Our score
8.6[รีวิว] Jujutsu Kaisen – มหาเวทย์ผนึกมาร ซีซัน 2 ภาคย้อนอดีต
จุดเด่น
- งานภาพคุณภาพสูงตามมาตรฐาน MAPPA
- เพลงประกอบไพเราะ เต็มไปด้วยความหมายและสัญลักษณ์บอกเล่าเรื่องราวได้เป็นอย่างดี
- มีบางฉากที่ถูกปรับเปลี่ยนและเพิ่มเติมเข้ามาจากในมังงะ ทำให้เนื้อหาสมบูรณ์และเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น
จุดสังเกต
- หากดูซีซัน 1 หรือภาคซีโรมาก่อนจะเข้าใจตัวละครและเรื่องราวมากกว่าเริ่มดูแบบไม่รู้อะไรเลย
- มีชื่อเฉพาะและการอธิบายพลังไสยเวทค่อนข้างเยอะ ต้องตั้งสมาธิระหว่างดูเพื่อให้เข้าใจ ไม่งง
-
บท
8.0
-
โปรดักชัน
8.5
-
การพากย์ไทย/ญี่ปุ่น
8.5
-
การดำเนินเรื่อง
9.0
-
ความสนุกตามแนวซีรีส์
9.0
รีวิวอนิเมะ ‘Jujutsu Kaisen – มหาเวทย์ผนึกมาร’ ซีซัน 2 ภาคย้อนอดีตโกะโจ ซาโตรุและเพื่อนรัก เกะโท สุงุรุ ที่ต้องขอบอกเลยว่าทั้งเดือดและดาร์กในเวลาเดียวกัน งานนี้สตูดิโอ MAPPA ทุ่มเทเพื่ออนิเมะลูกรักอย่างเต็มที่ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนหลังจากรอคอยกันมายาวนานกว่า 2 ปี!
คำเตือน: อาจมีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของ ‘Jujutsu Kaisen’ ซีซัน 2 ภาคย้อนอดีต
เรื่องราวใน ‘Jujutsu Kaisen’ ซีซัน 2 ภาคย้อนอดีต จะพาเราไปรู้จักกับอาจารย์โกะโจในวัยนักเรียนม.ปลาย ขณะที่เขากำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนไสยเวทโตเกียวกับเพื่อนสนิท เกะโท สุงุรุ และอิเออิริ โชโกะ ในระหว่างนั้นโกะโจและเกะโทได้รับภารกิจให้ไปปกป้อง อามาไน ริโกะ ซึ่งเป็น “ร่างหล่อเลี้ยงดวงดาว” ซึ่งมีกำหนดการหลอมรวมร่างกับ “ท่านเทนเกน” ซึ่งเป็นผู้ใช้คุณไสยซึ่งมีพลังค้ำจุนประเทศญี่ปุ่นจากเบื้องหลัง
การเปลี่ยนกายเนื้อใหม่นั้นเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นทุก 500 ปี แต่ภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีผู้คนอีกมากมายที่ไม่ต้องการให้การหลอมรวมครั้งนี้เกิดขึ้น พวกเขาจึงต้องปะทะกับนักล่าค่าหัวและผู้ใช้คุณไสยมากมายเพื่อปกป้องริโกะให้ได้ โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าภารกิจในครั้งนี้จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของทั้งคู่ไปตลอดกาล
หลังจากปล่อยให้รอคอยกันมานานกว่า 2 ปี ‘Jujutsu Kaisen’ ซีซัน 2 ก็ได้ฤกษ์เข้าฉายทางสตรีมมิงช่องทางต่าง ๆ ในซีซันนี้จะถูกแบ่งเป็น 2 พาร์ต คือภาคย้อนอดีต (ตอนที่ 1 – 5) และภาคอุบัติการณ์ชิบุยะ (ตอนที่ 6 เป็นต้นไป) ซึ่งเรื่องราวในพาร์ตแรกจะช่วยเสริมเนื้อหาของภาคมูฟวี่ ‘มหาเวทย์ผนึกมาร ซีโร’ ให้เราได้รู้จักตัวละครและแรงจูงใจต่าง ๆ ของพวกเขาได้ดีขึ้น
สำหรับการดัดแปลงเรื่องราวในส่วนนี้ของมังงะมาเป็นฉบับอนิเมะ ต้องบอกว่าอนิเมะให้น้ำหนักกับการปูความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัวค่อนข้างมาก แม้จะไม่ได้บอกเล่าออกมาตรง ๆ แต่ก็แฝงอยู่ในบทพูด รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แม้กระทั่งรายละเอียดในเพลงเปิดและเพลงปิดก็ยังเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ของเพื่อนรักโกะโจและเกะโทที่ต้องเดินกันคนละเส้นทาง
