[รีวิว] Wind Braker ฮีโร่ในคราบนักเลง ที่ต่อยตีเพื่อปกป้องความสงบสุขในเมือง !!

Our score

9.2

Release Date

04/04/2024

ความยาว

13 ตอน (อาจจะแบ่งฉาย 2 ซีซัน)

สตูดิโอที่ผลิต

CloverWorks

ต้นฉบับ

มังงะ (LC Phoenix Next)

ช่องทางการดู

Bilibili

เมื่อนักเลงที่ชอบต่อยตีกันเป็นประจำ กลับกลายมาเป็นฮีโร่ผู้คอยปกป้องเมืองจากการรุกรานของนักเลงโรงเรียนอื่น การเปลี่ยนแปลงนี้คืออะไรกันแน่ ทำไมนักเลงถึงกลับตัวกลับใจมาทำความดีได้ แล้วซากุระพระเอกของเรื่องที่อยากขึ้นจะเป็นอันดับหนึ่งด้านการทะเลาะวิวาท จะเอายังไงกับชีวิตต่อดีนะเมื่อดันมาเข้าโรงเรียนต่อยตีที่ผิดจากปกตินี้ สามารถหาดูได้ที่อนิเมะเรื่อง ‘Wind Breaker’ ที่ช่องทาง Bilibili ทางเดียวเท่านั้น

‘ซากุระ ฮารุกะ’ เด็กหนุ่มผู้โดนบุลลี่จากคนรอบตัวมาตลอดด้วยผมสองสีและตาสองสีแบบที่เห็นละเด่นสุด ๆ ทำให้หลายคนมองว่าเขาเป็นตัวประหลาด และซากุระมักจะจบที่การไปต่อยตีกับคนเหล่านั้นอยู่เสมอ จนกลายเป็นนักเลงเต็มตัวบวกฝีไม้ลายมือในการต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นจากประสบการณ์เรื่อย ๆ นอกจากนั้นซากุระยังตั้งเป้าหมายในการขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้านการทะเลาะวิวาทอย่าง ‘โรงเรียนฟูริน’ อีกด้วย

ทว่าเมื่อมาเจอกับนักเรียนโรงเรียนฟูรินจริง ๆ กลับกลายเป็นนักเลงที่นำการต่อยตีมาใช้เพื่อปกป้องเมืองและชาวบ้าน จนถูกเรียกขานว่า ‘โบฟูริน (โล่พิทักษ์เมือง)’ ซึ่งนักเรียนทุกคนที่เข้ามาเรียนที่ฟูรินนั้น ล้วนยึดมั่นในคตินี้กันหมดไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมห้อง รุ่นพี่ในชั้นเรียน หรือ จุดสูงสุดผู้คอยควบคุมโรงเรียนฟูริน แล้วอย่างงี้ซากุระที่โดนคนรอบตัวกลั่นแกล้งมาตลอดจะสามารถปรับตัวเข้ากับโรงเรียนฟูรินที่ต้องเข้าหาผู้คนเพื่อปกป้องได้มั้ยนะ ?

วินด์เบรกเกอร์ เป็นเรื่องราวที่เน้นเล่าไปที่การต่อยตีกันของนักเลงในประเทศญี่ปุ่น ที่เรามักจะเห็นได้จากหลาย ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น เรียกข้าว่าอีกา, จอมเก บลูส์, หรือแม้กระทั่งแนวนักเลงที่มีการผสมผสานความเป็นแฟนตาซีเข้าไปด้วยอย่างเรื่อง โตเกียวรีเวนเจอร์ โดยทุกเรื่องแน่นอนว่าต้องโฟกัสหลักไปที่การต่อยตีอยู่แล้ว แต่จุดที่จะทำให้คนติดตามกันต่อได้ ยังไงก็หนีไม่พ้นในส่วนของเนื้อเรื่องและตัวละครที่โดดเด่น

สำหรับเรืองนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีมากในส่วนของการดีไซน์ตัวละคร แม้จะเป็นโรงเรียนชายล้วน แต่ทุกคนกลับมีเอกลักษณ์พิเศษหรือลักษณะเด่นให้เราได้จดจำกันแบบง่าย ๆ จากในจำนวนของนักเรียนที่เยอะขนาดนี้ อนิเมะเพียงไม่กี่ตอนแรก เราก็สามารถทำความรู้จักตัวละครเด่น ๆ ได้เกือบสิบตัวแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ซากุระ พระเอกหัวสองสี, สุโอ หนุ่มผ้าปิดตาชุดทรงจีน, คาจิ ทรงเด็กเนิร์ดใส่หูฟังไม่สนใจโลก และ อีกหลายตัวละครมากมายที่ให้เลือกปักเมน

ขอยกตัวอย่างเรื่องที่การดีไซน์ตัวละครที่โดดเด่นจนเป็นที่จดจำของคนอ่าน อย่างเรื่อง โตเกียวรีเวนเจอร์ (แนวนักเลงย้อนเวลา) ก่อนละกัน ไม่ว่าจะตัวละครหลัก ศัตรู หรือตัวละครรองที่ตายไป เราสามารถแยกแยะลักษณะเด่นของแต่ละคนออกและจดจำได้เลย ไม่ว่าจะเป็น ดราเค่นที่มาพร้อมกับทรงผมเปิดเกรียนและรอยสักมังกร (ในไลฟ์แอคชั่นทำมาหล่อมาก), ไมกี้ ชายหนุ่มตัวเล็กแต่ต่อยตีเก่ง, บาจิ พ่อหนุ่มผมยาว, หรือจะแม้กระทั่ง คิซากิ หนุ่มแว่นที่คอยจ้องจะทรยศตลอดเวลา ซึ่งการดีไซน์ตัวละครให้โดดเด่น ถือเป็นอีกหนึ่งข้อดีของเรื่องวินด์เบรกเกอร์ที่ทำให้เราเทียบชั้นกับอนิเมะแนวนักเลงตีกันเรื่องอื่น ๆ ในสมัยก่อนได้เลย

สำหรับด้านของเนื้อเรื่อง จะโฟกัสหลักไปที่พัฒนาการทางด้านอารมณ์ของซากุระ ฮารุกะ ซะมากกว่า พระเอกของเรื่องที่เริ่มต้นจากการไม่เชื่อใจใคร เอะอะอะไรก็เน้นต่อยไว้ก่อนค่อยคุยทีหลัง แต่หลังจากมาเจอกับชาวเมืองและนักเรียนในโรงเรียนฟูริน ซากุระก็ได้ทำความรู้จักกับความรู้สึกใหม่ ๆ ที่ตนเองไม่เคยได้รับ ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพ การไม่โดนคนรอบตัวมองด้วยสายตาแปลก ๆ หรือแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อยอย่างการพูดขอบคุณ

ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เขาแอบเฝ้าหามาตลอด แม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถปรับตัวกับความรู้สึกแบบนั้นได้อย่างรวดเร็ว แต่เขาก็พยายามที่จะเริ่มเปิดใจขึ้นทีละนิดแก่คนรอบข้าง และอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองตามไปพร้อมกับเหล่าพรรคพวกที่พบเจอในโรงเรียนแห่งนี้ ถือเป็นพัฒนาการตัวละครที่ช่วยดึงดูดให้น่าติดตามมาก

ความฟีลกู๊ดจากบุคลิคนิสัยอันโดดเด่นของซากุระ น่าจะทำให้หลายคนอมยิ้มกันแน่นอน เพราะจากการที่ไม่เคยโดยคนปฏิบัติด้วยแบบดี ๆ มาตลอด พอมาเจอที ก็ทำให้ซากุระเขินขึ้นมาและออกอาการทำตัวไม่ถูก พูดผิดพูดถูก หรือที่เรียกกันในภาษาญี่ปุ่นว่า ‘ซึนเดเระ’ นั่นเอง แต่ในอีกมุมตอนที่ซากุระจริงจัง เขาจะออกตัวแสดงออกแบบขวานผ่าซากตรง ๆ และพูดแบบไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายด้วยคำพูดจุก ๆ โดยไม่สนว่าเรื่องนั้นจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนตามมาทีหลังมั้ยก็ตาม ขอ ‘ปากแซ่บ’ นำไว้ก่อนละกัน

ซึ่งตรงส่วนนี้ถือเป็นการยกตัวละครพระเอกให้สามารถดูโดดเด่นขึ้นมาได้มาก ๆ ไม่โดนตัวละครอื่น ที่สร้างมาให้มีหลากหลายเอกลักษณ์กลบไปซะก่อน ทั้งในส่วนของด้านอารมณ์อันหลากหลายที่สมเหตุสมผล หรือในด้านของการต่อสู้ที่เก่งไม่แพ้ใครหน้าไหนเหมือนกัน (ไม่เหมือนอีกเรื่องที่ตัวละครอื่นดันเด่นกว่า ส่วนพระเอกเน้นรับหมัดแบบอึด ๆ อย่างเดียว จนทำให้หลายคนเบื่อตัวละครพระเอก)

ส่วนทางด้านของ Studio ผู้สร้างอนิเมะเรื่องวินด์เบรกเกอร์ ที่ต้องเน้นไปทางแอคชันและตัวละครให้ดูโดดเด่น (โดยเฉพาะหน้ามีมของซากุระ) ซึ่งผู้รับหน้าที่ตรงส่วนนี้ไปและสามารถทำออกมาได้ดีแบบเกินคาดมาก ก็คือ Studio CloverWorks เจ้าของผลงานล่าสุดอย่างเรื่อง Spy x Family (Season 2, Movie : Code White) ที่ทำออกมาได้ลงตัวทั้งฉากต่อสู้และฉากน่ารัก ๆ ของน้องอาเนีย

ดังนั้นถ้าใครที่ยังไม่ได้เริ่มดู บอกได้เลยว่า CloverWorks ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน เพราะทั้งฉากดำเนินเรื่องและฉากต่อสู้ต่าง ๆ ถูกดีไซน์ออกมาให้สมูธลื่นไหลมาก จากที่เคยอ่านมังงะมาว่าสนุกแล้ว พอมาได้สัมผัสอนิเมะก็ยังสามารถดึงความสนุกเพิ่มขึ้นมาได้จากฉากต่อสู้นี้อีกด้วย และที่สำคัญคือสไตล์การต่อสู้ของแต่ละคน ที่จะทยอยปล่อยของกันตามมาอีกทีในภายหลัง จนทำเอาอยากรู้เลยว่าทาง CloverWorks จะทำออกมาได้ดีขนาดไหนกันนะ

สรุป

‘Wind Breaker’ อนิเมะนักเลงยุคใหม่ ที่ไม่ได้ต่อยตีเพื่อตัวเองหรือชิงอำนาจเหนือใคร แต่กลับเป็นการต่อยตีเพื่อปกป้องคนอื่น จนถูกยกย่องให้เป็นฮีโรประจำเมืองจากคนในชุมชน แล้วงี้ซากุระ ฮารุกะ พระเอกของเรื่องที่อยากจะก้าวขึ้นไปยังจุดสูงสุดของการใช้ความรุนแรง จะต้องพบเจอกับบรรยากาศแบบใหม่จากพรรคพวกเหล่านี้ จนนิสัยที่เข้ากับใครไม่ได้ของเขา ค่อย ๆ ถูกหล่อหลอมให้สมกับเป็นนักเลงประจำโรงเรียนฟูริน ที่ต่อสู้เพื่อปกป้องเท่านั้น !!