน์ที่ถูกเปลี่ยนจะโดนมีดบาดแทน (ถ้างงก็ไปอ่านอีกรอบ) โดย ‘D4C’ นั้นจะมีเพียงวาเลนไทน์คนนี้คนเดียวที่มีพลังนี้ วาเลนไทน์ในมิติคู่ขนานคนอื่นจะไม่มีพลังนี้ แต่การย้ายร่างตัวเองจากจักรวาลคู่ขนานอื่นมีเงื่อนไขคือ ตัวเองต้องไปอยู่กึ่งกลางของวัตถุที่เคลื่อนไหว เช่นวาเลนไทน์โยนแมวขึ้นไปบนฟ้าและมีวาเลนไทน์อยู่ข้างล่าง ก็เท่ากับวาเลนไทน์อยู่กึ่งกลางระหว่างพื้นกับแมว เมื่อนั้นวาเลนไทน์ก็ไปจับร่างตัวเองในมิติอื่นมาแล้วย้ายจิตตัวเองใส่ร่างใหม่แบบชิว ๆ ส่วนแมวก็ลงพื้นปกติ และยังสามารถดึงคนอื่น ๆ จากมิติคู่ขนานมาได้ด้วย ที่ดูเหมือนจะยากแต่จริง ๆ เงื่อนไขใช้ง่ายมาก ๆ พี่แกเลยโคตรโกง ที่ตอนหลังมีโกงกว่านี้อีกแต่ไม่ขอเอามาพูดถึงบอกแค่น้ำจิ้มเท่านี้พอ ไปรอดูในอนิเมะที่จะสร้างในอนาคตเองดีกว่าบอกเลยว่าภาคนี้สนุกมาก
The World Over Heaven เมื่อ Dio เป็นพระเจ้า จาก JoJo’s Bizarre Adventure Over Heaven
ปิดท้ายกับ ‘What If’ ในจักรวาลโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ที่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าดิโอได้พลังระดับพระเจ้าแทนบุชชีตามในอนิเมะ เมื่อนั้นดิโอก็จะได้พลังใหม่ที่ชื่อว่า ‘The World Over Heaven’ โดยเรื่องราวความกาวนี้เกิดขึ้นในนิยายเรื่อง ‘JoJo’s Bizarre Adventure Over Heaven’ ที่ดิโอไม่ตายในภาค 3 และพี่แกได้ร่วมมือกับบุชชีเพื่อไปยังจุดที่รับพลังพระเจ้าจนพี่แกได้เป็นพระเจ้าสมใจ กับพลังสุดกาวเกินต้านไม่ว่าจะเป็นการหยุดเวลาได้ไม่จำกัดเวลาจะนานแค่ไหนก็ได้ ‘The World’ ไม่ต้องกลั้นหายใจตอนใช้พลังแล้วเพราะพี่แกคือพระเจ้า นอกจากนี้พี่แกยังมีความสามารถในการเปลี่ยนลบล้างตัวตนของคน ๆ นั้นให้เป็นอย่างอื่นได้ด้วย เช่นเปลี่ยนเด็กขายส้มตำเป็นนักร้องดังชั่วข้ามคืน เปลี่ยนทหารเป็นนา (จะเล่นจริงหรอมุกนี้ไม่ดีมั้ง) ที่ไม่ใช่การเปลี่ยนแบบนั้น แต่เป็นการเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตเป็นอีกสิ่ง อย่างการเปลี่ยนสาวน้อยน่ารักผู้พิทักษ์ความยุติธรรมและปราบเหล่ามารร้ายให้กลายเป็นแมว เมื่อนั้นสาวน้อยน่ารักผู้พิทักษ์ความยุติธรรมและปราบเหล่ามารร้าย (ก๊อบปี้วาง) ก็จะเป็นแมวทั้งตัวหัวใจและความทรงจำ ที่แมวตัวนี้จะไม่เคยรู้ว่าตัวเองเคยเป็นสาวน้อยน่ารักผู้พิทักษ์ความยุติธรรมและปราบเหล่ามารร้ายมาก่อน พลังโหดร้ายโกงสุด ๆ ใครที่อยากเจอพี่ดิโอร่างนี้ก็ไปเล่นในเกม ‘JoJo’s Bizarre Adventure All-Star Battle R’ ดูบอกเลยว่าโกงที่สุดในบทความนี้แล้ว
ก็จบกันไปแล้วกับการหยิบเรื่องราวของเหล่า ‘Stands’ ที่หลายคนงงว่าตัวละครเหล่านี้มันมีพลังความสามารถแบบไหนกัน และมันใช้งานยังไงมาบอกกล่าวกัน โดยการอธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ เห็นภาพให้คนที่อ่านดูมังงะโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษได้เข้าใจสิ่งเหล่านี้ (จะได้หายค้างคากันเสียที) พร้อมกับการแถมเรื่องราวของฟันนี่ วาเลนไทน์และดิโอร่างเทพที่หลายคนไม่รู้เสริมลงไปด้วย และด้วยความที่ตัวเรื่องโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษค่อนข้างเก่าและมีรายละเอียดเยอะมาก ๆ จึงต้องเท้าความเรื่องราวเนื้อหาเล็กน้อย เพื่อให้คนที่ลืมเนื้อเรื่องไปแล้วได้เข้าใจ ซึ่งถ้าขาดตัวละครไหนไปก็ขออภัยมาด้วย ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรในจักรวาลโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษอีกก็รอติดตามกันได้ รับรองว่าจะมีเนื้อหาที่น่าสนใจแบบนี้มาให้คุณได้อ่านกันอีกเยอะ ๆ แน่นอนติดตามแบไต๋เอาไว้ได้เลย “to be Continued”
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส