Release Date
06/01/2024
ความยาว
ซีซันที่ 2 (12 ตอน)
สตูดิโอที่ผลิต
A-1 Pictures Studio
ต้นฉบับ
มังงะ (LC NED comics)
ช่องทางการดู
Amazon Prime
เรื่องราวในโลกเวทมนตร์ที่แทบจะเรียกได้ว่าล้อเลียนมาจากภาพยนตร์ชื่อดังอย่างเรื่อง ‘แฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter)’ ถูกนำมาปรุงแต่งด้วยความกาวของตัวละครเอกผู้ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ แต่กลับมีเหตุจำเป็นต้องเข้าไปเรียนในโรงเรียนสอนเวทมนตร์ แล้วทีนี้จะต้องทำยังไงให้สามารถรอดพ้นจากสถานการณ์ที่ต้องปกปิดความลับนี้ไว้ได้กันแน่นะ ?
โดยสำหรับใครที่กำลังหาดูอนิเมะแนวเบาสมอง ที่แทบจะเรียกได้ว่าเกินสามัญสำนึกคนปกติทั่วไป ทั้งเรื่องของการใช้พลัง เรื่องของการล้อเลียนเรื่องดัง แต่พอถึงฉากแอ็กชันจริงจัง ก็สามารถทำฉากออกมาได้เท่อีกต่างหาก ถ้ากำลังตามหาอนิเมะที่ครบรสขนาดนี้ ขอป้ายยาเรื่องนี้ไว้เลย
‘มัช เบิร์นเดด’ เด็กหนุ่มคาแรคเตอร์ผมทรงหัวเห็ดผู้ที่เกิดมาไร้พลังเวทมนตร์ ถือเป็นตัวตนที่ผิดปกติสำหรับโลกในยุคปัจจุบัน ทว่าดันมีเหตุจำเป็นที่ทำให้มัชต้องสอบเข้าไปเป็นนักเรียนในโรงเรียนเวทมนตร์ และต้องปกปิดความลับเรื่องไม่มีพลังของตนเองเอาไว้ พร้อมกับต้องก้าวขึ้นไปสู่ตำแหน่ง ‘เทพประทาน’ ที่เป็นตำแหน่งสูงสุดของเหล่านักเรียนให้ได้อีกด้วย
ต้นฉบับมาจากหนังสือมังงะของอาจารย์ ฮาจิเมะ โคโมโตะ (Hajime Komoto) มีทั้งหมด 18 เล่มจบ ลิขสิทธิ์ภาษาไทยเป็นของ สำนักพิมพ์เนชั่น ถูกนำไปดัดแปลงสร้างเป็นอนิเมะโดย A-1 Pictures Studio จากทางญี่ปุ่น และในอนิเมะซีซัน 2 ที่กำลังฉายอยู่ขณะนี้ ก็ได้ออกอากาศควบคู่ไปกับเรื่อง Solo Leveling อีกด้วย เพราะงั้นรับประกันความสวยงามทางด้านภาพและฉากต่อสู้ได้ทั้งสองเรื่องเลย
นอกจากนั้นในซีซันนี้ หลังจากเปิดเรื่องเรายังจะได้พบกับความหลอนหูขั้นสุดของเพลงเปิด ‘Bling-Bang-Bang-Born’ จาก Creepy Nuts ซึ่งทำเอาทุกคนที่ได้ฟังสักครั้งหนึ่งแล้ว ไม่สามารถเอาเพลงและ MV นี้ออกจากหัวได้จนต้องวนกลับมาฟังซ้ำ และกลายเป็นกระแสที่เปิดไปทางไหนก็เจอแต่เพลงนี้ ตัวเพลงจะเป็นยังไง ไปลองฟังกันดูได้เลย
ถึงความสามารถของพระเอกอย่างมัชจะเข้าขั้นเรียกว่า ‘เทพ’ ได้จริง ๆ ก็เถอะ แต่มันเป็นความเทพในสิ่งที่โลกเวทมนตร์ไม่ยอมรับ เพราะทุกคนล้วนใช้เวทมนตร์ได้เหมือนกับการหายใจ และปฏิเสธผู้ที่ไม่มีพลังว่าเป็นคนไร้ค่า ทว่ามัชกลับพยายามทำลายกรอบนั้นออกด้วยพลังของเขาเอง แสดงให้เห็นว่าแม้จะไม่มีเวทมนตร์เขาก็สามารถเอาตัวรอดในโลกใบนี้ได้ ถึงแม้จะด้วยวิธีแปลก ๆ อย่างการรับมือสิ่งเหล่านั้นด้วยกล้ามก็เถอะนะ (?)
ในเนื้อเรื่องเราจะได้เห็นความเทพของมัชในแบบฉบับที่หลุดจากตรรกะของเรื่องไหน ๆ ตรงส่วนนี้อาจารย์ได้เขียนต้นฉบับมังงะออกมาได้ครีเอตมากในการใช้พลังกล้ามมาสู้กับเวทมนตร์แต่ละแบบ บอกเลยว่าถ้าได้ลองดูจะต้องถอดสมองทำความเข้าใจกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเดาะเวทมนตร์กลับไปด้วยท่ารับวอลเลย์บอล, ในเมื่อขี่ไม้กวาดไม่ได้ เลยโยนไม้กวาดแล้วกระโดดขี่แทนซะเลย หรือจะเป็น การลอยตัวกลางอากาศด้วยการตีขา (?)
คาแรคเตอร์ของมัช จะเป็นเด็กหนุ่มหัวเห็ด ไม่ค่อยพูดและสุงสิงกับใครเป็นพิเศษ มีสัญลักษณ์ประจำตัวอยู่สองอย่างคือ ‘การฝึกกล้ามเนื้อ และ ชูครีม’ เขาเป็นคนใสซื่อที่รักพวกพ้องและครอบครัวมาก ทว่าสิ่งที่ทำให้มัชอารมณ์ขึ้นได้มากที่สุดก็คือ การที่พวกพ้องหรือครอบครัวของเขาโดนทำร้าย และแต่ละฉากที่อนิเมะทำมาก็สามารถแสดงให้เห็นถึงความเท่ของมัชในเวอร์ชัน ‘เอาจริง’ ได้แบบสุด ๆ
เรื่องราวในโลกนี้ถ้าใครคุ้นเคยกับโลกเวทมนตร์ของซีรีส์ดังอย่าง ‘แฮร์รี่ พอตเตอร์’ ก็จะต้องรู้สึกอ๋อแน่นอน เพราะเรื่องนี้แทบจะเรียกได้ว่าจงใจล้อเลียนมาแบบชัด ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบ็คกราวด์ของโลก เนื้อเรื่อง และตัวละครหลาย ๆ ตัวแบบเป๊ะมาก ซึ่งมัชเป็นตัวละครแหกกฏเกณฑ์ของโลกเวทมนตร์ที่ถูกเพิ่มเข้ามา จนกลายเป็นเนื้อเรื่องต้นฉบับที่ทางอาจารย์แกดีไซน์ออกมาในแบบของตัวเองอีกที และเพราะพระเอกใช้พลังกล้ามในการแก้ปัญหาทุกสิ่งทุกอย่าง เลยออกจะกาวไปสักหน่อยในบางครั้ง
จากเนื้อเรื่องในซีซันที่ 1 จะเน้นไปทางแนวเฮฮามากกว่าจริงจัง เสมือนกับว่าทางทีมงานใช้เป็นการปูทางให้เราเข้าใจตัวละครต่าง ๆ มากขึ้น และจบด้วยการที่มัชถูกเปิดเผยความลับเรื่องที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้แก่ทุกคนในโรงเรียน ดังนั้นเนื้อเรื่องในซีซันที่ 2 จะเข้มข้นมากยิ่งขึ้นไปอีก เนื่องจากมัชไม่สามารถหาทางปกปิดได้อีกแล้ว (รู้กันทั้งโรงเรียน) ทำให้เขาสามารถจัดหนักจัดเต็มด้วยพลังกล้าม อีกทั้งเราจะได้เห็นความครีเอตของอาจารย์คนเขียนในการนำกล้ามมาแก้ปัญหามากขึ้นกว่าในซีซันแรก แต่จะขออุบไว้ก่อนว่ามีอะไรบ้าง รอลุ้นจากในอนิเมะเอาอีกทีละกัน
ด้านตัวละครนั้น ก็มีการเปิดตัวละครใหม่มาเยอะมาก แค่ในตอนแรกก็มีการกล่าวถึง ‘เทพประทาน ทั้ง 8 คน’ ที่ถือเป็นตำแหน่งสูงสุดของโลกเวทมนตร์ นักเรียนทุกคนล้วนอยากได้ตำแหน่งนั้นกันทั้งสิ้น ส่วนเทพประทานในปัจจุบันนั้นกลับมองมัชเป็นเพียงแค่ส่วนเกินของโลกเวทมนตร์ แล้วทีนี้มัชจะต้องทำยังไงเพื่อจะหลุดรอดจากสถานการณ์นี้ไปได้ล่ะเนี่ย ?
นอกจากนั้นยังไม่พอ มีการเปิดตัวละคร ‘อินโนเซนต์ ซีโร่’ ที่เปรียบได้กับ ‘ลอร์ดโวลเดอมอร์ (Lord Voldemort)’ ตัวร้ายหลักตลอดกาลของเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ อีกด้วย โดยจุดประสงค์ของเขาคือการครอบครองตัวมัช และเปิดศึกเป็นศัตรูกับกระทรวงเวทมนตร์แบบชัดเจน ซึ่งหลังจากเปิดปมมาขนาดนี้ ทำให้เนื้อเรื่องยิ่งทวีความเดือดขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความเกี่ยวข้องกันระหว่างมัชกับอินโนเซนต์ ซีโร่ หรือจะเป็น การที่มัชจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่โดนจ้องเล่นงานจากทั้งสองฝั่งยังไง ?
ตรงส่วนพลังเวทมนตร์ที่แตกต่างกันของแต่ละคน อาจารย์ก็สามารถดีไซน์พลังมาได้น่าสนใจมาก โดยในซีซันที่ 1 เราจะได้เห็นพลังของนักเรียนทั่วไปกันซะส่วนใหญ่ แต่พอมาในซีซันที่ 2 สเกลพลังของตัวละครใหม่แต่ละคนก็ถูกอัพระดับไปให้เหนือยิ่งกว่าตัวละครในช่วงแรก ทำให้การดีไซน์พลังแต่ละอย่างนั้นต้องมีเอกลักษณ์ในตัวของมันเองอีกด้วย (รวมไปถึงการอัพเกรดพลังของตัวละครเก่า) ยกตัวอย่างจากเทพประทานทั้ง 8 คนที่เปิดตัวมาในซีซันที่ 2 ทุกคนมีพลังที่แตกต่างกันโดยไม่ได้นับเฉพาะพลังที่มีต้นกำเนิดจากธาตุ แต่รวมไปถึงพวกสัตว์และสิ่งของด้วย เช่น แสง, ไฟ, น้ำแข็ง, ทราย, ดาบ, มังกร, ความรู้ และ ความตาย (?)
นอกจากส่วนของเทพประทาน ก็ยังมีนักเรียนคนอื่น ๆ ที่มัชต้องพบเจอในระหว่างทางพร้อม ๆ กับพวกพ้องของเขาที่ได้อัพเกรดพลังของตัวเอง ทำให้ยิ่งน่าติดตามว่าพลังของแต่ละคนจะสามารถแข็งแกร่งขึ้นไปได้ขนาดไหนกันนะ ทว่าถ้าเทียบกับพลังของตัวเอกอย่างมัชแล้วนั้น อันนี้น่าจะต้องรอลุ้นในด้านการแก้เกมแทนซะมากกว่า ว่ามัชจะใช้กล้ามสู้กับเวทมนตร์เหล่านั้นได้ยังไง ?
สรุป
‘Mashle ศึกโลกเวทมนตร์คนพลังกล้าม’ เป็นเรื่องราวล้อเลียนโลกเวทมนตร์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ตัวเอกของเราใช้พลังกล้ามเนื้อในการเผชิญหน้ากับทุกสถานการณ์ด้วยตรรกะแบบที่ต้องถอดสมองดู และก็สงสัยว่ากล้ามมันสามารถทำแบบนั้นได้ด้วยหรอ (?) ทว่าเรื่องนี้กลับครบรสกว่าที่คิดจากการผสมผสานระหว่างเรื่องราวคอมเมดี้ มิตรภาพพวกพ้อง และฉากแอคชั่นสุดครีเอต ที่จะทำให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงความกาวของพ่อหนุ่มหัวเห็ดนักกล้ามสุดใสซื่อ
Our score
9.3Mashle
จุดเด่น
- ครบรสทั้งคอมเมดี้ แอ็กชัน มิตรภาพ
- เรื่องราวล้อเลียนแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ทำมาได้แหวกแนว
- วิธีแก้ไขปัญหาของพระเอกด้วยพลังกล้าม ในแบบฉบับหลุดโลก
- ความเข้มข้นของเนื้อเรื่องในซีซันที่ 2 หลังจากเปิดตัวละครสำคัญมากขึ้น
จุดสังเกต
- ตัวละครที่เปิดมาใหม่มีเยอะมาก อาจจะทำให้สับสนหรือจำไม่ได้ในช่วงแรก
- บางช่วงอาจจะรู้สึกยืดเยื้อ เพราะมีส่วนที่โฟกัสไปที่การใช้ชีวิตของตัวละครด้วย
-
คุณภาพด้านเสียงพากย์
8.0
-
คุณภาพด้านแอนิเมชัน
9.5
-
คุณภาพของบท
9.0
-
คุณภาพของความบันเทิง
10.0
-
ความคุ้มเวลารับชม
10.0