การเล่าเรื่องรวมถึงการใช้ภาพและเสียง ทำให้เราเข้าใจความรู้สึก มุมมอง และแนวคิดของเกะโทมากขึ้นว่าทำไมเขาจึงตัดสินใจแบบนั้น เพราะบางครั้งเมื่อความเชื่อหรืออุดมคติที่เราเคยเชื่อมั่นมาตลอดชีวิตถูกสั่นคลอนขึ้นมา การให้คุณค่าและความหมายกับสิ่งที่เคยเชื่อก็อาจเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือได้
เรื่องราวที่เกิดขึ้นใน ‘Jujutsu Kaisen’ ซีซัน 2 ฉบับอนิเมะเล่าได้สนุก ย่อยง่าย เข้าใจง่ายกว่ามังงะ อาจเป็นเพราะการเรียบเรียงเนื้อหาใหม่ การเพิ่มฉากบางฉากที่ไม่มีในมังงะเข้ามาช่วยให้เรื่องราวของตัวละครและเหตุการณ์ต่าง ๆ สมบูรณ์ขึ้น นอกจากตัวละครหลักอย่างโกะโจและเกะโทแล้ว ขวัญใจแฟน ๆ หลายคนอย่าง ฟุชิงุโร โทจิ เองก็ปรากฎตัวออกมาโชว์ฝีไม้ลายมือได้อย่างน่าประทับใจ รวมถึงมีมุมที่เราได้เห็นความเป็นมนุษย์ของเขามากขึ้นด้วย
ในส่วนของอามาไน ริโกะก็โดดเด่นไม่แพ้ใคร ด้วยคาแรกเตอร์ที่ร่าเริง สดใส แต่มีปมแสนมืดมนนั้นทำให้เราอยากเอาใจช่วยเธอมากขึ้น ที่สำคัญเคมีระหว่างตัวริโกะ โกะโจ และเกะโทนั้นดูดีเอามาก ๆ นั่นล่ะที่ทำให้จุดไคลแมกซ์ของภาคนี้มีอิมแพ็กต์ต่อใจคนดูมากขึ้น (ถึงจะอ่านมังงะมาแล้วแต่จังหวะการเล่าเรื่องที่เฉียบคมก็ทำให้ช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แน่ ๆ)
ด้านงานภาพนั้น MAPPA ทุ่มเทในแบบฉบับที่เรียกว่าขายวิญญาณทำให้เราได้รับชมอนิเมะคุณภาพที่ลายเส้นคม มีเอกลักษณ์ และสีสันสดใสสวยงามตลอดเรื่องแทบไม่มีจุดเผา การใช้มุมกล้องที่หลากหลายทำให้สื่ออารมณ์ในแต่ละฉากได้ดี นอกจากนี้ยังมีการสอดแทรกตัวการ์ตูนแบบจิบิเข้ามาเป็นระยะทำให้มีช่วงผ่อนคลายมาแทรกตัดอารมณ์ตึงเครียดได้ ที่สำคัญฉากแอ็กชันก็ยังทำออกมาได้มันส์สมการรอคอย ทำให้รู้สึกคาดหวังกับพาร์ต 2 ที่จะตามมาไม่น้อยเลยทีเดียว
ส่วนเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเพลงประกอบที่ซุกซ่อนสัญลักษณ์และคำใบ้ให้เรานำไปตีความต่อกันมากมายตามสไตล์ของ MAPPA ไม่ว่าจะเป็นเพลงเปิดอย่าง “Where Our Blue Is (Ao no Sumika – 青のすみか) ร้องโดย คิตานิ ทัตสึยะ (Kitani Tatsuya) หรือเพลงปิด “Akari” ร้องโดย ซากิยามะ โซชิ (Sakiyama Soushi) ต้องขอบอกเลยว่าใครชอบการตีความหรือการมองหาความหมายผ่านสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่ต้องชื่นชอบการไขคำใบ้บอกเล่าเรื่องราวที่อยู่ในเพลงเปิดและเพลงปิดของเรื่องแน่นอน
สรุป
‘Jujutsu Kaisen – มหาเวทย์ผนึกมาร’ ซีซัน 2 ภาคย้อนอดีตนั้นเปิดตัวด้วยโทนเรื่องที่สดใส เต็มไปด้วยสีสันโทนสว่าง แม้แต่เพลงก็มีจังหวะสนุกสนาน แต่เรื่องราวจริง ๆ และความหมายของสัญลักษณ์ที่แฝงอยู่ แม้กระทั่งเนื้อเพลงประกอบนั้นหม่นหมองกว่านั้นมาก ในด้านเนื้อหาถือว่าเข้ามาเติมเต็มเรื่องราวจากมังงะได้อย่างสมบูรณ์แบบ และยังเชื่อมโยงคนดูอย่างเราให้เข้าใจตัวละครมากขึ้น เชื่อว่าเมื่อเปิดตัวภาคอุบัติการณ์ชิบุยะนอกจากความมันส์แล้วจะทำให้เรารับชมได้อย่างสนุกสนานและอินมากขึ้นแน่นอน นอกจากนี้ยังเป็นภาคที่ทำให้เราได้เห็นจุดเริ่มต้นของความเป็น “ตัวบั๊ก” ของอาจารย์โกะโจ และเส้นทางสู่จุดเปลี่ยนของเกะโทด้วย
สามารถรับชม ‘Jujutsu Kaisen – มหาเวทย์ผนึกมาร’ ซีซัน 2 ได้ทาง True ID, Bilibili Thailand, iQIYI, Netflix และ Ani-One Thailand
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส